เมียหวานของประธานเย็นชา - บทที่ 693 ไม่มีเงินแม้แต่บาทเดียว
บทที่ 693 ไม่มีเงินแม้แต่บาทเดียว
จี้จิ่งเชินวางเวินเที๋ยนเที๋ยนไว้บนเตียง ก้มหน้าจ้องมองเธอ
“เที๋ยนเที๋ยนวางใจได้เลย ผมต้องพยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อให้คุณพอใจอย่างแน่นอน”
เวินเที๋ยนเที๋ยนรีบส่ายหัว
“ตอนนี้ฉันพอใจมากแล้ว”
พูดจบก็ได้ถอยหลังไปหลายก้าว เพื่อจะได้หลุดจากตัวจี้จิ่งเชิน
แต่คิดไม่ถึงว่าเพิ่งจะหลุดออกไปได้ก็ถูกดึงกลับมาอีกครั้ง
“อย่ารีบร้อน พวกเรามีเวลาสามวัน”
พูดจบเขาก็ลุกขึ้นไปกดทับบนร่างของเวินเที๋ยนเที๋ยน จนร่างกายแนบติดกับเธอเอาไว้แน่น จากนั้นเขาก็เริ่มจูบดื่มด่ำกับริมฝีปากของเธอ
ปราสาทที่ตั้งอยู่ในเมืองหลวงช่างเงียบสงบเหลือเกิน วันคริสต์มาสผ่านไป หิมะก็ค่อยๆเริ่มโปรยปรายลงมาปกคลุมปราสาทไปทั่วบริเวณ
ที่นี่สวยงามราวกับแดนสวรรค์ ส่วนสองคนที่อยู่ด้านในปราสาทไม่มีอารมณ์สนใจว่าด้านนอกเกิดอะไรขึ้นบ้างแล้ว
เกล็ดหิมะที่โปรยลงมาจากฟากฟ้าราวกับเป็นสาวน้อยที่เขินอาย จึงได้ปกปิดดวงตาของตัวเองเอาไว้ ทำให้ทั้งสองมีพื้นที่ส่วนตัวอยู่เพียงลำพังได้อย่างลงตัว
และในเวลาเดียวกัน ขณะที่หิมะได้ตกลงมาจากบนท้องฟ้า ไม่ใช่ทุกคนที่จะมีช่วงเวลาแห่งความสุขเหมือนทั้งสองคนที่อยู่ในปราสาท
อีกมุมหนึ่งของเมืองหลวง ศาลได้ตัดสินคดีที่เกี่ยวข้องกับหล่อนเจี้ยนกั๋วประธานหล่อนของบริษัทหล่อนซื่อเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
สาเหตุเป็นเพราะทุจริตนำสินทรัพย์ส่วนรวมมาเป็นของตนมากจนเกินไป หลังจากศาลได้ดำเนินการตีราคาจากทรัพย์สมบัติที่มีอยู่ แต่ก็ยังไม่พอแก่การชดใช้คืน ศาลจึงได้ตัดสินโทษจำคุกเป็นเวลาสิบปีโดยพิจารณาจากยอดจำนวนเงินที่ยังค้างชำระอยู่
ภายในศาลสีหน้าของหล่อนเจี้ยนกั๋วซีดเผือดจนดูไม่ได้เลย
ช่วงเวลาเพียงไม่กี่วัน แต่เขากลับแก่กว่าเดิมไปเกือบสิบปี ปกติทรงผมที่จัดทรงได้อย่างดูดี บัดนี้ผมเผ้ายุ่งเหยิงยิ่งนัก ผมขาวหงอกได้ทิ้งตัวลงมาปิดดวงตาของเขาไว้ ทำให้สภาพของเขาในขณะนี้ช่างน่าสลดใจเป็นอย่างมาก
ส่วนหล่อนเจียนีกับหลิวเหม่ยหลันที่นั่งอยู่แถวหน้าสุด พอได้ฟังคำตัดสินผลขั้นสุดท้ายของศาลแล้ว ต้องตัวสั่นจนตัวทรุดไม่มีเรี่ยวแรงจะนั่งหรือจะยืนได้เลย ซึ่งสีหน้าก็เผยความพ่ายแพ้อย่างเห็นได้ชัดเจนออกมาด้วย
ก่อนจะตัดสินคดีความ พวกเธอยังคงมีความหวังว่าสามารถรอดพ้นเหตุการณ์ร้ายๆในครั้งนี้ไปได้ แต่คิดไม่ถึงว่าผลมันจะเป็นเช่นนี้
ชั่วขณะนี้รู้สึกว่าฟ้าจะพังทลายลงมาแล้ว
หลังจากได้ตัดสินคดีของหล่อนเจี้ยนกั๋วเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ในภายภาคหน้าทั้งสองก็ต้องใช้ชีวิตอย่างรัดทนโดยที่ไม่มีอะไรเลย
ตอนนี้ทรัพย์สมบัติของทั้งสองคนได้ถูกศาลอายัดไปแล้ว จึงไม่สามารถใช้จ่ายได้อีก สามารถพูดได้ว่าตอนนี้ทั้งสองไม่มีเงินแม้แต่สตางค์แดงเดียว
หลังจากที่ไม่มีหล่อนเจี้ยนกั๋วอยู่เป็นเสาหลักของบ้านอีกต่อไป ชีวิตที่หรูหราและสุดสบายก็ได้ห่างไกลจากพวกเธอไปเสียแล้ว
อยู่ตลอดจนผลตัดสินคดีความสิ้นสุดลง ทั้งสองจึงได้เดินออกจากศาลไปอย่างสิ้นหวัง โดยที่ไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรต่อไปดี
หลังจากที่เดินออกมาก็เห็นเหลียงจี้อานยืนอยู่ข้างรถตรงริมถนน
เมื่อเห็นหน้าเขา หล่อนเจียนีรู้สึกซาบซึ้งใจรีบวิ่งเข้าไปเพื่อกอดแล้วร้องไห้ระบายออกมาให้เขาฟัง
แต่ยังไม่ทันได้เข้าใกล้ เพิ่งจะยื่นมือออกไปเหลียงจี้อานก็รีบถอยหลังห่าง เพื่อเลี่ยงการกระทำของเธอ แม้กระทั่งเสื้อของเขาที่ถูกแตะหล่อนเจียนีเพียงชั่ววูบ เขากลับเผยสีหน้าที่ขยะแขยง พลางปัดเสื้อราวกับกำลังจะปัดสิ่งสกปรกทิ้งอย่างไงอย่างนั้น
เห็นท่าทางของเขาหล่อนเจียนีก็ต้องอึ้งอยู่กับที่ ยิ้มแห้งๆว่า“จี้อาน คุณทำอะไร?วันนี้คุณมารับฉันกับแม่ใช่ไหม?”
คิดไม่ถึงว่าแววตาของเหลียงจี้อานช่างเย็นชาเหลือเกิน
“พวกคุณเข้าใจผิดแล้ว ผมไม่ได้มารับพวกคุณสักหน่อย”
เห็นสภาพทั้งสองคนที่พ่ายแพ้ราวกับสุนัขจรจัด เหลียงจี้อานก็รู้สึกดีใจเกินจะบรรยาย
ตอนแรกที่เขาแต่งเข้าบ้านตระกูลหล่อน เขาพยายามเอาอกเอาใจและประจบประแจงสารพัดราวกับสุนัขขอทานที่น่าสงสารตัวหนึ่ง แต่สิ่งที่ได้มาคือการด่าทอว่ากล่าวและดูถูกเหยียดหยาม ตอนนี้ทุกอย่างได้เปลี่ยนไปตามกาลเวลา ซึ่งคิดไม่ถึงเลยว่าพวกเขาก็มีอย่างวันนี้ด้วย!
เมื่อกี้พอเขาได้รู้ข่าวว่าศาลได้ตัดสินคดีความของหล่อนเจี้ยนกั๋วแล้ว เขาก็รีบออกมาอย่างใจจดใจจ่อ เพื่อจะมาดูหล่อนเจียนีกับหลิวเหม่ยหลันสองแม่ลูกที่มีสภาพเหมือนสุนัขจรจัดกำลังเดินออกมาจากศาล
ได้ยินคำพูดของเขา หลิวเหม่ยหลันก็รู้สึกไม่พอใจ
เมื่อก่อนกิริยาท่าทางของเหลียงจี้อานที่มีต่อพวกเขาความนอบน้อม และน้ำเสียงที่ประจบประแจง แต่วันนี้เป็นครั้งแรกที่ได้ยินเขาพูดในลักษณะนี้ ทันใดนั้นเธอจึงขมวดคิ้วขึ้น
พูดด้วยน้ำเสียงตำหนิติเตียนว่า“นายหมายความว่าอย่างไร?สองสามวันก่อนนายไปไหนมา?ทำตัวไม่มีประโยชน์อะไรเลย”
เหลียงจี้อานกลับหัวเราะพลางพูดว่า“แน่นอนว่าอยากจะมาดูสภาพในตอนนี้ของพวกคุณแม่ไง ตอนนี้คุณแม่ยังมีคุณสมบัติอะไรมาต่อว่าผมอีก?”
บัดนี้หล่อนเจียนีได้ตอบสนองกลับมาอย่างรวดเร็ว
“เหลียงจี้อาน ใครให้คุณพูดจาอย่างนี้กับคุณแม่ฉัน?”
“ผมพูดจายังไง?คุณอย่าคิดว่าพวกคุณยังจะเป็นใหญ่เป็นโตในบริษัทหล่อนซื่อได้อีกนะ?ตอนนี้ประธานหล่อนล้มละลายแล้ว พวกคุณก็ไม่ได้เป็นอะไรแล้ว และไม่มีเงินเลยแม้แต่บาทเดียวยังคิดจะให้ผมทำตัวดีๆอีกเหรอ?ฝันไปเถอะ!”
เขายิ่งพูดยิ่งโมโห
“ขอบอกพวกคุณเลยว่าผมทนมานานแล้ว!”
เหลียงจี้อานคว้ากระดาษออกมาจากกระเป๋าเสื้อสูทของตนหนึ่งแผ่น จากนั้นก็โยนใส่ตัวของหล่อนเจียนี
“ที่ผมมาในวันนี้เพื่อจะบอกคุณว่าสามวันก่อนผมกับคุณได้หย่ากันแล้ว คุณดูให้ละเอียดเองก็แล้วกัน!”
“หย่า?ทำไมฉันไม่รู้เลย?”
ทันใดนั้นหล่อนเจียนีรู้สึกมึนงง แล้วรีบเอากระดาษแผ่นนั้นมาดูก็พบว่าทั้งสองได้หย่ากันจริงๆแล้ว ทำให้เธอมีสีหน้าที่ขาวซีดกว่าเดิมไปอีก
เหลียงจี้อานเห็นท่าทางของเธอก็หัวเราะอย่างได้ใจ
ก่อนที่หล่อนเจี้ยนกั๋วจะเกิดเรื่องขึ้น สิ่งแรกที่เขาทำคือการยื่นเรื่องหย่าของเขากับหล่อนเจียนีทันที จากนั้นก็โอนย้ายทรัพย์สินของตนออกไปทั้งหมด
ตอนนี้หล่อนเจี้ยนกั๋วล้มละลายเสียแล้ว แต่เขากับหล่อนเจียนีได้ตัดขาดความสัมพันธ์ฉันท์สามีภรรยาไปแล้ว ดังนั้นทรัพย์สินในนามของเขาจึงไม่ถูกอายัดไปด้วย
“ผมจำได้ว่าตอนนี้ทรัพย์สินของพวกคุณถูกอายัดหมดแล้วใช่ไหม?ตอนนี้ไม่เหลือแม้แต่สตางค์แดงเดียวแล้ว แค่กินนอนก็กลายเป็นปัญหาใหญ่ไปแล้ว”
“หรือถ้าหากพวกคุณสองคนยินดีมาเป็นคนรับใช้ของผม คอยล้างรถทำกับข้าวให้ผม ผมอาจจะให้พวกคุณมีข้าวกินกันได้”
“คุณ!”
หล่อนเจียนีโกรธจนตัวสั่น เธอขยี้หลักฐานการหย่าเป็นก้อนแล้วโยนใส่หน้าของเหลียงจี้อาน
“คุณมันชั่วช้าต่ำทรามสิ้นดี ตอนนั้นพวกฉันดีกับคุณยังไง?คิดไม่ถึงว่าตอนนี้คุณจะทำตัวกินบนเรือนขี้บนหลังคาแบบนี้”
“พวกคุณเคยมีบุญคุณกับผมตอนไหน?”เหลียงจี้อานย้อนถาม“หลายปีมานี้ผมต้องคอยทนสีหน้า คอยประจบประแจงที่บ้านตระกูลหล่อนของพวกคุณราวกับเป็นหมาปั๊กตัวหนึ่ง เพียงเพื่อขอข้าวกินไปวันๆ ตอนนี้พวกเราแค่สลับเปลี่ยนสถานะกันบ้าง พวกคุณจะได้เข้าใจความรู้สึกของผมในตอนนั้นได้ไง”
“เหลียงจี้อาน!คุณมันสัตว์เดรัจฉาน!”
หลิวเหม่ยหลันกรีดร้อง พลางวิ่งกระโจนเข้าไปจับเสื้อของเหลียงจี้อานไว้แล้วเริ่มทุบตีขึ้นมา
แต่ว่าเธอจะเป็นคู่ต่อสู้ของเหลียงจี้อานได้อย่างไรกัน?
เหลียงจี้อานเพียงแค่ตวาดเสียงหนึ่งประโยค จากนั้นก็ใช้แรงสะบัดหนึ่งครั้งก็สามารถทำให้หลิวเหม่ยหลันล้มไปอยู่กับพื้นได้แล้ว พลางพูดอย่างโมโหว่า“ไว้หน้าก็ไม่เอาอีก!ถ้างั้นก็ไปเป็นขอทานแล้วกัน!”
พูดจบ เขาก็หันหลังขึ้นรถไป
หล่อนเจียนีเห็นว่ารถคันนั้นเป็นของพวกเธอ จึงรีบวิ่งไปทุบกระจกรถ
“คุณลงมาเดี๋ยวนี้ นี่มันรถของบ้านฉันนะ!คุณลงมาเดี๋ยวนี้!”
แต่ว่าเหลียงจี้อานไม่ได้ตอบสนองอะไร กลับเหยียบคันเร่งสุดแรงจนขับออกไปอย่างรวดเร็ว
หล่อนเจียนีไม่ทันได้ดึงมือกลับมา ทำให้ต้องกลิ้งไปอยู่กับพื้นหลายตลบ สภาพที่น่าเวทนาเช่นนี้ ทำให้ผู้คนที่ผ่านไปมาต้องมามุงดู
และเมื่อรู้ว่าพวกเธอเป็นใครก็เริ่มวิพากษ์วิจารณ์ไปต่างๆนาๆ