เมียหวานของประธานเย็นชา - บทที่ 669 แผนการของจี้จิ่งเชิน
บทที่ 669 แผนการของจี้จิ่งเชิน
นักข่าวตะลึงอยู่ครู่หนึ่งและพบว่าเวินเที๋ยนเที๋ยนเดินไปได้ครึ่งทางแล้ว ทันใดนั้นจึงได้สติขึ้นมาและหยิบกล้องขึ้นมาถ่ายภาพทันที
แสงแฟลชสว่างวาบขึ้น เวินเที๋ยนเที๋ยนมองไปยังทิศทางของแสงโดยไม่รู้ตัว ดวงตามีความสงสัยและแปลกใจเล็กน้อย
เมื่อพบว่าตัวเองถูกถ่ายรูป ใบหน้าของเธอก็แดงขึ้นมาระเรื่อ และแฝงด้วยความเขินอาย
ฉากนี้ถูกถ่ายเข้าโดยบังเอิญพอดี
นักข่าวที่กำลังดูรูปถ่ายในกล้องถึงกับต้องสูดลมหายใจเข้าลึกๆ
ถึงแม้ว่าจะไม่มีชุดราตรีที่งดงาม แต่ในภาพนี้เวินเที๋ยนเที๋ยนกลับดูงดงามน่าทึ่งและมีเสน่ห์อย่างยิ่ง
กล่าวได้ว่านี่เป็นภาพถ่ายที่สมบูรณ์แบบที่สุดที่เขาเคยถ่ายในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา
การแสดงออกอย่างงดงาม ไม่แปลกปลอม ทำเอาคนแทบอยากจะทำผิดกฎหมาย
เมื่อเห็นฉากนี้ ผู้คนต่างก็รู้สึกเสียดายที่ไม่ได้จับภาพในตอนนี้เอาไว้ พวกเขาจึงหยิบกล้องขึ้นมาเพื่อถ่ายภาพชาวเวินเที๋ยนเที๋ยนอย่างบ้าคลั่งไม่ยอมแพ้
เวินเที๋ยนเที๋ยนรู้สึกประหลาดใจไปเล็กน้อย และรู้สึกเขินอายอยู่บ้างจริงๆ
อันที่จริงพวกเขามาถึงด้านนอกสถานที่เมื่อสิบนาทีก่อนแล้ว แต่เมื่อเห็นเหล่าดาราที่มาเดินพรมแดง ทุกคนล้วนแต่งตัวกันอย่างดงาม เวินเที๋ยนเที๋ยนก็ลังเลขึ้นมา
เมื่อนึกถึงวันนี้ขณะที่อยู่ในปราสาท เวินเที๋ยนเที๋ยนก็อดไม่ได้ที่จะบ่นขึ้นมา
เดิมทีเธอได้เตรียมชุดราตรีแบบปาดไหล่ที่มีสไตล์ทางการเอาไว้ชุดหนึ่ง หากเทียบกับสงครามชุดราตรีของเหล่าดาราพวกนี้แล้ว ชุดนั้นถือได้ว่าเป็นแบบอนุรักษนิยมอย่างยิ่ง
อีกทั้งเธอยังคำนึงถึงอุณหภูมิในคืนฤดูใบไม้ร่วงที่ไม่สูงมากอย่างแน่นอน ดังนั้นเธอจึงเลือกชุดแบบคลุมมิดชิดเพื่อให้ความอบอุ่น
แต่เมื่อเธอเปลี่ยนเสื้อผ้าและเดินลงไปชั้นล่างก็พบกับจี้จิ่งเชินที่กำลังนั่งอยู่ในห้องนั่งเล่นเข้าพอดี
ทันทีที่อีกฝ่ายเห็นเสื้อผ้าของเธอ คิ้วก็ขมวดขึ้นมาเล็กน้อยเกิดเป็นร่องเล็ก
เขาไม่ได้พูดออกมาโดยตรง แต่กลับเอ่ยอย่างมีไหวพริบยอดเยี่ยม
“ก่อนพิธีมอบรางวัล ยานพาหนะจะต้องหยุดจอดจากด้านนอกพรมแดงและเดินเท้าเข้าไปที่นั่น พรมแดงมีความยาวมากกว่า 50 เมตรและเวลาโดยรวมทั้งหมดแล้วกินเวลามากกว่าครึ่งชั่วโมง”
“ตอนนี้เป็นช่วงปลายฤดูใบไม้ร่วง และตอนกลางคืนอุณหภูมิก็ต่ำมาก” คำพูดของเขาฟังดูจริงใจอย่างยิ่ง
เวินเที๋ยนเที๋ยนพยักหน้า
“ฉันรู้ ฉันก็เลยเลือกชุดที่คลุมไหล่ แบบนี้ถึงจะอุ่นขึ้นมาหน่อย”
จี้จิ่งเชินมองไปที่กระโปรงบางๆ ของเธอ แต่กลับไม่เชื่อเธออย่างใด คิ้วของเขาขมวดแน่นขึ้น
“แต่ที่นั่นมันหนาวมาก”
เวินเที๋ยนเที๋ยนมองเขาอย่างงงงวย
จี้จิ่งเชินไม่ได้อธิบายอะไรเพิ่มเติม แต่เขากลับจับมือเธอแล้วเดินออกไปด้านนอก
เมื่อออกจากปราสาทและเดินเข้าไปในกลางสวน
แม้ในเวลานี้จะเป็นเวลาเย็น ดวงอาทิตย์กำลังลอยอยู่ทางทิศตะวันตก และอุณหภูมิก็ลดลงเพียงเล็กน้อย แต่ในสวนกลับรู้สึกได้ถึงความหนาวเย็นขึ้นมาหลายส่วน
ทันทีที่ไปเวินเที๋ยนเที๋ยนเดินออกไป เธอก็รู้สึกหนาวจนสูดลมหายใจ และอดไม่ได้ที่จะกอดอกเพื่อให้ความอบอุ่น
จี้จิ่งเชินหันมามองเธอและพูดว่า “หลังจากนี้สองชั่วโมง คือเวลาที่เธอเข้าสู่สถานที่จัดพิธีมอบรางวัลอย่างเป็นทางการ อุณหภูมิจะต่ำกว่าที่เป็นอยู่ 5-10 องศา”
เวินเที๋ยนเที๋ยนได้ยิน ก็อดไม่ได้ที่จะเบิกตากว้าง
ดูเหมือนว่าก่อนหน้านี้เธอจะจินตนาการถึงอุณหภูมิและความต้านทานต่อความหนาวเย็นของเธอแบบสวยหรูมากไปหน่อย
แค่ตอนนี้เธอก็รู้สึกหนาวอยู่บ้างแล้ว หากรอจนกระทั่งตอนตกค่ำเดินพรมแดง เธอจะไม่สั่นตัวสั่นงกๆ ไปแล้วหรือ?
จี้จิ่งเชินราวกับจะอ่านความคิดในใจของเธอได้ และพยักหน้าโดยไม่ลังเล
เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “ถึงตอนนั้นเธอจะไม่ใช่แค่หนาวจนตัวสั่น แต่จะต้องป่วยและเป็นหวัดอย่างแน่นอน”
หัวใจของเวินเที๋ยนเที๋ยนหวั่นไหวและมองลงไปที่เสื้อผ้าของตนทันที จากนั้นก็รู้สึกทรมานขึ้นมาอยู่บ้าง
“แต่ฉันเตรียมชุดไว้แค่ชุดเดียวสำหรับงานประกาศรางวัลนี้”
ได้ยินดังนั้น จี้จิ่งเชินก็มองดูเวินเที๋ยนเที๋ยน จากนั้นจึงเรียกพ่อบ้านเข้ามา
“ไปเอาชุดที่ฉันเคยสั่งทำเอาไว้ก่อนหน้านั้นมา”
“ครับ นายท่าน”
พูดจบ เขาก็หันหลังเดินเข้าปราสาทไป
เวินเที๋ยนเที๋ยนงงงวย
คุณสั่งเสื้อผ้าตั้งแต่เมื่อไหร่? ทำไมฉันไม่รู้”
“ฉันสั่งตัดเมื่อก่อนหน้านี้ ตัดเอาไว้ให้เธอหลายตัว ตอนนี้ได้ใช้พอดี”
เวินเที๋ยนเที๋ยนได้ยิน ก็รู้สึกประหม่าเล็กน้อย
“คุณคงไม่ได้คิดจะให้ฉันสวมเสื้อแจ็คเก็ตบุนวมและเสื้อขนเป็ดไปเข้าร่วมงานรับรางวัลใช่ไหม? ”
“ไม่ใช่แน่นอน”
จี้จิ่งเชินตอบอย่างแน่วแน่ และทำเพียงเอ่ยเสริมในใจเงียบๆ ไม่ใช่เสื้อขนเป็ด แต่เป็นเสื้อโค้ตที่หนามากต่างหาก
สิ่งที่สำคัญที่สุดอีกเรื่องคือจะต้องปกปิดอย่างมิดชิดไม่ใช่ใครได้จับตามอง อีกทั้งยังต้องไม่ให้เวินเที๋ยนเที๋ยนป่วย
เพียงแต่เวินเที๋ยนเที๋ยนกลับไม่รู้สักนิดว่าตอนนี้เขาคิดอะไรอยู่ เมื่อได้ยินคำรับรองของจี้จิ่งเชิน เธอก็พยักหน้าอย่างสบายใจ
แต่เมื่อเห็นพ่อบ้านนำเสื้อผ้าพวกนั้นมาให้ เธอก็ถึงกับตะลึงไป
“คุณจะใส่ฉันชุดนี้ไปงานประกาศรางวัลจริงๆ เหรอ?”
“อืม” ท่าทีของจี้จิ่งเชินแน่วแน่อย่างยิ่ง
“แม้ว่าทุกปีจะมีดารามากมายในเทศกาลภาพยนตร์ที่แต่งตัวแปลกๆ เพื่อต่อสู้ให้ได้มาถึงตำแหน่งพาดหัวข่าว แต่สำหรับดาราหญิงเหล่านั้นล้วนเป็นเพราะต้องการโปรโมตตัวของพวกเขาเองทั้งนั้น ครั้งนี้เธอไปรับรางวัล ถ้าเธอแต่งตัวสวยเกินไปมันก็ง่ายที่จะดึงดูดความสนใจของผู้คน ในทางกลับกันมันก็จะทำให้พวกเขาเบนความสนใจออกจากผลงานของเธอ และมาสนใจที่ตัวเธอแทนไม่ใช่ที่ตัวหนัง”
“แต่…”
แต่เมื่อมองไปที่เสื้อคลุมสีขาวในมือของเธอ เวินเที๋ยนเที๋ยนก็ยังคงลังเล
จะบอกว่าสะดุดตาและแต่งตัวแปลกๆ แต่เมื่อเทียบกับชุดราตรีก่อนหน้านี้แล้ว การใส่เสื้อโค้ตไปร่วมงานรับรางวัลและเดินพรมแดงต่างหากที่สะดุดตามากกว่ารึเปล่า?
แต่เมื่อเห็นท่าทางมุ่งมั่นของจี้จิ่งเชิน และเอ่ยกับเธออย่างจริงจังว่ารอจนเธอออกไปยังพรมแดงก็จะรู้ว่ามันหนาวแค่ไหน เวินเที๋ยนเที๋ยนก็หวั่นไหวแล้ว
เธอทำได้แค่เปลี่ยนชุด และเอ่ยอย่างกังวล “หากฉันใส่ชุดนี้ไป คนอื่นจะคิดว่าฉันแปลกมากไหมคะ? ”
“ไม่แน่นอน” เพื่อให้เธอยอมใส่ชุดนี้ จี้จิ่งเชินจึงตอบกลับอย่างแน่ใจอย่างยิ่ง
แต่เวินเที๋ยนเที๋ยนยังคงกังวลและหันไปหาพ่อบ้าน
การแสดงออกบนใบหน้าของพ่อบ้านซับซ้อนอย่างยิ่ง เมื่อได้รับสายตาจากจี้จิ่งเชิน เขาจึงได้แต่เอ่ย “ไม่แปลก คุณหนูใส่แบบนี้แล้วสวยมาก”
ด้วยวิธีนี้ เวินเที๋ยนเที๋ยนจึงค่อยมั่นใจได้ในที่สุด
จี้จิ่งเชินหัวเราะ
เขาจะไม่บอกเวินเที๋ยนเที๋ยนหรอกว่า ที่ตนขอให้เธอสวมชุดนี้ไป ก็เป็นเพราะโถน้ำส้มในใจของเขากำลังถูกพลิกคว่ำ และเขาก็ไม่ต้องการให้สมบัติของเขาถูกใครแอบดู
แน่นอนว่า ประเด็นที่สำคัญกว่าคือเขากังวลเกี่ยวกับเวินเที๋ยนเที๋ยนที่อาจจะป่วยเพราะเป็นหวัด
แต่จนกระทั่งเวินเที๋ยนเที๋ยนและผู้กำกับมาถึงด้านนอกงาน และเห็นดาราคนอื่นๆ แต่งตัวต่างจากตนเองก็ถึงกับลังเลขึ้นมา
ตอนที่เธอเริ่มเดินบนพรมแดง ผู้คนยังไม่ได้ตระหนักว่าเธอสวมชุดอะไร เวินเที๋ยนเที๋ยนยังคงโชคดีอยู่เล็กน้อย บนตัวเธอรู้สึกอบอุ่นและคิดว่าความคิดของจี้จิ่งเชินนั้นยอดเยี่ยมมาก
โดยเฉพาะอย่างยิ่งการได้เห็นนักแสดงด้านหน้าที่กำลังหนาวสั่น เธอก็ยิ่งรู้สึกมีความสุขที่ได้สวมเสื้อโค้ต
แต่อารมณ์นี้กลับเกิดขึ้นได้เพียงไม่กี่นาทีเท่านั้น ไม่รู้ว่านับตั้งแต่ตอนไหน ที่ผู้สื่อข่าวโดยรอบกำลังมุ่งความสนใจมายังตัวเอง
จนมีแม้กระทั่งคนที่เริ่มถ่ายภาพเธอ