เมียหวานของประธานเย็นชา - บทที่ 710 ที่พูดมาล้วนแต่เป็นเรื่องจริงทั้งนั้น
บทที่ 710 ที่พูดมาล้วนแต่เป็นเรื่องจริงทั้งนั้น
ยังไม่ทันได้ออกจากประตู ก็ถูกเวินหงหยู้ขวางเอาไว้เสียก่อน
เขาขมวดคิ้วขึ้นมาเล็กน้อย และยังคงยืนยันเช่นเดิม : “ฉันว่าพวกเธอใช้เต้นท์คู่จะเหมาะกว่านะ”
สีหน้าของจี้จิ่งเชินไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปพร้อมกับเอ่ยขึ้น : “เต้นท์เดี่ยวก็พอครับ เต้นท์คู่ใหญ่เกินไป ไม่สะดวกกับการพกพา”
“ฉันขับรถไปส่งพวกเธอได้”
ได้ยินแล้วจี้จิ่งเชินจึงมองหน้าเขาแวบหนึ่งแล้วจึงเปลี่ยนคำพูดไป : “ในเมื่อเป็นแบบนี้ ถ้าอย่างนั้นก็เปลี่ยนก็ได้ครับ”
ว่าแล้วก็เอาเต้นท์เดี่ยวในมือกลับไปวางคืนที่ แล้วเปลี่ยนมาเป็นเต้นท์คู่ที่ใหญ่ขึ้นมาอีกหน่อย พลางเอ่ยขึ้น : “แต่ผมขับรถไปเองได้ครับ วันพรุ่งนี้พวกคุณอยู่พักผ่อนกันที่บ้านก็ได้ครับ”
เวินหงหยู้ที่ยังอยากจะพูดต่อนั้น แต่เมื่อเห็นจี้จิ่งเชินเปลี่ยนเต้นท์ไปอย่างว่าง่ายนั้น ถึงได้พยักหน้าลงในที่สุด แล้วหันหลังกลับเดินออกไปยังด้านนอก
และตอนนี้เอง จี้จิ่งเชินที่หยิบเอาเต้นท์คู่ไปแล้วนั้น ก็ชะลอฝีเท้าลง แล้วอาศัยช่วงจังหวะที่คนตรงหน้าไม่ทันได้สังเกตแอบเอาเต้นท์หลังนั้นวางกลับคืนที่แล้วเปลี่ยนเอาเต้นท์เดี่ยวตรงมุมนั้นมาแล้วถือเดินออกไป
การกระทำทั้งหมดนี้ เวินหงหยู้ที่อยู่ข้างหน้าไม่ได้รับรู้เลยเสียด้วยซ้ำ
แต่ถึงแม้จะเป็นเช่นนี้ เวินหงหยู้ที่รู้ถึงจุดประสงค์ในการเปลี่ยนเต้นท์เดี่ยวของจี้จิ่งเชินนั้นก็ยังคงรู้สึกไม่พอใจอยู่ดี ตอนที่กลับมายังห้องรับแขกก็ยังคงหน้านิ่วคิ้วขมวดอยู่เช่นนั้น
คุณนายหล่อนเห็นแล้ว จึงเอ่ยถามเสียงเบา : “เป็นอะไรไปคะ?”
เวินหงหยู้มองเธออย่างลังเลอยู่พักหนึ่ง แล้วถึงได้เอ่ยขึ้นมาเบาๆ : “ลูกเขยคนนี้ ไม่ผ่าน”
“อ๋า?”
คุณนายหล่อนทำหน้างงๆ
แต่เวินหงหยู้กลับไม่อธิบายอะไร
อย่าคิดว่าเขาไม่รู้จุดประสงค์ที่จี้จิ่งเชินเลือกเต้นท์เดี่ยว ในฐานะที่เป็นผู้ชาย เขาคิดอะไรอยู่ เวินหงหยู้นั้นรู้ดี
นั่นเป็นเพราะลูกไม้แบบเดียวกันนี้ที่เขาเคยใช้กับหล่อนหลี
แต่ที่ตัวเขาเองใช้ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง เวินเที๋ยนเที๋ยนเป็นลูกสาวของตัวเอง เห็นจี้จิ่งเชินใช้วิธีนี้กับเวินเที๋ยนเที๋ยนแล้ว ในใจของเวินหงหยู้นั้นก็ไม่พอใจเท่าไรนัก
แต่ยังดีที่จี้จิ่งเชินนับว่ายังเชื่อฟังกันอยู่ แล้วเปลี่ยนเต้นท์ได้ทันเวลา
แต่ในตอนที่เขาไม่รู้นั้น เวลานี้จี้จิ่งเชินได้ถือเอาเต้นท์เดี่ยวหลังนั้นขึ้นรถไปแล้ว
ทานอาหารกลางวันเสร็จแล้ว รอจนพระอาทิตย์เคลื่อนไปทางทิศตะวันตก จี้จิ่งเชินจึงพาเวินเที๋ยนเที๋ยนออกเดินทาง ไปยังที่ที่จะตั้งแคมป์ก่อน
ทะเลสาบบนบ้านพักบนภูเขาแห่งนี้กว้างใหญ่มาก แบ่งออกเป็นสองฝั่ง
ทางทิศเหนือเป็นเขตพื้นที่อยู่อาศัย มีคฤหาสน์เป็นสิบกว่าหลัง ทางด้านทิศใต้นั้นเป็นวิวทิวทัศน์ มีสนามหญ้าผืนใหญ่ที่สามารถตั้งเต้นท์ได้
จี้จิ่งเชินยังเตรียมอุปกรณ์สำหรับตกปลาและเตาปิ้งบาร์บีคิวมาอีกด้วย สามารถตกปลาข้างๆทะเลสาบนี้ แล้วเอามาทำเป็นอาหารเย็นได้พอดี
เวินเที๋ยนเที๋ยนช่วยอยู่ข้างๆ เห็นจี้จิ่งเชินกางเต้นท์เสร็จเรียบร้อยแล้วนั้น ถึงพบว่าดูเหมือนกับว่าเต้นท์หลังนี้จะเล็กไปอยู่บ้าง ถ้าอยู่สองคนก็อาจจะแน่นไปเสียหน่อย
เธอจำได้ว่า ก่อนหน้านี้คุณเวินเคยบอกไว้ว่าจี้จิ่งเชินเอาเต้นท์คู่มานี่นา
“นี่มันเป็นเต้นท์คู่จริงๆใช่ไหมคะ?” เวินเที๋ยนเที๋ยนเอ่ยพูดขึ้นอย่างงงๆ
จี้จิ่งเชินเดินเข้ามา แล้วตอบคำถามอย่างไม่ต้องสงสัย
“เอามาจากห้องเก็บของ ก็คงน่าจะใช่นะครับ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนได้ยินแล้วนั้นก็เชื่ออย่างไม่ได้สงสัยอะไรอีก
“อาจจะวางเอาไว้ผิดก็ได้นะคะ……”
แล้วหลังจากนั้นก็หันกลับมาเริ่มเก็บของอื่นๆ
ดวงตาของจี้จิ่งเชินที่อยู่ทางด้านหลังนั้นปรากฏความเจ้าเล่ห์ออกมา ไม่ได้เปิดเผยเล่ห์เหลี่ยมของตัวเองออกมา
ถ้าหากเปลี่ยนเป็นเต้นท์คู่ ตอนกลางคืนที่เวินเที๋ยนเที๋ยนหลับแล้วดิ้นไป ก็กลิ้งออกไปจากอ้อมกอดของเขาแล้ว
ทั้งๆที่มีเต้นท์เดี่ยวอยู่ สามารถใกล้ชิดกันมากขึ้นมาได้ แล้วทำไมจะต้องไปใช้เต้นท์คู่ด้วยล่ะ?
เตรียมเบ็ดตกปลาเสร็จแล้ว เวินเที๋ยนเที๋ยนกับจี้จิ่งเชินก็มายังตรงสถานที่สำหรับตกปลา
เวลานี้มีคนในหมู่บ้านบนภูเขานี้กำลังตกปลากันอยู่เป็นจำนวนมากแล้ว จี้จิ่งเชินพามาหาที่นั่งหลบแดด และเพิ่งจะวางเบ็ดลงนั้น ถึงได้พบว่าลืมหยิบเหยื่อมาด้วย เขาจึงต้องกลับไปเอาอีกรอบ
เขาเพิ่งจะก้าวเดินออกไป ไล่หลังก็มีสองสามคนที่เดินเข้ามาด้วยเช่นกัน
เห็นเวินเที๋ยนเที๋ยนแล้วก็จำเธอได้ คุณป้าสองสามคนนั่งลงข้างๆเธอด้วยใบหน้าที่แสดงความดีใจออกมา
ได้ยินว่าเวินเที๋ยนเที๋ยนไม่มีเหยื่อ ก็ยังใจกว้างเอาของตัวเองให้กับเธอ แล้วมองไปรอบๆ
“ผู้ชายคนที่มาด้วยกันเมื่อวานนี้ล่ะ?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนคิดแล้วรู้สึกว่าที่พวกเขาพูดถึงนั้นคงจะหมายถึงจี้จิ่งเชิน จึงเอ่ยพูดขึ้น : “เขากลับไปเอาเหยื่อมาตกปลาน่ะค่ะ”
สองสามคนนั้นพยักหน้าลง ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็นก็ยื่นเข้ามา
“ป้าได้ยินคุณหลีพูดมา เมื่อไหร่พวกหนูจะมีลูกกันล่ะ? อยากจะมีลูกกันกี่คน? แล้วชื่อของลูกคิดกันไว้แล้วหรือยัง?”
“ตอนนี้ยังไม่คิด ต่อไปจะมารีบร้อนเอาได้นะ”
“ใช่แล้ว ตอนที่ลูกชายป้าแต่งงานบริษัทที่จัดงานแต่งให้นั้นก็ทำออกมาได้ดีเลยนะ ให้ป้าแนะนำให้เอาไหม?”
“แต่งงานแล้วก็รีบๆมีลูกนะ เรื่องแบบนี้จะให้เสียเวลาไปเฉยๆไม่ได้”
เวินเที๋ยนเที๋ยนถูกถามเสียจนรู้สึกอึ้งไป ไม่คิดว่าพวกเขาจะดูคุ้นเคยกับตัวเองขนาดนี้
ใบหน้าของเธอนั้นอดจะแดงขึ้นมาไม่ได้ พลางส่ายหน้า : “ไม่ใช่ค่ะ……”
ยังพูดไม่ทันจบ บุคคลนั้นก็รีบเอ่ยพูดขึ้นมา : “พวกหนูไม่อยากมีลูกอย่างนั้นหรือ?”
“ไม่ใช่ค่ะ ไม่ใช่” เวินเที๋ยนเที๋ยนรีบโบกมือขึ้น
อีกฝ่ายหนึ่งกลับพูดขึ้นมา : “หนูไม่อยากมีตามเวลาที่กำหนด? หรือเขาไม่อยากได้? เขาไม่อยากล่ะก็ ป้าจะไปตีเขาเสียเลย!”
เวินเที๋ยนเที๋ยนเบิกตาขึ้นมา และก็ไม่รู้ด้วยเช่นกันว่าคนพวกนี้ไปได้ยินมาได้อย่างไร
“ไม่ได้เป็นแบบนี้ค่ะ”
“แล้วมันเป็นอย่างไรล่ะ?”
สองสามคนนั้นเอ่ยพูดขึ้นมา : “พวกหนูไม่ใช่อายุน้อยๆแล้ว อย่าให้เสียเวลาแบบนี้ต่อไปเลย แล้วก็ถึงเวลาที่ต้องมีลูกแล้วด้วย”
“ชอบเด็กผู้หญิงหรือเด็กผู้ชายล่ะ?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนทำตัวไม่ถูก ใบหน้าแดงขึ้นมา
รอจนตอนที่จี้จิ่งเชินกลับมานั้น ก็เห็นคุณป้าทั้งสามคนที่อายุรวมกันมากกว่าร้อยปีนั่งอยู่ข้างๆเวินเที๋ยนเที๋ยน
เวินเที๋ยนเที๋ยนนั่งอย่างเรียบร้อย แต่ใบหน้ากลับแดงระเรื่อ
เขาเดินเข้ามาด้วยความสงสัย
“อะไรหรือครับ?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนมองเขา ก็ราวกับว่าเห็นคนมาช่วยชีวิตเอาไว้ เธอจึงรีบวิ่งไปหลบอยู่ทางด้านหลังของเขาแทน
ทั้งสามคนเห็นจี้จิ่งเชินคนที่เป็นคนควบคุมสถานการณ์ในวงการธุรกิจก็ไม่ได้รู้สึกเกรงกลับกับแววตาที่เย็นชาของจี้จิ่งเชิน และยังเอ่ยถามด้วยความกระตือรือร้นอีกด้วย
“พวกคุณจะมีลูกกันเมื่อไหร่ล่ะ?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนที่เพิ่งจะหลุดพ้นจากความลำบากใจนี้แล้ว ก็เห็นว่าพวกเขาก็ถามเช่นนี้กับจี้จิ่งเชินด้วยเช่นกัน ขณะที่กำลังคิดจะช่วยเขานั้น กลับพบว่าใบหน้าของจี้จิ่งเชินนั้นไม่ได้เปลี่ยนไปเลย
พลางเอ่ยปากขึ้นด้วยว่า : “อยากอยู่ตลอดเลยครับ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนเซเสียจนเกือบจะล้ม
คุณป้าสองสามคนนั้นพยักหน้าลงอย่างจริงจัง
“ถ้าอย่างนั้นก็รีบๆเข้าสิ ไม่ต้องเสียเวลากันอีกแล้ว อายุของพวกคุณก็ไม่น้อยกันแล้วใช่ไหม?”
พวกเขาถามคำถามเดียวกันกับที่ถามเธอเมื่อครู่นี้ คิดไม่ถึงว่าจี้จิ่งเชินจะตอบคำถามกลับไปอย่างฉะฉาน ไม่ได้รู้สึกตื่นตระหนกเลยแม้แต่นิดเดียว
“พวกคุณวางแผนไว้ว่าจะมีกี่คนล่ะ?”
“ต้องดูเที๋ยนเที๋ยนครับ”
“ชอบเด็กผู้หญิงหรือเด็กผู้ชาย?”
“ชอบทั้งหมดเลยครับ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนได้ยินแล้วเบิกตากว้าง คนพวกนั้นก็ยิ่งมีความกระตือรือร้นมากยิ่งขึ้น
“ถ้าอย่างนั้นยังไม่รีบกันอีก”
จี้จิ่งเชินพยักหน้าลงอย่างเห็นด้วย : “กำลังพยายามอยู่ครับตอนนี้”
ได้ยินคำพูดนี้ของเขาแล้ว พวกป้าๆเหล่านั้นก็พากันตกตะลึง เม้มปากแล้วหัวเราะขึ้นมา ด้วยใบหน้าที่แสดงออกทางสีหน้าประหนึ่งว่า “ฉันเข้าใจ” ออกมา
“ดีเลยๆ ถ้าอย่างนั้นไม่รบกวนพวกคุณก็แล้วกันนะ”
ว่าแล้วก็เดินจากไปพร้อมกับหัวเราะกันอย่างชอบอกชอบใจ
เวินเที๋ยนเที๋ยนยังคงหน้าแดงอยู่เช่นนั้น คิดไม่ถึงเลยว่าจี้จิ่งเชินจะโต้ตอบกลับไปแบบนั้น และยังพูดคุยกับพวกเขาอย่างมีความสุขขนาดนี้อีกด้วย
อีกทั้งเมื่อครู่เขาพูดออกมาแบบนั้น……คงจะล้อเล่นใช่ไหม?
ขณะกำลังคิดอยู่นั้น เธอก็หันไปมองจี้จิ่งเชิน
ราวกับจี้จิ่งเชินอ่านความคิดของเธอออก จึงพยักหน้าลง
“ที่ผมพูดเป็นความจริงทั้งหมดเลยต่างหากล่ะครับ”