เมียหวานของประธานเย็นชา - บทที่ 713 คำเรียกขานนั้น
บทที่ 713 คำเรียกขานนั้น
เมื่อก่อนคุณนายหล่อนไม่ได้เห็นด้วยที่จี้จิ่งเชินคบกับเวินเที๋ยนเที๋ยน แต่ตอนนี้ดูท่าแล้วความกังวลก่อนหน้านี้ของเธอนั้นไม่จำเป็นแล้ว
เวินเที๋ยนเที๋ยนชะงักไปชั่วขณะ คิดไม่ถึงว่าเพราะคุณนายหล่อนเป็นห่วงเรื่องก่อนหน้านี้ของตระกูลเวินจึงเรียกเธอมา เธอรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
ต่อให้จะพักฟื้นอยู่ในคฤหาสน์ คุณนายหล่อนกับคุณชายเวินยังเป็นห่วงเธออยู่ตลอด
เวินเที๋ยนเที๋ยนรู้สึกซาบซึ้งอยู่ในใจ เอ่ย: “เดิมฉันคิดว่าครั้งนี้จะสามารถจบความแค้นระหว่างเราได้ และตระกูลเวินจะต้องได้รับโทษที่สมควรได้รับ คิดไม่ถึงว่า…..”
คุณนายหล่อนmujไม่ได้ใส่ใจ เอ่ยปลอบ: “แม้จะพ่ายแพ้หรือเพลี่ยงพล้ำ แต่อำนาจยังคงอยู่ ในเมื่อคนตระกูลเวินสามารถนั่งอยู่สูงในเมืองหลวงได้นานขนาดนี้ แน่นอนว่าต้องมีเส้นสาย หลายคนทำผิดครั้งแรก ก็คิดไปถึงผลสุดท้ายหลังจากที่ถูกเองถูกจับจึงเตรียมการบางอย่างไว้ ไม่ใช่ว่าพวกคุณไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้”
เวินเที๋ยนเที๋ยนพยักหน้า คำพูดนี้จี้จิ่งเชินก็เคยบอกเธอมาก่อน
แม้ว่าก่อนหน้านี้เวินหงหยู้ได้ตัดความสัมพันธ์กับตระกูลเวินไปแล้ว แต่เขาก็ไม่ได้ออกหน้าห้ามปรามขัดขวางการกระทำก่อนหน้านี้ไว้
แต่เวินหงหยู้อย่างไรก็เป็นคนของตระกูลเวิน หลังจากได้ยินข่าวพวกนี้แล้ว ไม่รู้ว่าจะทุกข์ใจหรือไม่?
ฟังความกังวลใจของเวินเที๋ยนเที๋ยนแล้ว คุณนายหล่อนก็พ่นลมหายใจออกมาเบาๆ
“ตั้งแต่สิบปีก่อน หงหยู้ก็คิดถึงผลลัพธ์นี้ไว้แล้ว ใช้วิธีการที่ไม่เหมาะสมยึดมาซึ่งอำนาจเงินทอง ต้องมีสักวันที่พังทลายลง คุณไม่ต้องเป็นห่วงหรอก”
เมื่อไม่กี่วันก่อนตอนที่ข่าวของตระกูลเวินถูกเผยแพร่ออกไป เธอเห็นเวินหงหยู้นั่งอยู่น้าคอมพิวเตอร์ อ่านเหตุการณ์ที่เกี่ยวกับตระกูลเวินด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
นี่ก็เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่เธอชวนเวินเที๋ยนเที๋ยนกับจี้จิ่งเชินมา เพราะกังวลว่าเรื่องนี้จะทำให้เกิดช่องว่างระหว่างทั้งสองคน
แต่ตอนนี้ดูแล้ว เรื่องที่เธอกังวลก่อนหน้านี้ก็ไม่ได้เกิดขึ้น
ได้รับการปลอบใจจากคุณนายหล่อน สภาพจิตใจเวินเที๋ยนเที๋ยนก็ดีขึ้นไม่น้อย สูดลมหายใจเข้าลึก พยักหน้าอย่างเรียกความกล้าหาญ
“ค่ะ ก่อนหน้านี้กังวลใจอยู่จริงๆ ตอนนี้ได้คุณพูดแบบนี้ ฉันก็วางใจแล้ว…..อันนั้น…..ขอบคุณค่ะ คุณแม่”
ทันทีที่เธอพูดจบ เวินเที๋ยนเที๋ยนก็กลั้นลมหายใจแล้วรอ
แต่เมื่อผ่านไปสักพัก กลับไม่มีเสียงตอบรับจากคุณนายหล่อนสักที
เธอตื่นตระหนกขึ้นมาอย่างฉับพลัน หรือว่าเสียงของเธอเบาเกินไป? คุณนายหล่อนไม่ได้ยิน?
เสียงเบาขนาดนี้ น่าจะไม่ได้ยินหรือเปล่า?
เวินเที๋ยนเที๋ยนรู้สึกขัดใจเล็กน้อย กำลังจะพูดอีกครั้ง
แต่เธอกลับไม่รู้ว่า ในตอนนั้นคุณนายหล่อนที่ยืนอยู่ด้านหลัง ได้ยืนแข็งค้างอยู่ที่เดิม ไม่ขยับ เพราะคำเรียกขานนั้นของเธอ
เพราะประหลาดใจมากเกินไป เธอถึงกับสงสัยว่าเมื่อสักครู่ตนเองนั้นได้ยินผิดไปหรือไม่
หลังจากยืนยันซ้ำแล้วซ้ำเล่า ในใจเธอก็ท่วมท้นด้วยความปีติในทันใด
เธอตื่นเต้นจนถึงกับมือสั่นเล็กน้อย แต่เพื่อไม่ให้รบกวนเวินเที๋ยนเที๋ยนที่เป็นฝ่ายเริ่ม เธอแอบสูดลมหายใจเข้าลึกอย่างเงียบๆ พยายามสงบความตื่นเต้นในตัวลง
แสร้งทำเป็นพูดตามใจไปอย่างนั้น: “ไม่เป็นไร คุณไม่ต้องกังวลเรื่องนี้ก็พอแล้ว”
เวินเที๋ยนเที๋ยนที่กำลังเตรียมจะเอ่ยเรียกอีกครั้ง ก็ได้ยินคำตอบคุณนายหล่อน
ตอนแรกยังคิดว่าเธอไม่ได้ยินคำที่ใช้เรียกขานตนเองในตอนสุดท้ายนั้นจริงๆ แต่แล้วก็สังเกตเห็นน้ำเสียงที่พยายามอำพรางความสั่นสะเทือนและความตื่นเต้นอย่างสุดความสามารถของคุณนายหล่อน
เวินเที๋ยนเที๋ยนเข้าใจได้ในทันที เกิดกระแสความอบอุ่นพรั่งพรูในใจ
เธอยิ้มบาง พยักหน้าเอ่ย: “ค่ะ ไม่กังวลอีกแล้ว”
แม้จะไม่ได้หันกลับไป แต่เวินเที๋ยนเที๋ยนกลับรู้ดีถึงความตื่นเต้นของคุณนายหล่อนที่อยู่ด้านหลัง
ในขณะเดียวกัน ก็รู้สึกราวกับยกภูเขาออกจากอก สบายใจอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
ในตอนนั้นเอง จี้จิ่งเชินและเวินหงหยู้ที่จัดการเก็บของเรียบร้อยแล้วเดินเข้ามา สัมผัสได้ถึงบรรยากาศในห้องครัวนั้นไม่ปกติ
เวินหงหยู้เดินเข้าไปหาคุณนายหล่อน กระทั่งได้เห็นสภาพของเธอ จึงเปล่งเสียงออกมาอย่างแปลกใจ
“เป็นอะไรไป?”
คุณนายหล่อนรีบร้อนยกมือขึ้นมาเช็ดน้ำตาที่หัวตาของตนเอง ส่ายหน้าบอก: “ไม่มีอะไร”
เธอพูดพลางยิ้มไปทางเวินเที๋ยนเที๋ยน น้ำตาเอ่อคลอเบ้า คิดถึงที่เธอเรียกตนเองว่าคุณแม่เมื่อสักครู่ สำหรับคุณนายหล่อนแล้วนั้นสั่นสะเทือนเธอได้มากเหมือนกัน
ตอนที่อยู่กับคุณนายหล่อน คุณนายหล่อนไม่เคยขอให้เธอเรียกว่าแม่เลยสักครั้ง เพราะเรื่องในอดีตนั้น เธอละอายใจต่อเวินเที๋ยนเที๋ยนมาตลอด จึงดีกับเธอเท่าที่ตนเองจะทำได้
แต่สำหรับเวินเที๋ยนเที๋ยนและคำเรียกขานนั้น ยังคงเป็นความปรารถนาอยู่ในใจลึกๆ
ครั้งนี้ได้ยินเวินเที๋ยนเที๋ยนเรียกกะทันหันโดยไม่ได้คาดคิด จึงอดไม่ได้ที่จะร้องไห้ออกมา
แต่เพื่อไม่ให้เป็นภาระของเวินเที๋ยนเที๋ยน ยังคงยิ้มให้เธอ
“เพราะตอนหั่นหอมใหญ่ ไม่ทันระวังเลยกระเด็นใส่ตา ไม่ต้องห่วง”
แต่เวินหงหยู้มองไปที่เขียง กลับไม่เห็นร่องรอยของหอมใหญ่แม้แต่น้อย จึงร้อนใจเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้แย้งอะไรออกมา
“ถ้าเหนื่อยก็ออกไปพักก่อนเถอะ เดี๋ยวผมทำต่อเอง”
คุณนายหล่อนกลับส่ายหน้า “เวินเที๋ยนเที๋ยนก็อยู่นี่ ไม่มีปัญหาหรอก คุณวางใจเถอะ”
น้ำเสียงของเธอมุ่งมั่นมาก เวินหงหยู้มองอย่างไม่วางใจอยู่ที่หน้าประตู เห็นทั้งสองคนสนิทสนมเข้ากันดี ถึงจะวางใจลง
นับตั้งแต่เอ่ยปากพูดครั้งแรก กำแพงในใจของเวินเที๋ยนเที๋ยนก็ลดลงมา ต่อมาจึงเอ่ยปากพูดได้ง่ายขึ้นกว่าเดินมาก
เห็นหล่อนหลีกำลังเตรียมของทำอาหารจานต่อไป จึงเดินเข้าไป
“คุณแม่ ฉันช่วยทำอันนี้เอง”
“เอาสิ”
เวินหงหยู้ที่กำลังจะเดินออกจากห้องครัวไปได้ยินประโยคนั้น ฝีเท้าชะงักไปครู่หนึ่ง และเข้าใจได้ในทันทีว่าเมื่อสักครู่ทำไมหล่อนหลีถึงร้องไห้
นั่นไม่ใช่น้ำตาของความทุกข์ใจ แต่เป็นน้ำตาของความดีใจ
มุมปากของเขายกขึ้นเป็นรอยยิ้มบางเบา ออกจากห้องครัวไป ยกพื้นที่ทั้งหมดให้กับคนคู่หนึ่งที่พึ่งปล่อยวางความยุ่งเหยิงในใจลง ในที่สุดก็กลับมาเป็นแม่ลูกคู่เดิม
หลังจากทานมื้อกลางวันแล้ว เพราะคำที่ในที่สุดก็เอ่ยปากเรียก ดวงตาของเวินเที๋ยนเที๋ยนยังคงเป็นประกายระยิบระยับ
คุณนายหล่อนที่อารมณ์ดีเช่นเดียวกัน เอ่ยแนะนำ: “ในเมื่อพวกคุณชอบไปตั้งแคมป์ ป่าด้านหลังพวกคุณต้องชอบแน่ ในวิลล่าบนเขาหลายคนชอบไปปีนเขากันตอนเช้า ตอนนี้อากาศไม่ได้ร้อนมาก ลองไปดูได้ เป็นสถานที่ดีๆ ที่เจอได้ยากที่หนึ่ง”
เมื่อคืนก่อนเวินเที๋ยนเที๋ยนถูกความสวยงามของหิ่งห้อยที่ทะเลสาบพวกนั้นทำให้ตะลึงไปแล้ว วันนี้ได้ยินถึงสถานที่ที่ทำให้คุณนายหล่อนออกปากแนะนำด้วยตนเอง ยิ่งเต็มไปด้วยความคาดหวัง ตอนบ่ายจึงออกเดินทางไปพร้อมกับจี้จิ่งเชิน
ผ่านวิลล่าหลายหลัง เดินไปทางด้านหลังเรื่อยๆ
เพื่อให้คนปีนเขาได้สะดวก บนเขายังมีการวางบันไดหินไว้ ขึ้นบันไดไปทีละก้าว ตรงไปบนยอดเขา
ตอนนี้เวลายังเร็วไปเล็กน้อยจึงไม่เห็นคนอื่นๆ ระหว่างทาง ทางขึ้นเขาก็ไม่ถือว่าสูงชันนัก
เวินเที๋ยนเที๋ยนเงยหน้ามอง ที่ปรากฏในสายตาคือสีเขียวสดและท้องฟ้าสีครามสะท้อนอยู่ด้วยกัน เกิดเป็นภาพที่สวยงามน่าทึ่งให้คนชื่นชม
เดินขึ้นไปตามทางเรื่อยๆ ระหว่างทางไม่เจอใครอื่น มีเพียงป่าเขียวชอุ่มตลอดทั้งสองข้างทาง
พื้นดินปกคลุมไปด้วยใบไม้ร่วงอย่างหนาทึบ นอกจากเสียงนกที่ได้ยินมาเป็นระยะแล้ว มีเพียงเสียงของลมที่พัดเข้ากับใบไม้ ทำให้จิตใจผ่อนคลาย
เวินเที๋ยนเที๋ยนสูดลมหายใจเข้าลึกๆ จิตใจรู้สึกสดชื่นปลอดโปร่ง