เมียหวานของประธานเย็นชา - บทที่ 729 ผมเข้าใจเป็นความหึงหวงได้ไหม
บทที่ 729 ผมเข้าใจเป็นความหึงหวงได้ไหม
สายตาที่งอนๆ ทำให้ไฟในหัวใจของจี้จิ่งเชินลุกโชนขึ้นอีกครั้ง
เขาพูดด้วยเสียงที่ทุ้มต่ำ“ถ้าเวินเที๋ยนเที๋ยนยังมองผมแบบนี้ เกรงว่าวันนี้ผู้ช่วยจะเข้ามาไม่ได้แล้วนะ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนได้ยิน ก็รีบหลบตาอย่างรวดเร็ว กระแอมในลำคอ ปรับโทนเสียงในการพูด
“เข้ามาเถอะ”
ผู้ช่วยที่อยู่ข้างนอกรอนานแล้ว กำลังคิดว่าข้างในเกิดอะไรขึ้นกันแน่ พอได้ยินเสียงของเวินเที๋ยนเที๋ยน ก็ผลักประตูเข้ามา
ก็เห็นจี้จิ่งเชินยืนอยู่ด้านหลังเวินเที๋ยนเที๋ยน ยืนตัวตรง มุมปากของเขายกขึ้นเล็กน้อย แม้แต่แววตาก็แฝงไปด้วยรอยยิ้ม
แต่เวินเที๋ยนเที๋ยนที่นั่งอยู่ที่เก้าอี้ประธานริมฝีปากแดงก่ำ บนใบหน้าแฝงไปด้วยความเหนียมอาย สายตาเต็มไปด้วยความหวานชื่น
ผู้ช่วยเห็นแล้ว ก็เข้าใจทันทีว่าเมื่อกี๊เกิดอะไรขึ้น เขายิ้มอย่างรู้ทัน แต่ก็ไม่ได้พูดออกมา ได้นำเอกสารความคืบหน้าของโครงการที่เพิ่งได้รับมาแล้วยื่นออกไป
เวินเที๋ยนเที๋ยนจะยื่นมือออกไปรับ แต่พอยกมือขึ้น มือกลับชา
เป็นเพราะเมื่อกี๊ที่ถูกจี้จิ่งเชินจับล็อกข้อมือของเธอไว้ กดเธอติดกับกระจก จนถึงตอนนี้ก็ยังชาอยู่นิดหน่อย
ท่าทางของเวินเที๋ยนเที๋ยน ทำให้จี้จิ่งเชินที่ยืนอยู่ข้างๆยื่นมือออกมา ช่วยรับเอกสารฉบับนั้นมา แล้ววางไว้ตรงหน้าของเวินเที๋ยนเที๋ยน
พร้อมกับพูด “ถ้าหากเที๋ยนเที๋ยนเหนื่อยเกินไป ก็ไม่ต้องฝืนตัวเองนะ”
เขาพูดด้วยเสียงที่แฝงไปด้วยรอยยิ้ม ทำเอาเวินเที๋ยนเที๋ยนอดไม่ได้ที่จะถลึงตาใส่
เขายังจะกล้าพูด?
ใครล่ะที่ทำให้เป็นแบบนี้?
จี้จิ่งเชินกลับไม่อธิบาย แค่มองเธอด้วยรอยยิ้ม
เวินเที๋ยนเที๋ยนรับเอกสารความคืบหน้าไว้ แล้วให้ผู้ช่วยออกไปก่อน โดยตั้งใจจะเมินจี้จิ่งเชินที่อยู่ตรงหน้า แล้วรีบทำงานในมือให้เสร็จ
ตอนที่ออกจากบริษัทด้วยกัน คนไม่น้อยมองเห็นพวกเขา ก็ตกใจเป็นอย่างมาก มองตามกันเป็นแถว
เวินเที๋ยนเที๋ยนขึ้นรถแล้วพูดว่า “ต่อไปคุณไม่ต้องมาที่บริษัทอีกนะ”
“หืม?”
จี้จิ่งเชินหันมามอง
เวินเที๋ยนเที๋ยนพูดต่อ “พนักงานพวกนั้น เพียงแค่คุณปรากฏตัวก็เอาแต่จ้องคุณตลอด”
จี้จิ่งเชินได้ยินแล้ว ก็ยิ้มออกมา
“เที๋ยนเที๋ยนพูดแบบนี้ ผมเข้าใจเป็นความหึงหวงได้ไหม? ”
ตอนที่เวินเที๋ยนเที๋ยนพูดประโยคเมื่อกี้ออกไปก็ยังไม่ได้คิดอะไรมาก แต่พอได้ยินจี้จิ่งเชินพูดแบบนี้แล้ว ก็รู้สึกเหมือนมีความหมายแบบนั้นจริงๆ ก็อดหน้าแดงไม่ได้
“ไม่ใช่……ฉันแค่กังวลว่าหลังจากที่คุณปรากฏตัว จะส่งผลต่อการทำงานของพนักงาน”
“แบบนั้นไม่ดีแน่” แต่จี้จิ่งเชินกลับพูด “ก็แค่อยากจะปรากฏตัวพร้อมกับคุณ ทุกคนจะได้รู้ว่า ประทานของบริษัทหล่อนซื่อเวินเที๋ยนเที๋ยน กำลังจะเป็นเจ้าสาวของผมแล้ว”
พูดพลาง จี้จิ่งเชินก็สตาร์ทรถ แล้วออกจากบริษัทหล่อนซื่อไป
เวินเที๋ยนเที๋ยนที่นั่งอยู่ตรงที่นั่งข้างคนขับ ยิ่งหน้าแดงขึ้นไปอีก
ในช่วงเวลานี้เวินเที๋ยนเที๋ยนจะเข้ารับงานจากท่านเปิงในทุกหนึ่งหรือสองเดือนต่อหนึ่งรายการ สำหรับวัตถุโบราณที่มีค่าทางวัฒนธรรมที่ไม่ได้รับความเสียหายที่ร้ายแรงพวกนั้น ถึงแม้จะใช้เวลานานในการบูรณะ แต่เธอไม่อยากจะยอมแพ้
มันเป็นงานอดิเรกที่เธอชอบ
จนกระทั่งถึงตอนนี้ ตอนที่ได้นั่งลงแล้วจับวัตถุโบราณที่แตกหักพวกนี้ ใจของเวินเที๋ยนเที๋ยนก็ค่อยๆสงบลง
ตอนที่ทั้งสองคนมาถึง ท่านจางและผู้เชี่ยวชาญอีกหลายคนที่ชอบสะสมโบราณวัตถุก็มาถึงกันแล้ว
เมื่อเห็นเวินเที๋ยนเที๋ยนเข้ามา ท่านจางก็ลุกขึ้นอย่างดีใจ แล้วต้อนรับ
“สาวน้อย ฉันไม่ได้เจอเธอมานานเท่าไหร่แล้ว? บริษัทเป็นยังไงบ้าง? จี้จิ่งเชินผู้ชายคนนั้นยังกวนเธออยู่อีกหรือเปล่า?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนฟังแล้ว กำลังจะตอบ
คิดไม่ถึงจะมีเสียงกระแอมมาจากคนที่อยู่ข้างหลัง ท่านจางหันไปมอง พบว่าจี้จิ่งเชินกำลังเดินเข้ามา ยืนอยู่ข้างๆเวินเที๋ยนเที๋ยน
“ผมทำให้ท่านจางเป็นกังวลแล้ว ผมจะดูแลปกป้องเที๋ยนเที๋ยนเป็นอย่างดี”
ทันทีที่เหล่าจางเห็นเขา ก็ทำเสียงฟึดฟัด
คิดไม่ถึงว่าพอตัวเองจะนินทาบ้าง กลับถูกจับได้
เขาหันหลังแล้วเดินกลับไปอย่างไม่พอใจ แล้วนั่งลงบนเก้าอี้
ถึงแม้ท่านเปิงจะไม่ได้ตื่นเต้นดีใจเท่าท่านจาง แต่บนใบหน้าก็เต็มไปด้วยรอยยิ้มอย่างพอใจ
เวินเที๋ยนเที๋ยนเดินไปข้างหน้า และหันไปคำนับเขา
“สวัสดีค่ะอาจารย์”
ท่านเปิงพยักหน้าอย่างพอใจ
“เครื่องลายครามที่เธอซ่อมครั้งที่ก่อนฉันได้เห็นมันแล้ว ดูจากฝีมือการบูรณะ มันประณีตมากกว่าเมื่อก่อนเยอะเลย ดูเหมือนทักษะที่ฉันสอนให้เธอไปจะไม่ได้สอนเปล่านะ”
“เพียงแต่ การบูรณะเครื่องเคลือบในครั้งนี้จะค่อนข้างลำบาก”
เวินเที๋ยนเที๋ยนฟังแล้ว ก็สงสัยทันที
ท่านเปิงยิ้ม แล้วพูดต่อ “แต่ก็จะได้ทดสอบเทคนิคสูงสุดในการบูรณะของเธอว่าไปถึงไหนแล้ว”
พูดพลาง ก็ให้ทั้งสองคนนั่ง แล้วตัวเองก็เดินจากไป
สักครู่ใหญ่ๆ ก็ถือกล่องสีแดงกล่องใหญ่เดินเข้ามา วางลงบนโต๊ะตรงหน้าของเวินเที๋ยนเที๋ยน
“เปิดดูสิ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนยื่นมือออกมาเปิดฝาอย่างสงสัย มองเห็นเครื่องเคลือบที่แตกเป็นสองท่อน
ดูผ่านๆ ความเสียหายของเครื่องเครือบชิ้นนี้ก็ไม่ได้ร้ายแรง ดูแล้วหน้าจะบูรณะได้ไม่ยาก
แต่ทำไมท่านเปิงถึงได้บอกว่ามันบูรณะได้ยากล่ะ?
เมื่อเวินเที๋ยนเที๋ยนมองอย่างละเอียด ก็พบหนึ่งในสาเหตุอย่างรวดเร็ว
มองเห็นแค่บนรอยแตกของเครื่องเคลือบชิ้นยังมีชิ้นส่วนเศษโลหะติดอยู่
“นี่คืออะไร?” เวินเที๋ยนเที๋ยนถามด้วยความสงสัย
ท่านเปิงถอนหายใจ แล้วอธิบาย: “เครื่องเคลือบนี้ตั้งแต่รับมาอยู่ในมือมันก็เป็นแบบนี้แล้ว เจ้าของคนก่อนก็ไม่รู้มูลค่าของเครื่องเคลือบชิ้นนี้ ตอนที่แตกหักก็อยากจะซ่อมแซมบูรณะด้วยตัวเอง แต่เนื่องจากไม่มีทักษะ กลับทำให้รอยแตกได้รับความเสียหาย ถ้าไม่อย่างนั้นก็คงไม่ร้ายแรงขนาดนี้”
ตอนนี้บนรอยแตกทั้งหมดถูกปกคลุมด้วยทองสัมฤทธิ์ ถ้าหากจะทำให้ซ่อมได้จริงๆ จะต้องทำความสะอาดทองสัมฤทธิ์ข้างบนออก ดังนั้นฉันถึงอยากเสนอให้เธอทำมันให้สำเร็จ”
“ถึงยังไง ในวงการการบูรณะ ก็มีคนที่จะซ่อมโลหะและเครื่องเคลือบดินเผาได้นั้นมีไม่มาก เธอเป็นหนึ่งในนั้น และงานนี้ก็ต้องใช้ความอดทนและความแน่วแน่อย่างมาก”
ตอนที่เพิ่งรับงานนี้มา ท่านเปิงก็ลำบากใจมาก
แต่ถามคนที่อยู่รอบๆตัวดูหมดแล้ว และหลังจากที่ผ่านการชั่งใจและพิจารณาแล้ว เวินเที๋ยนเที๋ยนเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด
ถึงแม้ว่าเธอจะดำรงตำแหน่งเป็นประธานของบริษัทหล่อนซื่อ มีหน้าที่รับผิดชอบมากมาย ไม่มีเวลามากมายที่จะเข้าร่วมทำงานบูรณะ แต่ไม่ว่าจะมองด้านเทคนิคหรือจิตใจ เวินเที๋ยนเที๋ยนล้วนมีคุณสมบัติที่เหมาะสม
ตอนที่เขาปรึกษากับเจ้าของของสะสมชิ้นนี้ อีกฝ่ายก็เห็นด้วยกับความคิดของเขา
ถึงแม้การบูรณะอาจจะช้าหน่อย แต่แค่ได้รับผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ทุกคนก็พอใจกับมันมากแล้ว
ท่านจางเดินเข้ามา มองเห็นของที่อยู่ในกล่อง ก็พูดอย่างไม่พอใจทันที “ท่านเปิง ผมรู้ว่าคุณต้องการจะใช้มันทดสอบเที๋ยนเที๋ยน ของนี่จะไปซ่อมได้ยังไง? ต้องล้างเอาโลหะที่อยู่ข้างบนพวกนั้นให้สะอาดก่อน ถึงแม้จะให้ทำกันสักสิบคนก็ยังใช้เวลาประมาณครึ่งเดือนได้มั้ง?”
“เที๋ยนเที๋ยนคนเดียวยังต้องดูแลการขนส่งของบริษัท จะแบ่งความใจมาทำงานนี้ได้ยังไง?”
จี้จิ่งเชินก็ขมวดคิ้ว ที่พวกเขายังไม่รู้ก็คือ ตอนนี้หล่อนเจียนีสองแม่ลูกคู่นั้นก็ย้ายเข้ามาในตระกูลหล่อนแล้ว มีแม่ลูกคู่นี้ขัดขวางอยู่ เวลาที่เวินเที๋ยนเที๋ยนจะสามารถซ่อมแซมวัตถุโบราณได้นั้นแทบจะหาไม่ได้เลย
ถึงตอนนั้นแค่ทำงาน เวินเที๋ยนเที๋ยนก็แทบไม่มีเวลาพักผ่อนอยู่แล้ว