เมียหวานของประธานเย็นชา - บทที่ 705 วางแผนต่อไปหลังจากนี้
บทที่ 705 วางแผนต่อไปหลังจากนี้
เสียงของเวินฉี่นั้นดังมาก ด่าว่าขึ้นมาเสียงดัง
ทั้งห้องพบผู้ต้องหานั้นดังก้องไปด้วยเสียงของเขา แววตาที่โมโหนั่นแดงก่ำ มองเวินเที๋ยนเที๋ยนด้วยความโหดร้าย กัดฟันด้วยความเคียดแค้นอย่างไม่มีการอบรมสั่งสอน ราวกับว่าแทบจะพุ่งเข้ามากินเลือดและกินเนื้อของเธอให้ได้ในตอนนี้เลยเสียอย่างนั้น
ตอนนี้ที่ตระกูลเวินกลายเป็นแบบนี้ ที่เขาเห็นมาทั้งหมดนั้น ล้วนแต่เป็นเพราะเวินเที๋ยนเที๋ยนทั้งสิ้น
เหตุและผลทั้งหมดนั้นเกิดขึ้นเมื่อยี่สิบปีที่แล้ว ถ้าหากเวินเที๋ยนเที๋ยนไม่เกิดมา ก็จะไม่มีเรื่องราวเช่นตอนนี้
เขารู้สึกมาเสียใจภายหลัง ที่ในตอนนั้นรู้ถึงการมีตัวตนอยู่ของเวินเที๋ยนเที๋ยน ไม่ได้จัดการเธอไปเสียตั้งแต่แรก แต่กลับให้บุคคลที่เป็นบ่อเกิดแห่งความหายนะอยู่มาจนถึงตอนนี้
เวินฉี่โมโหเสียจนกำหมัดแน่น ร่างกายสั่นเทาขึ้นมาเล็กน้อย
ตอนที่จี้จิ่งเชินเห็นถึงการเปลี่ยนแปลงของอารมณ์ของเขานั้น ก็ได้มาขวางอยู่ข้างหน้าเวินเที๋ยนเที๋ยนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ไม่ให้เวินฉี่สามารถจะลงมือใดๆได้เลย
ใบหน้าของเขาไร้ความรู้สึก มองเขาด้วยแววตาที่เย็นชา ราวกับว่ากำลังมองสิ่งที่ไร้ประโยชน์อยู่อย่างไรอย่างนั้น
อยู่ต่อหน้าเขา เขาจะไม่มีทางอนุญาตให้ใครมาทำร้ายเวินเที๋ยนเที๋ยนอย่างเด็ดขาด และยิ่งไปกว่านั้นยังจะเป็นเวินฉี่ที่เข้าคุกไปแล้วด้วยอย่างนั้นน่ะหรือ?
เห็นจี้จิ่งเชินแล้ว อารมณ์ที่รุนแรงของเวินฉี่นั้นจึงค่อยๆสงบลงมา แล้วหัวเราะเยาะขึ้น
“พวกเธอคิดว่าแบบนี้จะเอาชนะตระกูลเวินได้จริงๆน่ะหรือ? ไม่มีทาง หลายปีมานี้ตระกูลเวินไม่ได้อ่อนแออย่างที่พวกเธอคิดหรอกนะ”
ระหว่างที่เอ่ยพูดนั้น อารมณ์ของเขาก็ได้สงบลงมาด้วยความรวดเร็ว แล้วกลับคืนสู่สภาพเดิมก่อนหน้านี้ เขานั่งลงอย่างช้าๆ แววตาปรากฏรอยยิ้มเย็นชา มุมปากยกขึ้นเล็กน้อย แสร้งทำเป็นยิ้มออกมา
“พวกเธอรอดูก็แล้วกัน รอที่จะต้องมานั่งเสียใจกันทีหลัง”
แววตาของเขามองผ่านไหล่ของจี้จิ่งเชินไปยังเวินเที๋ยนเที๋ยนที่อยู่ทางด้านหลังเขา
ดวงตาสีเข้มมองเวินเที๋ยนเที๋ยนเสียจนขนลุก ขณะที่กำลังคิดอยู่นั้น เวลาสามนาทีนั้นก็ผ่านไปอย่างรวดเร็ว
ตำรวจราวกับได้ยินการเคลื่อนไหวด้านใน จึงเปิดประตูเข้ามา เห็นสถานการณ์ตึงเครียด จึงขมวดคิ้วขึ้น
“คุณเวิน คุณจี้ครับ ถึงเวลาแล้วครับ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนพยักหน้าลง แล้วทำให้ความกังวลที่มีอยู่ภายในใจนั้นกระจายหายไป แล้วจึงหันกลับมาพูดกับเวินฉี่ : “ที่ตระกูลเวินมาอยู่ตรงจุดนี้ ไม่ใช่เป็นเพราะฉันหรอกนะคะ แต่เป็นเพราะพวกคุณเองต่างหาก เรื่องเล็กๆแต่ทำให้เป็นเรื่องแห่งความหายนะ บทสรุปของพวกคุณได้ถูกกำหนดเอาไว้ตั้งแต่ตอนที่พวกคุณทำผิดครั้งแรกเมื่อตอนสิบกว่าปีก่อนแล้ว โทษใครไม่ได้หรอกค่ะ”
“เพียงสิ่งเดียวที่ฉันจะบอกคุณได้ก็คือฉันจะดูแลเวินหมิงเฮ่าให้ดี จะไม่มีวันปล่อยให้เขาได้สืบทอดประเพณีของตระกูลเวินของพวกคุณโดยเด็ดขาด ฉันเชื่อว่าการอบรมเลี้ยงดูของเหยาเย้น เขาจะต้องเติบโตขึ้นมาด้วยตัวของเขาเองได้อย่างแน่นอน”
พูดจบแล้ว เธอถึงได้ดึงจี้จิ่งเชินขึ้นมาแล้วทั้งสองคนก็หันหลังกลับออกไป
ตอนที่จะออกมาจากห้องนั้น เวินฉี่ที่อยู่ทางด้านหลังนั้นได้ตะโกนเรียกเธอออกมาเสียงดัง
“เวินเที๋ยนเที๋ยน!”
เวินเที๋ยนเที๋ยนชะงักเท้าลง แต่ไม่ได้หันกลับไปมอง ฟังคนที่อยู่ทางด้านหลังเอ่ยพูด : “ที่ฉันพูดไปเมื่อกี้เธอจำเอาไว้ให้ดีแล้วกัน ฉันเป็นคนของตระกูลเวิน หนีไม่พ้นหรอก!”
เวินเที๋ยนเที๋ยนขมวดคิ้ว ไม่ได้เอ่ยพูดอะไร แล้วเดินออกไปพร้อมกับจี้จิ่งเชิน
ออกมาจากสถานีตำรวจ อารมณ์ของเวินเที๋ยนเที๋ยนนั้นยังคงรู้สึกหนักหน่วงอยู่บ้าง เธอไปที่โรงพยาบาลด้วยกันกับจี้จิ่งเชิน
เวินหมิงเฮ่าฟื้นขึ้นมาในช่วงเช้าของวันที่สอง แผลบนศีรษะบวมขึ้นมา ดูแล้วสาหัสยิ่งนัก
ส่วนสภาพของเหยาเย้นที่คอยดูแลเขาอยู่ข้างๆนั้นก็ดูไม่ค่อยดีด้วยเช่นกัน แผลบนร่างกายของเธอบวมขึ้นมา ดูแล้วหนักกว่าช่วงก่อนหน้านี้เสียอีก
แต่ทั้งสองคนก็เอาใจใส่ดูแลซึ่งกันและกัน ไม่บ่นเลยสักคำ
แม้แต่แผลบนหน้าผากของเวินหมิงเฮ่าที่ยาชาหมดฤทธิ์ไปแล้วนั้น เขาก็ไม่ร้องไห้เอะอะด้วยเช่นกัน เพียงแค่เม้มปากเอาไว้ เพื่อให้เหยาเย้นไปพักผ่อน
แต่เหยาเย้นนั้นก็ไม่สามารถวางใจได้ นั่งอยู่ข้างๆเขาตลอดเวลา
ตอนที่เวินเที๋ยนเที๋ยนกับจี้จิ่งเชินเดินเข้ามานั้น เหยาเย้นกำลังเล่านิทานให้กับเวินหมิงเฮ่าฟังอยู่
ได้ยินเสียงประตูแล้วพบว่าเป็นทั้งสองคน เหยาเย้นจึงรีบลุกขึ้นเตรียมต้อนรับ
เวินเที๋ยนเที๋ยนเห็นแผลที่ร่างกายของเธอแล้ว จึงรีบเอ่ยพูดขึ้น : “ไม่ต้องลุกหรอกค่ะ คุณพักผ่อนดีกว่านะคะ ทำไมไม่ไปนอนบนเตียงล่ะคะ”
แต่เหยาเย้นยังคงยืนหยัดที่จะลุกขึ้นยืน ใบหน้าปรากฏรอยยิ้มขึ้นมา พลางเอ่ยขึ้นอย่างไม่ได้สนใจ : “แผลเล็กน้อยเองค่ะ ไม่เป็นอะไรเลย ต้องขอบคุณพวกคุณมากๆ ที่ช่วยจัดห้องพักผู้ป่วยนี้เอาไว้ให้เรา”
เวินเที๋ยนเที๋ยนโบกมือ พลางเอ่ยขึ้น : “ไม่เป็นไรค่ะ พวกคุณอยู่ด้วยกันจะได้ดูแลกันได้”
เดิมทีห้องพักของทั้งสองคนนั้นอยู่แยกกัน แต่เพื่อให้เหยาเย้นสบายใจ เวินเที๋ยนเที๋ยนจึงบอกกับคุณหมอ ให้จัดแจงห้องของพวกเขาให้อยู่ด้วยกัน จะได้สามารถดูแลกันได้
“เที๋ยนเที๋ยน ฉันมีเรื่องอยากจะปรึกษาคุณหน่อย” เหยาเย้นเอ่ยขึ้น
เวินเที๋ยนเที๋ยนพยักหน้า เธอถึงได้ส่งหนังสือนิทานในมือให้กับหมิงเฮ่า
“อ่านเองไปก่อนนะลูก เดี๋ยวแม่กับพี่เที๋ยนเที๋ยนออกไปคุยธุระกันข้างนอกก่อนนะครับ”
“ครับ”หมิงเฮ่าพยักหน้าลงอย่างว่าง่าย
เวินเที๋ยนเที๋ยนจึงเดินตามเธอออกไป แล้วให้จี้จิ่งเชินอยู่ในห้องดูแลหมิงเฮ่า
เมื่อออกมาจากห้องพักผู้ป่วยและประตูปิดลงแล้วนั้น หลังจากที่แน่ใจว่าหมิงเฮ่าจะไม่ได้ยิน อาการที่แสดงออกมาของเหยาเย้นนั้นก็ดูจริงจังขึ้นมาไม่น้อย พลางเอ่ยถาม : “เรื่องของตระกูลเวินเป็นอย่างไรบ้างคะ?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนรู้อยู่แล้วว่าที่เธอต้องการจะถามจะต้องเป็นเรื่องนี้อย่างแน่นอน จึงเอ่ยขึ้น : “พวกเราเพิ่งจะกลับมาจากสถานีตำรวจค่ะ คุณตำรวจเหยียนเจิ้งบอกว่า เพราะหลักฐานที่รวบรวมเอาไว้ก่อนหน้านี้ครบถ้วนมาก ประกอบกับข้อมูลหลักฐานในตู้เซฟนั่นด้วย ครั้งนี้ต่อให้พวกเวินฉี่หาใครมาช่วย ก็คงไม่สามารถที่จะทำให้ตัวหลุดพ้นจากความผิดได้หรอกค่ะ คุณวางใจได้นะคะ”
เหยาเย้นได้ยินประโยคนี้แล้ว ก็รู้สึกโล่งใจขึ้นมาในทันที สีหน้านั้นผ่อนคลายลงมาได้ในที่สุด
“ดีแล้วล่ะค่ะ แบบนี้ฉันก็จะได้ไม่ต้องเป็นกังวลเรื่องความปลอดภัยของหมิงเฮ่าแล้ว”
นึกไปถึงเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นในห้องใต้ดินที่ตระกูลเวินก่อนหน้านี้ ในใจของเวินเที๋ยนเที๋ยนนั้นเข้าใจถึงความกังวลนี้ของเหยาเย้น : “คุณคิดแล้วหรือยังคะว่าจะวางแผนอย่างไรต่อไปหลังจากนี้?”
เหยาเย้นครุ่นคิด แล้วเอ่ยขึ้น : “ผ่านเรื่องครั้งนี้ไปแล้ว ทางศาลคงจะยินยอมเรื่องการฟ้องหย่าของฉันกับเวินหงไห่ แบบนี้ฉันกับหมิงเฮ่าก็จะได้เป็นอิสระแล้ว ฉันอยากจะอยู่ทำงานที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าต่อค่ะ เช่าบ้านอยู่ข้างนอกแล้วใช้ชีวิตอยู่กับหมิงเฮ่า”
เวินเที๋ยนเที๋ยนพยักหน้า
“จริงๆแล้วพวกคุณสามารถพักอยู่ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าได้ตลอดเลยนะคะ ก่อนหน้านี้หมิงเฮ่าอยู่ที่นั่นมานานขนาดนี้แล้ว คงจะคุ้นเคยกับการใช้ชีวิตในนั้นแล้วใช่ไหมคะ? แล้วอีกอย่างไม่ใช่ว่าเขาเองก็มีเพื่อนอยู่ที่นั่นจำนวนไม่น้อยด้วยนี่คะ? แล้วคุณก็ทำงานอยู่ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าด้วยพอดี ก็สามารถที่จะอยู่ได้ตลอดเลยนี่คะ”
ตอนนี้ทรัพย์สินทั้งหมดของตระกูลเวินได้ถูกอายัดไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เหยาเย้นก็ไม่ได้มีเงินเก็บอะไร จู่ๆตอนนี้จะออกไป ไม่ว่าจะเป็นค่าเช่าบ้านหรือว่าค่าใช้จ่ายต่างๆก็ถือว่าเป็นภาระใหญ่ทั้งนั้น
ถ้าหากอาศัยอยู่ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าต่อ ก็สามารถประหยัดเงินลงได้ไม่น้อยเลยทีเดียว ก็จะสามารถข้ามผ่านด่านนี้ไปได้
แต่เหยาเย้นกลับยังคงมีความลังเล พลางเอ่ยขึ้นด้วยความเกรงใจ : “แบบนี้จะไม่เป็นการรบกวนพวกคุณหรอกหรือคะ?”
“แน่นอนว่าไม่รบกวนอยู่แล้วค่ะ” เวินเที๋ยนเที๋ยนเอ่ยขึ้นพลางส่งยิ้มให้ : “คุณพักอยู่ที่นี่เถอะนะคะ ฉันคิดว่าเด็กๆและคุณครูคนอื่นที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าก็คงมีความคิดเหมือนกันกับฉัน”
และเหยาเย้นจึงได้ตอบตกลงในที่สุด
“ในเมื่อเป็นแบบนี้แล้ว ถ้าอย่างนั้นฉันก็จะพักอยู่ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าก่อนก็แล้วกันนะคะ รอให้ผ่านไปสักพักแล้วหาที่ที่เหมาะสมได้ ฉันค่อยย้ายออกไป”
เวินเที๋ยนเที๋ยนไม่ได้บีบบังคับ เพียงแค่เอ่ยขึ้นมา : “ไม่ต้องกังวลนะคะ ต่อไปนี้จะต้องดีขึ้นอย่างแน่นอนค่ะ”