เมียหวานของประธานเย็นชา - บทที่ 699 คุณอยากเห็นเขาเหรอ ไม่มีทาง
บทที่ 699 คุณอยากเห็นเขาเหรอ ไม่มีทาง
เหยาเย้นเดินวนอยู่ในห้องนอนแล้วกำลังครุ่นคิดอยู่
บัดนี้ทหารผ่านศึกที่อยู่ด้านนอกประตูคอยติดตามไม่ห่างเลย ถ้าไม่ได้รับคำสั่งจากเวินฉี่กับเวินหงไห่แล้ว พวกเขาจะไม่ยอมไปไหนทั้งนั้น
ถ้าเป็นเช่นนี้ การค้นหาตู้เซฟก็จะกลายเป็นเรื่องที่ยากเย็นเสียแล้ว
เธอแอบเปิดประตูออกไปดูก็พบว่ามีคนสองคนยืนเฝ้าอยู่นอกประตูราวกับเป็นเทพประตูอย่างนั้น
เหยาเย้นเลิกคิ้วเดินออกมา ทั้งสองคนก็ถามว่า“คุณนายต้องการอะไรไม่ทราบครับ?”
เธอส่ายหัว พูดไปเรื่อยว่า“ไม่ได้กลับมาตั้งนานแล้ว ฉันแค่อยากจะเดินดูรอบๆบ้าง พวกคุณไม่ต้องยุ่งหรอก”
ถึงแม้จะพูดเช่นนี้ แต่ทั้งสองคนก็ได้เดินตามหลังของเหยาเย้นไว้ไม่ห่างแม้แต่ก้าวเดียว
เหยาเย้นไม่ได้สนใจพวกเขา แต่เดินเข้าไปด้านในโดยตรง
เธอจำได้ว่าตู้เซฟใบนั้นตั้งอยู่ที่ห้องหนังสือของเวินฉี่ ไม่รู้ว่าตอนนี้ยังอยู่อีกไหม
คิดได้ดังนั้นก็ยกเท้าเดินไปเคาะประตู แต่ด้านในไม่มีคนขานรับ
ทหารผ่านศึกทั้งสองคนพูดว่า“หัวหน้ากับคุณชายรองของตระกูลเวินออกไปข้างนอกแล้วครับ
“ใช่เหรอ?”
เหยาเย้นพยักหน้า จากนั้นก็หมุนลูกบิดประตูแล้วเปิดเข้าไปดูข้างใน
คนที่อยู่ด้านหลังสองคนนั้นได้รับคำสั่งจากเวินหงไห่ไม่ให้เหยาเย้นออกจากบ้านไป แต่ไม่ได้สั่งห้ามการเคลื่อนไหวที่อิสระในตัวบ้าน
ดังนั้นเมื่อเห็นเธอผลักประตูออกก็ไม่มีใครห้ามเธอไว้
เหยาเย้นไม่ได้เดินเข้าไปด้านใน แต่ยังคงยืนมองอยู่หน้าห้องหนังสือ ซึ่งพบว่าไม่มีคนอยู่จริงๆ จากนั้นก็กวาดสายตามองไปรอบๆแวบหนึ่ง แล้วไปหยุดอยู่ที่ภาพวาดภาพหนึ่ง
เธอจำได้ว่าด้านหลังภาพวาดนั้นมีตู้เซฟอยู่
เมื่อคิดได้เช่นนั้น เหยาเย้นก็อยากจะยกเท้าเดินเข้าไปด้านใน แต่เมื่อนึกได้ว่าด้านหลังยังมีทหารผ่านศึกคอยติดตามอยู่สองนาย
ถ้าหากตนเดินเข้าไป ทั้งสองก็ไม่มีทางขัดขวาง แต่ทุกการกระทำของตนในวันนี้พวกเขาต้องรายงานอย่างละเอียดถี่ถ้วนให้เวินฉี่กับเวินหงไห่ทราบแน่ๆ
ถ้าถูกพวกเขาจับได้ว่าตนมีเป้าหมายอะไร วันหลังก็จะยิ่งปฏิบัติได้ยากกว่าเดิม
เมื่อคิดได้เช่นนี้ เหยาเย้นก็หยุดเดิน เตรียมจะปิดประตูจากไป แต่มีเสียงส่งมาในกะทันหัน
“เธออยู่ที่นี่ทำอะไรกัน?”
เหยาเย้นได้ยินเสียงนี้แล้วก็ต้องสะดุ้งตกใจ รีบหันไปมองก็พบว่าเวินฉี่กำลังอยู่ที่ระเบียงอีกทางหนึ่งโดยที่ไม่มีเลยว่ากลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่
ในมือของเขาถือไม้เท้าอยู่ มองเธอด้วยแววตาระมัดระวัง เมื่อเห็นท่าทางของเหยาเย้นก็ขมวดคิ้วขึ้นมาเล็กน้อย
ห้องหนังสือของบ้านตระกูลเวินเป็นเขาหวงห้ามของคนไม่น้อย ถ้าไม่ใช่คนที่สนิทชิดเชื้อจริงๆก็จะเข้าไปเรื่อยไม่ได้ เพราะด้านในได้เก็บซ่อนเอกสารสำคัญไว้มากมาย ซึ่งไม่สามารถเปิดเผยสู่สาธารณชนได้
ถ้าหากเมื่อก่อนเหยาเย้นเดินเข้าออก เขาก็ไม่ได้กังวลอะไร แต่ตอนนี้เพิ่งได้ฟังว่าเหยาเย้นกลับมาแล้ว เวลาไม่นานก็เห็นเธอเดินอยู่หน้าประตูทางเข้าห้องหนังสือ จึงทำให้เขาเกิดความระแวงขึ้นมาทันที และได้นึกถึงคำพูดก่อนหน้านี้ของเวินหงไห่ที่พูดกับตนไว้
เขาไม่สามารถประมาณตัวผู้หญิงคนนี้ต่ำไปจริงๆ ก่อนหน้านี้เป็นเพราะประมาณอีกฝ่ายต่ำไป จนทำให้ต้องทำเรื่องร้ายไปหลายหนเลยทีเดียว
คิดได้ดังนั้น เวินฉี่ก็เริ่มพิจารณาตัวเหยาเย้นขึ้นมาด้วยสีหน้าที่จริงๆมากมาย
เหยาเย้นเห็นเขาก็ตกใจกลัวจนเหงื่อแตก
ถ้าคนที่มาคือเวินหงไห่ เธอก็คงไม่เป็นถึงเพียงนี้หรอก
ถึงแม้เวินหงไห่จะเป็นความโกรธง่ายโมโหเร็ว แต่ไม่เหมือนกับเวินฉี่ที่อยู่ตรงหน้า ซึ่งดูผิวเผินเวินฉี่จะเป็นคนไม่มีพิษไม่มีภัยอะไร แต่ผู้นำของตระกูลเวินก็คือเขา นั้นแสดงว่าเขามีความคิดที่ลึกซึ้งยากจะหยั่งถึงได้ ดังนั้นไม่สามารถดูอะไรออกจากสีหน้าของเขาได้เลย
เธอใจสั่น พอผ่านไปหลายวินาที เธอถึงได้เริ่มมีสติควบคุมตัวเองได้ จึงได้ปิดประตูลง
“คุณพ่อค่ะ”
เหยาเย้นพยายามสุดแรงเพื่อให้สีหน้าของเธอเป็นปกติเข้าไว้ เพื่อเขาจะดูอะไรไม่ออก ในขณะเดียวกันก็เดินเข้าไปหาเวินฉี่ด้วย
เอ่ยปากพูดว่า“เมื่อกี้ท่านไปที่ไหนคะ?หนูกำลังมีเรื่องหาพ่ออยู่เลยค่ะ”
“เรื่องอะไรถึงต้องมาหาถึงที่ห้องหนังสือขนาดนี้?“
เหยาเย้นยิ้มแห้งๆ
“คุณพ่อค่ะ ท่านรู้ไหมคะว่าเวินหงไห่เอาหมิงเฮ่าไปไว้ที่ไหน?”
“หนูถามเรื่องนี้ทำไม?”
เวินฉี่เหล่ตามองเธอแค่แวบหนึ่ง
ในใจเหยาเย้นไม่พอใจเป็นอย่างมาก
ถามเรื่องนี้ทำไมเหรอ?
เธอเป็นแม่ของหมิงเฮ่านะ เธอมีสิทธิ์ที่จะรู้ว่าลูกของตนอยู่ที่ไหน
เธอโกรธจนกำหมัดไว้แน่น เล็บของเธอกดอยู่ที่ฝ่ามือของตน แต่เธอไม่กล้าทำอะไรทั้งสิ้น พูดแค่ว่า“หนูคิดถึงหมิงเฮ่ามากเลย เป็นห่วงความปลอดภัยของเขาด้วย พ่อให้หนูดูลูกแป๊บหนึ่งนะคะ ได้ไหมคะ?หมิงเฮ่าคงกำลังคิดถึงแม่มากๆอยู่แน่ๆเลยค่ะ”
เหยาเย้นพูดอย่างเจ็บปวดใจ แต่เวินฉี่กลับไม่ได้สะทกสะท้านอะไรเลย
“ลูกหลานตระกูลเวินไม่ต้องการให้ใครมาเหนี่ยวรั้งไว้ เธออยู่กับหมิงเฮ่ามีแต่จะทำให้เขาเดือดร้อน ถ้าเธอเป็นห่วงเขาจริงๆก็ให้อยู่บ้านดีๆ อย่ามีความคิดไม่ดีเด็ดขาด ไม่เช่นนั้นสุดท้ายคนที่ต้องลำบากก็คือตัวเธอเองนั่นแหละ”
พูดจบ เขาได้สั่งทหารผ่านศึกทั้งสองคนว่า“พาเธอไปจากที่นี่ วันหลังอย่าให้เธอมาที่ห้องหนังสืออีก”
“ครับ”
ทั้งสองพยักหน้าเล็กน้อย เดินไปอยู่ด้านหน้าเหยาเย้น“เชิญครับคุณนาย”
เหยาเย้นเห็นเขาไม่มีท่าจะยินยอมได้เลย จึงทอดถอนหายใจหนึ่งครั้งแล้วหันหลังเดินจากไป
พอกลับเข้ามาถึงห้องนอนของตน เธอได้ปิดประตูอีกครั้ง สีหน้าของเหยาเย้นเปลี่ยนไปกะทันหัน เธอที่กำลังพิงหลังอยู่ตรงประตูรู้สึกอกสั่นขวัญแขวน จนถึงป่านนี้สีหน้าของเธอยังคงซีดขาวอยู่เลย และในฝ่ามือก็ได้ทิ้งรอยนิ้วกดทับไว้อีกด้วย
ซึ่งเป็นรอยมาจากเมื่อสักครู่ตอนที่เธอรู้สึกตึงเครียดเป็นกังวลจนใช้นิ้วบีบฝ่ามือของตัวเองไว้นั่นเอง
เมื่อกี้เวินฉี่ยังไม่ได้สงสัยในตัวเธอใช่ไหม?
เธอกำลังครุ่นคิดพร้อมกับล็อคประตูเอาไว้ จากนั้นก็เดินไปที่เตียง
เมื่อดูจากท่าทางร้อนใจของเวินฉี่แล้ว ตู้เซฟอันนั้นน่าจะยังอยู่ที่ห้องหนังสือ สิ่งสำคัญในตอนนี้คือหากุญแจไขตู้เซฟที่เวินฉี่ได้ซ่อนไว้ให้เจอเสียก่อน
ที่สำหรับซ่อนกุญแจ นอกจากห้องหนังสือแล้วก็น่าจะเป็นห้องนอนของเวินฉี่แล้วแหละ
รอให้เวินฉี่ออกจากบ้านก่อน เธอค่อยหาโอกาสไปค้นดู
ในเวลาที่แสนจะเช้าของวันใหม่ เหยาเย้นตื่นนอนแล้วไปที่ห้องรับประทานอาหาร เห็นเวินฉี่กับเวินหงไห่กำลังทานข้าวอยู่ ตนจึงเข้าไปนั่งด้วยคน
เสแสร้งทำตัวอย่างสบายๆพลางพูดว่า“วันนี้ที่บริษัทมีเรื่องอะไรเหรอคะ”
ได้ยินเสียง เวินหงไห่ก็ขมวดคิ้วอย่างระมัดระวัง
“คุณถามเรื่องนี้ทำไม?”
เหยาเย้นพูดว่า“ถ้าไม่มีธุระสำคัญอะไร ฉันอยากให้คุณพาฉันไปดูหมิงเฮ่าหน่อย ดูแค่แวบเดียวเท่านั้น ฉันไม่พาเขาไปอีกอย่างแน่นอน คุณเชื่อฉันได้”
สิ่งที่เวินหงไห่รำคาญที่สุดในตอนนี้คือการพูดคุยกับเหยาเย้น
ได้ยินดังนั้นก็ขมวดคิ้วขึ้นมา“ผมบอกคุณกี่รอบแล้ว หมิงเฮ่าไม่ได้อยู่ในมือของผม คุณจะหาก็ไปหาที่อื่น อย่ามาขวางตาผมที่นี่”
เหยาเย้นยังคงพูดอย่างแน่วแน่“ฉันดูกล้องวงจรปิดที่นอกประตูสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าแล้ว ตอนนั้นคุณพาลูกน้องอีกสองคนบุกเข้าไปที่นั่น จากนั้นก็พาตัวหมิงเฮ่าไปจริงๆ หลักฐานแน่นคามืออย่างนี้คุณยังจะพูดอะไรอีก?”
ทันใดนั้นเวินหงไห่ไม่พอใจเป็นอย่างมาก เอะอะโวยวายเข้าไปใหญ่“ผมพาไปแล้วจะทำไม?”
เขายอมรับโดยตรง พลางพูดว่า“หมิงเฮ่าอยู่ในมือผมจริงๆ แต่ผมขอบอกคุณเลยว่า คุณอยากจะเห็นหน้าเขา ไม่มีทางหรอก”
เวินหงไห่ยืนขึ้นมา พลางพูดอย่างโมโหว่า“อารมณ์ดีอยู่แท้ๆ ถูกคุณทำให้เสียหมด!”
พูดจบ เขาหันหน้าไปพูดกับเวินฉี่ว่า“คุณพ่อครับ ผมไปที่บริษัทแล้วนะครับ”
พอเวินฉี่พยักหน้า จึงค่อยรีบหันหลังเดินออกไป
ห้องรับประทานอาหารเหลือเพียงเหยาเย้นกันเวินฉี่สองคน เหยาเย้นหันหน้าไปมองเขา
“คุณพ่อค่ะ หนู……”