เมียหวานของประธานเย็นชา - บทที่ 741 เกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิด
บทที่ 741 เกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิด
สายลมที่พัดผ่านมาจากด้านหน้าส่งผลให้เห็นหน้าท้องน้อยๆ ของเธอ แต่กลับไม่ส่งผลใดๆ ต่อความงดงามสุนทรีย์ตรงหน้า ในตรงกันข้ามมันกลับให้ความรู้สึกที่ทั้งอ่อนโยนและน่าสบายใจอีกแบบหนึ่ง
ผู้คนคิดว่าแต่เดิมแค่ก่อนการแสดงเปิดตัวนั้นก็น่าทึ่งมากพอแล้ว แต่กลับไม่คาดคิดว่า ตอนนี้เมื่อมันอยู่บนตัวหลวนจื่อ พวกเขากลับได้เห็นรูปแบบการตีความอีกแบบหนึ่ง
หลวนจื่อในตอนนี้ ให้ความรู้สึกที่แตกต่างออกไปจากหลวนจื่อในเมื่อก่อนอย่างสิ้นเชิง
ถ้าเธอเคยเป็นราชินีแห่งพงไพรมาก่อน เช่นนั้นในตอนนี้เธอก็กลายมาเป็นพระแม่ธรณี แม้จะไม่เอ่ยอะไรออกมาสักคำ แค่ลมหายใจเพียงเบาๆ ของเธอกลับทำให้ผู้คนอดไม่ได้ที่จะอยากเข้าใกล้ และหลับลงอย่างเงียบๆ ในอ้อมแขนของเธอ
หลวนจื่อเป็นคนที่มีเสน่ห์น่าหลงใหลประเภทนั้น บวกกับการความสามารถในการเปลี่ยนบทบาทของเธอก็ยิ่งทำให้เกิดเป็นสไตล์ที่แตกต่างกันออกไป
ทุกสไตล์ เธอล้วนสามารถแสดงมันออกมาได้อย่างชัดเจน อีกทั้งยังน่าตื่นตะลึงและน่าทึ่งอย่างยิ่ง
เธอเดินมาด้านหน้าช้าๆ สายตามองตรงไปข้างหน้า
แต่ในเวลานี้เอง สายตาของหลวนจื่อที่กวาดมองมาจากด้านข้าง จู่ๆ ทันใดนั้นก็เหลือบเห็นหมินอันเกอที่กำลังนั่งอยู่อีกด้านหนึ่ง
ทันทีที่เห็นเขา ใบหน้าของหลวนจื่อก็ฉายแววประหลาดใจ ท่าทางแข็งขึ้นเล็กน้อย
แต่เพียงไม่ถึงหนึ่งวินาที เธอก็บังคับสีหน้าให้กลับมาเป็นดังเดิม ก่อนจะยกเท้าเดินเข้ามา
ต่อให้เป็นแบบนั้น แต่ทั้งหัวใจของเธอกอดไม่ได้ที่จะลอยไปหาหมินอันเกอ
เขากำลังโกรธอยู่สินะ?
ต้องโกรธอยู่แน่
นี่ถือเป็นครั้งแรกที่หลวนจื่อได้เห็นท่าทางแบบนั้นของหมินอันเกอ ริมฝีปากเม้มแน่น ใบหน้าอึมครึม ดวงตาสีน้ำตาลเข้มคู่นั้นกำลังเต็มไปด้วยความเกรี้ยวกราด
แต่ว่า หลวนจื่อไม่สามารถหยุดงานของตนลงได้
เธอเดินไปข้างหน้าอย่างมั่นคง
ช่างเถอะ รอจนอีกเดี๋ยวหลังจากเสร็จลง ค่อยอธิบายกับเขา
หลวนจื่อกำลังคิดไปในขณะที่หยุดลงตรงจุดที่กำหนด
ในขณะที่กำลังจะเตรียมหันหลังไป ทันทีที่เธอกาวถอยหลัง กระโปรงบนตัวของเธอก็คลายออกมา
หลวนจื่อรู้สึกได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ แต่ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วเกินไป
เพียงพริบตาเดียว จู่ๆ กระโปรงยาวก็หลุดลงกับพื้น!
เมื่อทุกคนได้เห็นภาพนี้ก็ตะลึงไป จากนั้นจึงกรีดร้องขึ้นมา สีหน้าตื่นตระหนก
ในตอนนั้นเอง มีร่างหนึ่งรีบวิ่งขึ้นมาจากล่างเวที
เขารีบถอดเสื้อคลุมออกจากนั้นจึงคลุมมันลงบนตัวของหลวนจื่อ
หลวนจื่ออึ้งไปชั่วครู่ เมื่อได้สติกลับมา บนตัวเธอก็มีเสื้อผ้าเพิ่มขึ้นมาตัวหนึ่ง
หมินอันเกอเม้มริมฝีปากบางแน่น สีหน้าของเขาเคร่งเครียด ดวงตาเต็มไปด้วยความเย็นชา เสื้อคลุมบนตัวของเขาถูกถอดออกมาคลุมร่างของหลวนจื่อไว้แน่น
ในตอนนี้เองที่คนที่อยู่ด้านล่างเวลาถึงค่อยใต้สติกลับมา จากนั้นจึงหยิบกล้องในมือขึ้นมาถ่ายรูป
ใบหน้าของหมินอันเกอไร้สีหน้าใดๆ เขาอุ้มหลวนจื่อเอาไว้แน่นก่อนจะเดินไปยังด้านหลัง
หลวนจื่อยังคงนิ่งใบ้ไปอยู่บ้าง เธอแสดงมาตั้งนานหลายปี แต่ไหนแต่ไรไม่เคยมีเหตุการณ์แบบนี้เกินขึ้นมาก่อน
โชคดีที่ชุดนี้จำเป็นต้องใส่เสื้อเชิ้ตบางๆ เอาไว้ข้างใน ไม่อย่างงั้น เธอคงจะเปลือยเปล่าแน่
แต่ถึงอย่างนั้น หน้าท้องที่นูนสูงของหลวนจื่อก็ยังตกอยู่ในสายตาของทุกคน
ทุกคนลุกขึ้นยืน จากนั้นจึงยื้อแย่งกันเพื่อที่จะถ่ายภาพนั้นมาให้ได้
สถานการณ์ที่จู่ๆ ก็เดินขึ้นกะทันหัน ทำเอาเจ้าหน้าที่ทั้งหมดล้วนแตกตื่น
เวินเที๋ยนเที๋ยนลุกขึ้น จากนั้นจึงหันหลังวิ่งไปยังทางหลังเวที
หลวนจื่อที่ถูกหมินอันเกออุ้มลงมาจากหลังเวที จนกระทั่งตอนนี้สีหน้าก็ยังขาวซีด นิ้วมือของเธอสั่นเล็กน้อย
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะความหนาวหรือว่าตกใจกลัวกันแน่
หมินอันเกอที่แต่เดิมมีความไม่พอใจอยู่บ้าง แต่เมื่อเห็นว่าหลวนจื่อกำลังตกใจกลัวจนเป็นอย่างนี้ คำพูดที่อยู่ในปากก็ได้แต่กลืนมันลงไป
เขาถอนหายใจอยู่ในใจ จากนั้นจึงโอบเธอเอาไว้เบาๆ
“ไม่เป็นไร ไม่มีทางเกิดเรื่อง”
หลวนจื่อเพิ่งจะรู้สึกตัวขึ้นมาได้ในที่สุด ดวงตาของเธอขยับ สายตาหยุดจ้องลงแน่นิ่งอยู่บนตัวของหมินอันเกอ นัยน์ตาปรากฏร่องรอยความกลัวขึ้นมาหลายส่วน
เคอเหยียนรุ่ยรีบวิ่งมาด้านหลังเวที เมื่อเห็นสภาพของหลวนจื่อ ในใจก็รู้สึกโทษตัวเองขึ้นมา
“ขอโทษ!”
“ฉันไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น ฉันได้บอกให้พวกพนักงานลงไปแล้ว ภาพในวันนี้จะไม่ถูกเผยแพร่ออกมา ฉันขอโทษจริงๆ”
หลวนจื่อส่ายหัว ตอนนี้เธอสงบลงมาแล้วไม่น้อย
“เรื่องแบบนี้ใครก็ไม่อยากให้เกิดขึ้น”
พูดไป เธอก็เตรียมจะลุกขึ้นยืน แต่เนื่องจากเมื่อครู่เธอเพิ่งจะเดินฝ่าลมหนาวมาในสภาพเปลือยขา ทำให้ขาทั้งสองข้างของเธออ่อนแรงอยู่บ้างจนเกือบจะล้มลงไปกับพื้น
หมินอันเกอรีบเอื้อมมือไปคว้าเธอมากอดไว้อย่างรวดเร็ว คิ้วของเขาขมวดขึ้นมาเล็กน้อย จากนั้นจึงพาเธอไปยังห้องแต่งตัวและเปลี่ยนเสื้อผ้า
เคอเหยียนรุ่ยมองไปที่รอยขาดบนกระโปรง และขมวดคิ้วออกมา
ตอนที่เขาตัดชุดนี้ขึ้นมา เห็นชัดๆ ว่ามันถูกออกแบบมาอย่างดี อีกทั้งยังคำนึงถึงรูปร่างในปัจจุบันของหลวนจื่อเอาไว้แล้วและทำการปรับเปลี่ยนให้เป็นพิเศษ รับประกันคุณภาพว่าไม่มีทางที่มันจะขาดแยกออกมาตรงกลางแบบนี้แน่
บนนั้นมีรอยที่เห็นได้ชัดว่าถูกกรรไกรตัด และเป็นจุดพิสูจน์เรื่องนี้
มีคนจงใจทำอะไรบางอย่าง คิดสร้างความอับอายให้กับหลวนจื่อ
เมื่อนึกถึงตรงนี้ เคอเหยียนรุ่ยก็รู้สึกโกรธอยู่บ้าง
เป็นใครกันแน่ที่ทำแบบนี้?
เขาหันศีรษะไปรอบๆ หลังเวที ในเวลานี้การแสดงออกของทุกคนอยู่ในสายตาของเขา ใบหน้าของเขากำลังแสดงอาการสำรวจ
เมื่อเวินเที๋ยนเที๋ยนและจี้จิ่งเชินมาถึงหลังเวที หลวนจื่อก็เปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว เคอเหยียนรุ่ยที่กำลังถือกระโปรงอยู่ในมือ กำลังเอ่ยอธิบายสิ่งที่ตนค้นพบให้พวกเขาฟัง
เวินเที๋ยนเที๋ยนขมวดคิ้ว นึกไปถึงคำที่เธอได้ยินเมื่อสองวันก่อนตอนมาซ้อมกับหลวนจื่อ คำพูดพวกนั้นเมื่อเธอได้ยินก็รู้สึกไม่สบายใจอยู่บ้าง
เธอเตือนให้หลวนจื่อระวังตัวแล้ว แต่ก็ไม่คาดคิดเลยว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นจนได้
“หลังจากทำเสื้อผ้าเสร็จแล้ว มันสมควรถูกเก็บไว้ในห้องเสื้อผ้าตลอดเวลา เป็นใครกันแน่ที่เข้าไป? คนที่ลงมือแบบนี้สมควรหาตัวได้ไม่ยาก ไม่ใช่หรือ?”
เคอเหยียนรุ่ยพอได้ยินก็รีบลุกขึ้นยืน
“ที่แท้เป็นอย่างนี้นี่เอง! ”
พูดไป เขาก็หมุนตัวเดินออกไปด้านนอกด้วยสายตาเย็นเยียบ
หลวนจื่อเป็นคนที่เขาเชิญมาด้วยตัวเอง เมื่อเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นมา เขาย่อมต้องตรวจสอบให้แน่ชัด
หลังจากการแสดงครั้งสุดท้ายจบลง ผู้ชมก็เริ่มจากไป เหลือเพียงนางแบบและทีมงานทุกคนที่ถูกรั้งเอาไว้ และถูกซักถาม
เมื่อเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น สีหน้าของทีมงานหลายคนก็ไม่ค่อยดีนัก
แต่นางแบบบางกลุ่มกลับยิ้มเป็นความทุกข์ของผู้อื่น เมื่อถูกรั้งตัวเอาไว้สอบสวนกลับมีท่าทีไม่พอใจขึ้นมา
“ไม่ใช่พวกเราทำสักหน่อย อาศัยอะไรมาให้เราอยู่ต่อ?”
“พวกเราไม่ได้มีครอบครัวเชิดหน้าชู้ตาและมีราชาหนังมาคอยเลี้ยงดู ตัวเองยังต้องหาเลี้ยงตัวเองอยู่ ไม่ได้มีเวลามาเล่นไร้สาระกับพวกคุณ”
เคอเหยียนรุ่ยกล่าวอย่างเย็นชา “เสื้อผ้าถูกวางเอาไว้ในห้องแต่งตัวหลังเวที ครั้งสุดท้ายที่ฉันตรวจสอบ มันยังอยู่ในสภาพสมบูรณ์แบบ แต่หลังจากที่หลวนจื่อใส่แล้วเกิดเรื่อง ฉันพบว่าบนนั้นมีคนเอากรรไกรตัดมันเอาไว้”
“ทำลายชุดของดีไซเนอร์ ทำร้ายนางแบบคนอื่น เรื่องแบบนี้ถ้าเกิดแดงขึ้นมา ไม่รู้ว่าแบรนด์อื่นหรือดีไซเนอร์คนอื่นๆ จะยอมใช้พวกคุณอีกหรือเปล่า หากไม่มีใครยอมรับ แบบนั้นก็ถือได้ว่าเป็นการสมรู้ร่วมคิด”
เมื่อหลายคนได้ฟัง สีหน้าก็เปลี่ยนเป็นดูยากขึ้นมา
เคอเหยียนรุ่ยกล่าวต่อ “หลังจากนี้อีกไม่กี่วัน ฉันจะจัดงานแถลงข่าวเพื่อชี้แจงเรื่องนี้”
“คุณทำอย่างนี้ได้ยังไง?”
หลายคนไม่พอใจและพูดขึ้น “ไม่ใช่พวกเราทำสักหน่อย มีอะไรเกี่ยวข้องอะไรกับพวกเรา? ”
“พวกคุณไม่ได้ทำ แต่ในใจของพวกคุณกลับชัดเจนดีว่าเป็นใครที่ทำเรื่องนี้ ในห้องแต่งตัวมีคนอยู่ตลอดเวลา จะต้องมีคนเห็นแน่ ขอแค่พวกคุณยอมพูดมาทั้งหมด เรื่องนี้ก็จะถือว่าลบล้างความผิดไป”
เสียงของเคอเหยียนรุ่ยไร้เยื่อใย และเอ่ยออกมาอย่างเย็นชา