เมียหวานของประธานเย็นชา - บทที่ 736 งั้นก็ชดเชยเงินสิ
บทที่ 736 งั้นก็ชดเชยเงินสิ
“ในเมื่อแกรู้อย่างนี้ ทำไมต้องไปทำลายของของเค้าในห้องทำงาน? แกไม่ใช่ไม่รู้นิสัยของเวินเที๋ยนเที๋ยน คุณจะยอมง่ายๆแบบนี้ได้อย่างไร?”
หล่อนเจียนีลืมตาขึ้นมาโตๆ
“ฉันก็ไม่รู้ว่าในมือคุณมีกล้องวงจรปิดด้วย ไม่อย่างนั้นยังไงฉันก็ไม่เข้าไปในนั้นหรอก ตอนนี้มาโทษฉันแล้วมีประโยชน์อะไร? ถ้าไม่ใช่เพราะแม่ไม่ยอมช่วยฉัน ฉันคงไม่คิดวิธีแบบนี้หรอก? พูดจริงๆก็คือแม่ไม่มีความสามารถ ทำให้พวกเราต้องแย่ถึงขนาดนี้”
พูดจบ เธอไม่สนใจหลิวเหม่ยหลันอีก หันหลังเดินไปอีกข้างหนึ่ง
เพราะเรื่องชดใช้ค่าเสียหายของเครื่องเคลือบแจกันนั่น ทั้งสองคนจำเป็นต้องเริ่มทำงาน แต่พวกเขาเป็นผู้ดีมีวงศ์ตระกูลมาตลอด เมื่อก่อนมีชีวิตความเป็นอยู่ที่สุขสบาย อยากได้อะไรก็ได้ เรื่องทำสวนแบบนี้พวกเค้าทำไม่เป็นเลยสักนิด
แค่แป๊บเดียว สวนที่ต้องตัดแต่งกิ่งไม้ไม่ได้ทำอะไรเลย แต่ส่วนที่จะเหลือไว้กลับถูกทำจนยับเยินไปหมด
คนสวนมองดูสวนที่ยุ่งเหยิงไปหมดแล้ว ขมวดคิ้วขึ้นอย่างไม่พอใจ
สองคนนี้ตั้งใจก่อกวนกันชัดๆ ถูกคนงานไล่ออกจากที่ยังไม่ยอมหยุด กลับมาถึงห้องครัวยังบอกว่าจะช่วยแม่ครัวเตรียมอาหารค่ำ
แม่ครัวได้ยินคำพูดนี้แล้ว นึกถึงสิ่งที่หล่อนเจียนีทำไว้เมื่อก่อน รีบปฏิเสธทันที
แต่ก็นึกไม่ถึงว่ามันสายไปซะแล้ว ได้แต่มองดูพวกเขาทำลายข้าวของในครัวจนยับเยิน
ทั้งสองคนเริ่มทำงานได้ไม่ถึงสามวัน ไม่เพียงแค่ไม่สามารถช่วยแบ่งเบางานให้พวกเค้า แต่กลับก่อเรื่องให้พวกเค้าไม่น้อย
พ่อบ้านนำเรื่องนี้ไปรายงานให้เวินเที๋ยนเที๋ยนทราบ
“ตอนนี้หล่อนเจียนีและหลิวเหม่ยหลันเปลี่ยนนิสัยเดิมไปบ้าง ถึงแม้จะกระตือรือร้น แต่ทั้งสองคนนี้ไปถึงไหน ก็ทำให้ยุ่งเหยิงไปหมด ข้าวของและเครื่องใช้ต่างก็ถูกทำเสียหมด ทำให้ทำงานต่อไปไม่ได้”
เวินเที๋ยนเที๋ยนได้ยินดังนั้น เงียบไปสักพัก จากนั้นก็เอ่ยปากพูด: “ไปบอกพวกเค้า ถ้าทำแบบนี้อีก ฉันจะหางานที่ร้านอาหารTHALIAให้พวกเค้าทำหน้าที่ต้อนรับแขก”
พ่อบ้านได้ยินคำพูดนี้ ยังไม่ค่อยเข้าใจ ทำแบบนี้แล้วจะสามารถหยุดการกระทำพวกเค้าสองคนได้จริงๆหรือ?
จนเขานำคำพูดไปบอกทั้งสองคนนั้นแล้ว เห็นแต่พวกเค้าสีหน้าเปลี่ยนไป
ร้านอาหารTHALIAเป็นร้านที่มีชื่อเสียงโด่งดังที่สุดในเมืองหลวง
ลูกหลานเศรษฐีไม่น้อยที่ชอบไปรับประทานอาหารที่นั่น
ถ้าพวกเค้าไปเป็นพนักงานต้อนรับแขก ก็จะทำให้คนอื่นเห็นท่าทางที่พวกเค้าตกต่ำจนถึงเพียงนี้ไม่ใช่หรือ?
ถึงเวลานั้น ต้องมีคนจะนินทาลับหลังไม่น้อย
หลิวเหม่ยหลันและหล่อนเจียนีที่มีศักดิ์ศรีห่วงหน้าตาอย่างพวกเค้า จะทนสภาพเช่นนั้นได้ยังไง?
วันที่สอง ทั้งสองคนยอมสงบเสงี่ยมจริงๆ
ในขณะที่เวินเที๋ยนเที๋ยนคอยคุมทั้งสองคนนี้ทำงานไปด้วย ยังยุ่งกับการซ่อมแซมเครื่องเคลือบแจกันที่แตกหักจนเละชิ้นนั้น หลวนจื่อที่ไม่ได้เจอกันมานานมากได้ติดต่อเธออย่างกะทันหัน
หลังจากที่ครั้งก่อนหมินอันเกอเป็นนักแสดงนำภาพยนตร์เรื่อง“แสงจางๆ”ประสบความสำเร็จอย่างมาก เขาก็ได้กลับเข้ามาในวงการบันเทิงอย่างเป็นทางการ อีกทั้งยังได้รับงานอื่นๆหลายชิ้น
ถึงแม้หลวนจื่อกำลังตั้งครรภ์อยู่ แต่ก็ไม่ได้อยู่เฉยๆ เธอเป็นนางแบบที่มีความสนใจทางด้านแฟชั่นมาตลอด
ก่อนหน้านั้นไม่กี่วันเคอเหยียนรุ่ยที่เคยดูแลเธอช่วงหนึ่ง ในที่สุดก็ออกแบบชิ้นงานของตนเองจนสำเร็จ เตรียมจะเปิดแถลงผลงานชิ้นล่าสุด
ในฐานะที่เป็นเทพธิดามิวส์แห่งการออกแบบ หลวนจื่อถูกเชิญมาครั้งแรก เพื่อเป็นนางแบบเปิดการแสดงในครั้งนี้
ในฐานะที่หลวนจื่อเป็นนางแบบที่เคยเดินแบบให้สินค้าแบรนด์ดังไม่น้อย ถึงแม้ตอนนี้เธอจะกำลังท้องอยู่ แต่พอนึกถึงก่อนหน้านั้นที่เคอเหยียนรุ่ยเคยดูแลเธออย่างดี ตนเองก็เคยตอบรับว่าจะเดินแบบให้เธอ
หลังจากที่ได้ยินข่าวนี้แล้ว จึงตอบตกลงทันที
เพื่อที่จะให้เธอเดินแบบได้อย่างสบายใจ เคอเหยียนรุ่ยยังตั้งใจแก้แบบเสื้อผ้าของเธอ เพื่อให้ท้องของหลวนจื่อดูแล้วไม่ยืดออกมาชัดเจนขนาดนั้น
หลังจากที่หลวนจื่อคอนเฟิร์มว่าจะออกงานนี้แล้ว จึงเชิญเวินเที๋ยนเที๋ยนร่วมงานด้วยกัน
เวินเที๋ยนเที๋ยนได้ยินว่าเธอจะเดินแบบ รู้สึกกังวลเล็กน้อย
“จะไม่มีปัญหาจริงๆหรือ”
“ไม่มีปัญหาหรอกค่ะ” หลวนจื่อไม่กังวลเลยสักนิด กล่าว: “เคอเหยียนรุ่ยรับปากกับฉัน ว่าจะแก้เสื้อผ้าใหม่อีกครั้ง อีกอย่างฉันไม่ต้องใส่ส้นสูงเดินแบบ เดินแค่ครั้งเดียว ไม่มีปัญหาแน่นอน”
เวินเที๋ยนเที๋ยนได้ยินเช่นนั้น ก็ยังมีความรู้สึกกังวลหน่อย
ถึงแม้ในประวัติของการเดินแบบบนแคตวอล์ก ก็มีนางแบบหลายท่านที่เดินแบบในขณะตั้งครรภ์เหมือนกัน
แต่ตอนที่พวกเขาเดินแบบนั้น มองดูแล้วหน้าท้องก็ยังไม่ค่อยชัดเจนเท่าไหร่นัก น้ำหนักที่ต้องแบกรับน้อยมาก สามารถเดินได้อย่างสบายตัว แต่หลวนจื่อตอนนี้กำลังท้องหกเดือนแล้ว
ถ้าไม่ทันระวังและเกิดเรื่องอะไรขึ้นมา ต้องแย่แน่ๆ
เวินเที๋ยนเที๋ยนอยากจะเตือนเธอ แต่เห็นหลวนจื่อดีใจและตื่นเต้นมาก และท่าทางกำลังเปิดดูสคริปงานอยู่
เห็นแววตาของเธอเหมือนมีประกายดาวส่องแสงระยิบระยับ เวินเที๋ยนเที๋ยนจึงเก็บคำพูดที่อยากจะพูดไว้ในใจ
เพราะก่อนหน้านี้มีข่าวซุบซิบกับหมินอันเกอ หลังจากนั้นหลวนจื่อไม่เคยรับงานอะไรอีกเลย แม้แต่ออกนอกประตูบ้านก็น้อยมาก
เธอชอบความรู้สึกที่เดินอยู่บนแคตวอล์กด้านหน้าตรงรูปตัวT เวินเที๋ยนเที๋ยนเคยเห็นหลวนจื่อเดินแบบ
ตอนที่ใส่เสื้อผ้าที่ดีไซน์เนอร์ตั้งใจออกแบบอย่างมาก ตอนที่เดินผ่านตรงด้านหน้าแล้ว บนตัวของหลวนจื่อเต็มไปด้วยแสงประกาย ไม่ใช่คนอื่นสามารถเทียบเท่าได้
ในเวลานั้น เธอน่าจะมีความสุขมากสินะ?
เวินเที๋ยนเที๋ยนคิดไปคิดมาและพูด: “ขอแค่คุณระวังหน่อย อย่าเกิดอันตรายใดๆ คุณก็ไปเถอะ”
หลวนจื่อทำการเตรียมตัวมายาวนานมากเพื่อจะโน้มน้าวเวินเที๋ยนเที๋ยน นึกไม่ถึงว่าเธอจะตอบตกลงเร็วขนาดนี้ ดีใจจนเข้าไปกอดเธอทันที
“ฉันรู้ ว่าคุณต้องดูแลตนเองดีอยู่แล้ว”
เวินเที๋ยนเที๋ยนรู้สึกโล่งใจและถาม: “เรื่องนี้ หมินอันเกอรู้ไหม?”
หลวนจื่อได้ยินแล้วแลบลิ้น ตอบอย่างซุกซนว่า: “ฉันไม่ได้บอกเค้า”
เวินเที๋ยนเที๋ยนมองหน้าเธอด้วยความตกใจ
หลวนจื่อพูดต่อไปอีกว่า: “สองสามวันนี้หมินอันเกอถ่ายละครอยู่นอกพื้นที่ ไม่รู้เรื่องนี้เลย รอให้ฉันแอบเดินแบบจนเสร็จแล้ว ค่อยบอกเขาละกัน ถ้าไม่อย่างนั้น เขาไม่มีทางเห็นด้วยแน่นอน”
พูดแล้วเข้าไปกอดเวินเที๋ยนเที๋ยนและพูดอีกว่า: “เที๋ยนเที๋ยนคนดี คุณอย่าเผยความลับนี้ออกไปนะ ได้ไหม?”
เธอยกสองมือขึ้นมาไหว้ขอร้อง
เวินเที๋ยนเที๋ยนถอนหายใจทีหนึ่ง ได้แต่รับปาก
“ฉันจะช่วยคุณปกปิดความลับนี้ แต่ว่าคุณต้องรับปากฉัน ห้ามเกิดเรื่องเด็ดขาด ถ้ามีปัญหาอะไร ต้องหยุดโชว์ทันที”
หลวนจื่อพยักหน้า
“คุณวางใจเถอะนะ ยังไงฉันเป็นถึงซุปเปอร์โมเดลระดับโลก แค่เดินแบบในพิธีเปิดงาน ต้องทำได้อยู่แล้ว”
พูดจบ หลวนจื่อก็ก้มหน้าด้วยความดีใจและเปิดเอกสารที่เคอเหยียนรุ่ยส่งมาให้เธอก่อนหน้านั้น
“คุณมาช่วยฉันดูก่อน ข้างในใส่ตัวไหนสวยกว่า? เคอเหยียนรุ่ยบอกว่า ให้ฉันเลือกตัวหนึ่งเอาไว้เดินรอบเปิดงานรอบแรก”
เวินเที๋ยนเที๋ยนหยิบเอามาดูสักพัก
ไม่พูดไม่ได้ว่า ผลงานดีไซน์ของเคอเหยียนรุ่ยพัฒนาได้ดีขึ้นมากจริงๆ
เมื่อเทียบกับงานออกแบบเมื่อก่อนแล้ว มีชีวิตชีวามากขึ้นเยอะเลย
ได้ยินมาว่าผลงานพวกนี้เขาได้รับแรงบันดาลใจในช่วงที่ดูแลหลวนจื่อ ดังนั้นจึงตั้งใจเชิญเธอมาเป็นแขกรับเชิญพิเศษในพิธีเปิดงาน”
เวินเที๋ยนเที๋ยนมองดูอย่างละเอียดและเลือกออกมาหนึ่งตัว
“อันนี้ไม่เลวนะ”
หลวนจื่อเอาดูแล้วแววตาสว่างขึ้นมาทันที
“ดีจังเลย คุณคิดเหมือนกับที่ฉันคิดเลย ฉันก็คิดว่าตัวนี้เหมาะสมกับฉันที่สุด ฉันไปบอกเคอเหยียนรุ่ยตอนนี้เลย”
เวินเที๋ยนเที๋ยนมองเธอหันไปโทรศัพท์ ในใจก็ยังรู้สึกกังวลอยู่ดี
หมินอันเกอจะไม่รู้จริงๆเหรอ?