เมียหวานของประธานเย็นชา - บทที่ 686 พี่เวิน ขอโทษ
บทที่ 686 พี่เวิน ขอโทษ
เห็นท่าทางของเวินหมิงเฮ่าตอนนี้แล้วนั้น ดูไม่สามารถประติดประต่อกับเมื่อก่อนได้เลยเสียจริงๆ เป็นอย่างที่คุณครูคนนั้นพูดจริงๆ เปลี่ยนไปมาก แล้วก็น่าเอ็นดูไม่น้อยด้วยเช่นกัน มีความเป็นเด็กมากขึ้น
รอจนร้องเพลงจบแล้ว ในห้องนั้นเงียบลง เหยาเย้นถึงได้เห็นเวินเที๋ยนเที๋ยนกับจี้จิ่งเชินยืนอยู่ตรงหน้าประตู ลุกขึ้นมาด้วยความดีใจ
“เมื่อครู่นี้ได้ยินคนอื่นพูดกันว่าวันนี้คุณสองคนจะมา ฉันยังคิดอยู่เลยว่าจะมากันเมื่อไหร่? ไม่คิดว่าพวกคุณจะมากันเร็วขนาดนี้”
ว่าแล้ว เธอจึงหันไปโบกมือให้กับเด็กๆพลางเอ่ยขึ้น : “วันนี้ฝึกเท่านี้ก่อนนะคะ ทุกคนไปพักได้ค่ะ”
เอ่ยบอกแล้วนั้น เด็กๆที่ยืนกันเป็นระเบียบอยู่นั้นถึงได้เคลื่อนไหวกัน หัวเราะกันด้วยความสนุกสนานแล้วพากันวิ่งออกไป
มีเพียงแค่เวินหมิงเฮ่าที่ยังไม่ได้ออกไป แต่กลับยืนอยู่ที่เดิม แล้วมองมาทางเวินเที๋ยนเที๋ยนอยู่เช่นนั้น ราวกับกำลังลังเลว่าจะเข้ามาหาดีหรือเปล่า
เวินเที๋ยนเที๋ยนเห็นเขายืนอยู่ตรงที่เดิมนั้นโดยไม่เคลื่อนไหวใดๆ จึงเป็นฝ่ายโบกมือขึ้น
“หมิงเฮ่า จำฉันได้หรือเปล่า?”
ท่าทางของเวินหมิงเฮ่าดูเขินอาย แต่ก็เดินเข้ามาหาในที่สุด ยืนอยู่ข้างๆเหยาเย้น แล้วหันไปโค้งตัวให้กับเวินเที๋ยนเที๋ยนและจี้จิ่งเชินเล็กน้อย น้ำเสียงจริงจังเป็นอย่างมาก
“พี่เวิน ขอโทษครับ”
จู่ๆได้ยินประโยคนี้ เวินเที๋ยนเที๋ยนรู้สึกแปลกใจขึ้นมาทันที
เหยาเย้นยิ้มออกมาด้วยความรู้สึกเสียใจพลางอธิบาย : “ตั้งแต่หมิงเฮ่ามาที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้านี่เขาก็เปลี่ยนไปมากจริงๆค่ะ รู้ความกว่าเมื่อก่อนมากแล้ว เป็นเพราะก่อนหน้านี้ทำให้คุณได้รับบาดเจ็บ เขาก็อยากจะขอโทษคุณมาโดยตลอด แต่คุณไม่ได้มาที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้านี่เลย ก็เลยลากยาวมาจนถึงตอนนี้ เรื่องก่อนหน้านี้ต้องขอโทษคุณด้วยจริงๆนะคะ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนนึกขึ้นได้ในทันที จึงส่ายหน้า แล้วมองเวินหมิงเฮ่าตรงหน้าด้วยความแปลกใจ
ดูแล้วการเปลี่ยนแปลงของเขานั้นเปลี่ยนไปมากจริงๆ
เธอยกมือขึ้นมาลูบที่ศีรษะของเวินหมิงเฮ่า ยิ้มแล้วเอ่ยพูดกับเขา : “ฉันไม่ได้โกรธเสียหน่อย ไม่ต้องกังวลไปนะ”
เวินหมิงเฮ่า ได้ยินแล้ว จึงรู้สึกโล่งใจขึ้น เงยหน้าขึ้นมาสบตากับเหยาเย้น ใบหน้าปรากฏรอยยิ้มออกมา แสดงให้เห็นถึงความไร้เดียงสาและความร่าเริงของเด็กๆเหล่านี้
เหยาเย้นลูบแก้มของเขา
“เอาล่ะ ไปเล่นเถอะลูก รู้อยู่แล้วว่าลูกอยากไป ไปเล่นกับเพื่อนๆเถอะ”
เวินหมิงเฮ่าพยักหน้า แล้วหันมาโค้งให้กับเวินเที๋ยนเที๋ยนและจี้จิ่งเชินอีกครั้ง ถึงได้วิ่งออกไป
มองตามเบื้องหลังของเขาไป เวินเที๋ยนเที๋ยนก็ยังคงรู้สึกแปลกใจกับการเปลี่ยนแปลงไปมากขนาดนี้ของเขาอยู่ดี
ราวกับนึกถึงเรื่องเดียวกับเธอ ใบหน้าของเหยาเย้นที่อยู่ข้างๆนั้นก็ปรากฏถึงความชื่นใจออกมาด้วยเช่นกัน
“น่าตกใจใช่ไหมคะ? คุณครูที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าบอกว่าเนื้อแท้ของหมิงเฮ่าไม่ใช่เด็กไม่ดี เป็นเพียงแค่เขาถูกตามใจจนเสียนิสัยเท่านั้น มีเด็กหลายๆคนที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้านี่เป็นแบบอย่าง เขาก็สามารถกลับสู่ธรรมชาติแบบเมื่อก่อนได้แล้ว และเห็นถึงตรงจุดนี้ด้วย ฉันถึงได้ตัดสินใจมาทำงานที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้านี่”
เวินเที๋ยนเที๋ยนพยักพยักหน้า เห็นว่ารอบๆไม่มีคนแล้ว จึงเอ่ยถามขึ้นอีก : “เรื่องของคุณกับเวินหงไห่ล่ะคะ? มีความคืบหน้าอะไรบ้างไหม?”
เหยาเย้นส่ายหน้า ใบหน้าปรากฏสีหน้าท่าทางที่ผิดหวังออกมา
เรื่องหย่าของเธอกับเวินหงไห่ผ่านมาเป็นเวลานานขนาดนี้แล้ว กลับยังคงไม่เป็นผลเช่นเดิม
เวินหงไห่ราวกับคนบ้า ขอให้เธอเอาตัวเวินหมิงเฮ่าไปให้เขา
แต่ตอนนี้เวินหมิงเฮ่ากลับมาเป็นเด็กที่ใสซื่อไร้เดียงสาเหมือนเด็กคนอื่นๆแล้ว เธอจะเอาตัวลูกเข้าไปในขุมนรกอีกได้อย่างไรกัน?
แม้กระทั่งพ่อแม่ของตัวเองนั้นก็ยังฟังคำพูดของเวินหงไห่ ห้ามปรามเธอหลายต่อหลายครั้ง และให้เธอกลับไปยังตระกูลเวินอีกครั้ง ล้วนแต่ก็ถูกเหยาเย้นปฏิเสธไปด้วยกันทั้งนั้น
เมื่อเผชิญหน้ากับความไม่พอใจของทุกคน ตอนนี้เหยาเย้นสามารถพูดได้ว่าทวนกระแสน้ำ ต่อสู้อย่างสุดชีวิตเพียงลำพัง คนเดียวที่ให้พลังกับเธอได้นั้นก็คือเวินหมิงเฮ่าที่อยู่ข้างกายเธอนี่เอง
ได้มองดูเขาเติบโตขึ้นด้วยความแข็งแรงในทุกๆวัน ต่อให้พบกับความยากลำบากซักแค่ไหนก็สามารถกล้ำกลืนลงไปได้
คิดแล้ว ใบหน้าของเธอก็ยิ้มขึ้นมาอีกครั้ง พลางหันไปยิ้มกับเวินเที๋ยนเที๋ยน
“เรื่องนี้เอาไว้ว่ากันอีกทีเถอะค่ะ พวกคุณมากันตั้งไกล จะต้องดูการแสดงให้จบก่อนแล้วค่อยกลับนะคะ หลังจากที่พวกเด็กๆรู้ว่าพวกคุณจะมา ก็พากันฝึกฝนอย่างหนัก รอที่จะได้แสดงต่อหน้าพวกคุณ”
“ได้ค่ะ ตอนที่เพิ่งเข้ามาก็เห็นแล้วเหมือนกันค่ะ พวกเด็กๆน่ารักกันมากๆเลยค่ะ”
“ใช่ค่ะ” เหยาเย้นพยักหน้าลง “เห็นพวกเขา ก็เหมือนกับได้เห็นด้านที่สวยงามที่สุดด้านหนึ่งในโลกใบนี้”
ว่าแล้ว คุณครูสองสามคนก็เดินเข้ามาจากทางด้านนอก พลางเอ่ยเร่งรัดขึ้นมา : “รายการเริ่มขึ้นแล้วนะคะ คุณเวิน คุณจี้ พวกคุณมาด้วยกันสิคะ”
จี้จิ่งเชินดึงตัวเวินเที๋ยนเที๋ยนเดินออกไป
เวลานี้ตรงลานกว้าง เด็กๆได้นั่งลงที่เก้าอี้ม้านั่งของตัวเองกันอย่างน่ารัก
เมื่อเห็นเวินเที๋ยนเที๋ยนและจี้จิ่งเชินเดินออกมา ก็มองพวกเขาด้วยดวงตาที่เป็นประกาย ดีใจกันอย่างเห็นได้ชัด
ตรงกลางลานกว้างนั้นมีการสร้างเวทีเล็กๆขึ้นมา คุณครูคนหนึ่งกำลังประกาศเริ่มการแสดงอยู่ด้านบน
การแสดงแรกเป็นของเด็กเล็กโรงเรียนอนุบาล
บอกว่าเป็นการเต้นรำ แต่จริงๆแล้วนั้นคล้ายๆกับการออกกำลังกายมากกว่า เด็กๆยืนต่อแถวกัน มีการเคลื่อนไหวของบางคนที่ยังคงเคลื่อนไหวผิดอยู่บ้าง แต่ทุกคนก็มีใบหน้าที่มีความตั้งใจที่จะทำหน้าที่ของตัวเองให้สำเร็จ
ดูแล้วนั้นช่างน่ารักกันเหลือเกิน
การแสดงต่อมานั้นก็คือการแสดงร้องเพลงประสานเสียงของเวินหมิงเฮ่า
สถานเลี้ยงเด็กกำพร้ารับเลี้ยงเด็กๆเหล่านี้ ให้การดูแลอย่างดีที่สุด ขอเพียงแค่ให้พวกเขาได้มีท้องฟ้าเป็นของตัวเองในวันข้างหน้าได้
เวลานี้เห็นในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าที่ไม่ใหญ่แห่งนี้ โดยมีเวทีเล็กๆอยู่เช่นนี้ ทำให้ทุกคนมีใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม และแม้แต่อากาศที่อึมครึมอยู่ในวันนี้ ท้องฟ้าก็ปลอดโปร่งขึ้นมาในทันทีเช่นกัน
หลังจากที่การแสดงเสร็จสิ้นลงแล้วนั้น เด็กๆก็ลงมาจากเวที ถึงแม้ว่าจะมองเวินเที๋ยนเที๋ยนด้วยดวงตาที่เป็นประกาย อยากจะเดินเข้ามาคุยกับเธอ และแน่นอนว่าไม่มีคำสั่งจากคุณครู ก็ยังคงประพฤติตัวกันอย่างเรียบร้อยโดยไม่กล้าเคลื่อนไหวไปทั่ว เดินมายังตำแหน่งของตัวเองแล้วนั่งลงอย่างว่าง่าย
จนกระทั่งการแสดงทั้งหมดสิ้นสุดลง คุณครูบอกว่าเด็กๆสามารถเคลื่อนที่กันได้อย่างอิสระแล้ว ถึงได้เหมือนกับการปล่อยนกออกมาจากกรงอย่างไรอย่างนั้น พุ่งตรงมาหาเวินเที๋ยนเที๋ยน กอดออดอ้อนเธอแน่น
แม้แต่จี้จิ่งเชินที่อยู่ข้างๆ เด็กๆก็ไม่ได้รู้สึกกลัวเลย พากันกอดเขาแน่นด้วยเช่นกัน
จากการสัมผัสคลุกคลีกันมาเป็นเวลานานขนาดนี้ ทุกคนต่างก็รู้ว่าบางครั้งจี้จิ่งเชินจะดูดุไปบ้าง แต่ก็จะไม่มาโมโหใส่พวกเขา แต่กลับตามใจมากอีกด้วย อยากได้หรือต้องการอะไรก็มักจะได้ตามนั้น
แต่จริงๆแล้วที่พวกเขาไม่รู้ก็คือ ที่จี้จิ่งเชินให้ท้ายพวกเขาเช่นนี้นั้น เพียงแค่ไม่อยากจะได้ยินเสียงร้องไห้ของเด็กๆเหล่านี้เท่านั้นเอง
ถ้าหากเด็กๆจำนวนมากมายขนาดนี้ร้องไห้พร้อมๆกัน ฟ้าก็คงจะถล่มลงมาแล้ว
ทั้งสองคนอยู่ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้ากันจนถึงช่วงค่ำๆ พวกเด็กๆกำลังจะพักผ่อนกันแล้วนั้น พวกเขาถึงได้เตรียมตัวกลับออกมา
กว่าจะได้กลับมายังคฤหาสน์นั้น เวินเที๋ยนเที๋ยนที่เพิ่งจะเข้าประตูมานั้น จู่ๆก็นึกขึ้นมาได้ถึงเรื่องโทรจองร้านอาหารก่อนหน้าที่ถูกจี้จิ่งเชินดึงตัวไป จึงรีบวิ่งเข้าไปยังด้านใน
สะบัดออกจากจี้จิ่งเชินแล้ว ก็หาโทรศัพท์ที่จะโทรหาร้านอาหารร้านนั้น
แต่ทางฝ่ายนั้นกลับเอ่ยบอกว่า : “ขอโทษด้วยนะคะ เทศกาลคริสต์มาสปีนี้ที่ถูกจองเต็มหมดแล้วค่ะ”
“ไม่มีแม้แต่ที่เดียวเลยหรือคะ?” น้ำเสียงของเวินเที๋ยนเที๋ยนนั้นผิดหวังอย่างปิดไม่มิด
“ต้องขอโทษด้วยจริงๆค่ะ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนถอนหายใจออกมา แล้วกดโทรออกหาร้านอาหารร้านอื่นใหม่อีกครั้ง แต่คำตอบที่ได้รับนั้นกลับเหมือนกันทั้งหมด
ทำอย่างไรดี?
ถ้าหากตอนกลางวัน จี้จิ่งเชินไม่ได้มาขัดเธอ บางทีอาจจะจองที่สุดท้ายเอาไว้ได้
แต่ตอนนี้ ไม่มีแม้แต่ที่เดียวแล้ว