เมียหวานของประธานเย็นชา - บทที่ 743 อาหารใหม่
บทที่ 743 อาหารใหม่
“ฉันตั้งใจจะทำอะไร? ไม่ใช่เพราะหลวนจื่อหรือยังไง! ”
คนๆ นั้นเมื่อเห็นว่าพฤติกรรมของตนถูกค้นพบแล้ว ก็ทำตัวร้ายกาจอย่างไม่ปกปิดอีกต่อไป เธอหันไปมองหลวนจื่อที่กำลังอยู่ในอ้อมกอดของหมินอันเกออย่างโหดเหี้ยม สายตาเต็มไปด้วยความมุ่งร้าย
“ทั้งหมดเป็นเพราะเธอ ถ้าไม่ใช่เพราะเธอ คนที่จะเดินปิดงานก็คือฉัน! ผู้หญิงแบบนี้ ไม่สมควรเดินบนแคทวอล์ค”
พอหลวนจื่อได้ยินเข้า กลับขมวดคิ้ว
เธอจำได้ว่า เธอกับคนตรงหน้าไม่ได้มีความสัมพันธ์ใดๆ ต่อกันสักนิด อีกทั้งยังไม่มีความขัดแย้งใดต่อกันด้วย แต่กลับคิดไม่ถึงเลยว่า ปัญหานี้จะเป็นตัวเธอที่นำมา
หมินอันเกอกลับขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจ หลวนจื่อไม่ได้ทำอะไรเลยสักนิด แม้กระทั่งรางวัลใดๆ ครั้งนี้เธอก็ไม่รับ แม้กระทั่งเพื่อที่จะไม่เป็นจุดสนใจของงาน เธอจึงไม่ยอมรับการสัมภาษณ์ใดๆ ของผู้สื่อข่าว และจะไปทันทีที่งานจบลง
แต่คาดไม่ถึงว่า เธอก็ยังคงถูกคนเข้าใจผิดและวางกับดัก
ใบหน้าของเขาไม่น่าดูอยู่บ้าง เขาเตรียมจะเอ่ยปาก แต่หลวนจื่อห้ามเขาเอาไว้ และค่อยๆ ผลักมือของเขาออกเบาๆ และเดินไปข้างหน้า
เมื่อมองไปที่นางแบบคนนั้น หลวนจื่อเอ่ยขึ้น “ฉันรู้จิตใจของคุณ ฉันก็เหมือนกับคุณ เดินเข้ามาทีละนิดๆ แบบนี้เหมือนกัน”
บางทีคนอาจเห็นว่าเธอยังเด็ก แต่ในแง่ของประสบการณ์บนเวที ทุกคนในที่แห่งนี้ไม่สามารถเทียบกับเธอได้
ตั้งแต่อายุสิบกว่าขวบเป็นต้นมา หลวนจื่อก็โลดแล่นอยู่บนเวทีแคทวอล์ค อีกทั้งในต่างประเทศ การวางอุบายหลังเวทีนั้นเข้มข้นเสียยิ่งกว่านี้ นางแบบในต่างชาตินั้นย่อมต้องโดดเด่น ทุกวินาทีล้วนถูกคนก้าวนำและกดดันอยู่ทุกชั่วขณะ
ในแวดวงแฟชั่นที่หมุนเวียนไปอย่างรวดเร็ว หากไม่ระวังตัว ก็อาจถูกคัดออก
เมื่อต้องเผชิญกับความกดดันดังกล่าว ทางเดียวคือพยายามก้าวต่อไป
นั่นเพราะถ้าคุณไม่พยายามอย่างหนักเพื่อพัฒนาความสามารถ ต่อให้ดึงคนอื่นลงมา ก็ยังมีคนขึ้นไปแทนที่ตัวเองได้อยู่ดี
เช่นเดียวกับครั้งนี้ที่แขกรับเชิญที่แต่เดิมตกลงเอาไว้มีเรื่องบางอย่างทำให้ไม่สามารถมาได้ แต่สุดท้ายก็ถูกหลวนจื่อเข้าแทนที่
แน่นอนว่า ถ้ามีใครสักคนในนี้ที่มีความสามารถมากกว่าหลวนจื่อ อย่างนั้นคนที่ได้เดินปิดท้ายก็คงไม่ใช่หลวนจื่อแล้วเช่นกัน
แต่นางแบบคนนั้นกลับไม่ยอมเชื่อ เธอกัดฟันเอ่ย “จะเป็นไปได้ยังไง? ถ้าไม่มีคุณ…”
“ถ้าไม่มีฉัน…!”
เวินเที๋ยนเที๋ยนส่งเสียงขึ้นเล็กน้อยและถามเคอเหยียนรุ่ยที่อยู่ข้างหลังเธอ “คุณเคอ แขกรับเชิญที่แต่เดิมตกลงจะเดินปิดงานในครั้งนี้เกิดเรื่องขึ้นมาไม่ทัน ถ้าหากฉันไม่ได้มาที่งานเสียก่อน ในสายตาคุณนางแบบเหล่านี้ คุณจะให้ใครรับผิดชอบ?”
เมื่อเคอเหยียนรุ่ยได้ยินคำถามนี้ เขาก็อึ้งไป และมองไปที่นางแบบหลายคน
หลังจากคิดอย่างรอบคอบแล้ว เขาก็เลือกคนที่เหมาะสมที่สุดในใจ และชี้ไปยังนางแบบที่นิ่งเงียบมาตลอดอยู่ด้านหนึ่ง
“เธอ”
ผู้คนหันไปดู บนใบหน้ามีความซับซ้อนเล็กน้อย
นางแบบคนนั้นเป็นหนึ่งในคนที่ทำผลงานได้ดีมากจริงๆ ….
หลวนจื่อกล่าวต่อ “เห็นไหม? ถ้ายังไม่ปรับปรุงตัวเอง เอาแต่ใช้อุบายให้คนอื่นถอนตัว เมื่อคนหนึ่งถอนตัวไป ยังมีคนอีกมากมายนับไม่ถ้วนที่จ้องจะแย่งตำแหน่งที่เธอเดินมาถึง หรือเธอจะยอมลงทุนออกอุบายแบบนี้ไปใช้กับทุกคนที่เธอเจอ?”
นางแบบคนนั้นตะลึงไปและกัดฟันแน่นไม่ยอมเอ่ยพูด
หลวนจื่อถอนหายใจ เธอหันไปหาเคอเหยียนรุ่ยและพูดว่า “ทางฉันไม่จำเป็นต้องสอบสวน”
“หลวนจื่อ” หมินอันเกอขมวดคิ้วเล็กน้อย ห้ามเธอเอาไว้
เรื่องนี้ถือเป็นเรื่องใหญ่ ถ้าหลวนจื่อไม่ใส่เสื้อเชิ้ตบางๆ ไว้ล่วงหน้าด้านใน เธอจะต้องถูกคนไม่น้อยในงานถ่ายรูปนั้นเก็บเอาไว้แน่
ถ้าหากภาพถ่ายถูกปล่อยออกไปบนโลกออนไลน์ นี่ไม่ใช่เรื่องเล็กแล้ว
“ในเมื่อเป็นเรื่องที่เธอทำเอง ก็ต้องรับผลที่ตามมา”
หลวนจื่อส่ายหัว
“ช่างเถอะ ฉันไม่ได้บาดเจ็บอะไร นอกจากนี้ พวกคุณไม่ได้บอกว่ารูปถ่ายจะไม่ถูกปล่อยออกไปไม่ใช่หรือ?”
แม้ว่าเธอจะพูดอย่างนั้น แต่คิ้วของหมินอันเกอยังขมวดแน่น ในใจยังไม่พอใจอยู่บ้าง
หลวนจื่อค่อยๆ ยื่นมือออกไปจับเขาไว้ จากนั้นจึงบีบฝ่ามือของหมินอันเกอ
“พวกเรากลับกันก่อนเถอะ คุณมีเรื่องจะคุยกับฉันไม่ใช่หรือ?”
ตอนนี้เองที่หมินอันเกอค่อยดึงสายตากลับมา เขาบอกลาพวกเวินเที๋ยนเที๋ยนด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์ ก่อนจะออกจากสวนสาธารณะมา
เวินเที๋ยนเที๋ยนและจี้จิ่งเชินจงใจชะลอความเร็วลง และอยู่ในที่เกิดเหตุเพื่อจัดการกับสิ่งต่างๆ กับเคอเหยียนรุ่ย
สำหรับนางแบบคนนั้น แม้ว่าหลวนจื่อจะบอกว่าเธอไม่เอาเรื่อง แต่สำหรับเคอเหยียนรุ่ย เขาไม่สามารถปล่อยมันไปได้
ยิ่งไปกว่า ต่อให้พวกเขาไม่พูดอะไร ทีมงานมากมายที่อยู่ในงานนี้และเห็นเรื่องนี้กับตา เพียงไม่ถึงหนึ่งวัน ทั่วทั้งวงการแฟชั่นและแฟชั่นโชว์ใหญ่ๆ มากมายก็รับรู้เรื่องนี้ไปหมด”
เห็นทีหลังจากนี้ไปอีกนาน คงไม่มีใครกล้าหาเธอไปเดินงานแสดงแฟชั่นโชว์แน่?
เวินเที๋ยนเที๋ยนและจี้จิ่งเชินออกมา ทันทีที่ขึ้นรถและดึงซิปเสื้อแจ็คเก็ตขึ้น บนตัวก็รู้สึกอบอุ่นขึ้นมาทันที แต่ในใจก็ยังคงกังวลเกี่ยวกับหลวนจื่อ
“ไม่รู้ว่าหมินอันเกอจะโกรธไหม?”
“ตอนที่เสื้อผ้าของหลวนจื่อหล่นลงมา ฉันตกใจมากจริงๆ โชคดีที่ไม่เกิดเรื่อง”
“ฉันบอกไปตั้งนานแล้วว่าให้ระวัง แต่กลับไม่คิดเลยว่ายังห้ามเอาไว้ไม่ได้…”
ขณะที่เวินเที๋ยนเที๋ยนกำลังพูด จี้จิ่งเชินกลับไม่ตอบรับ
เครื่องทำความร้อนในรถทำงานอย่างเต็มที่ จนเวินเที๋ยนเที๋ยนต้องดึงคอเสื้อของเธอลงเล็กน้อย
เธอรู้สึกร้อนเล็กน้อย จี้จิ่งเชินเอื้อมมือมา และช่วยเธอปลดกระดุมและถอดเสื้อแจ็คเก็ตออก
เวินเที๋ยนเที๋ยนไม่ได้สนใจ ในใจเธอยังคงคิดถึงเรื่องของหลวนจื่อ เธอเอ่ยถาม “หรือว่าเราไปบ้านของหลวนจื่อดูสักหน่อย?”
เมื่อได้ยินคำพูดของเธอ ในที่สุดจี้จิ่งเชินก็ยอมเอ่ยปาก
“ไม่ต้อง”
เวินเที๋ยนเที๋ยนมองเขาอย่างงงงวย
จี้จิ่งเชินเอ่ยแค่ว่า “พวกเราไปตอนนี้เกรงว่าจะไม่เหมาะ”
พูดจบ มุมปากก็ยกขึ้นเล็กน้อย
“หมินอันเกอจากไปหลายเดือน กว่าจะกลับมาได้ไม่ง่าย คุณจะไปเป็นก้างขวางคอหรือไง?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนได้ยินก็ตะลึงไปเล็กน้อย
เธอเอ่ยโดยไม่รู้ตัว “พวกเขาคงไม่?”
“ไม่อะไร? ”
จี้จิ่งเชินยิ้มและยื่นเข้าไปจูบเวินเที๋ยนเที๋ยน
“ทางที่ดีอย่าเพิ่งไป หากไปรบกวนพวกเขาคงไม่ดี รออีกสักสองวันค่อยหาโอกาสไป”
“หรือคะ?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนยังคงลังเล เมื่อนึกถึงสีหน้าของหมินอันเกอตอนจากไป เธอก็ยังเป็นกังวลอยู่บ้าง
จี้จิ่งเชินพยักหน้าและหาหัวข้อเบี่ยงเบนความสนใจของเธอ “เรื่องในบริษัทฯ วันนี้จบลงแล้วใช่ไหม?”
“อืม”
จี้จิ่งเชินกล่าวต่อ “จะกลับไปที่ปราสาทกับฉันไหม? ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนเบนสายตาและมองไปที่เขาเล็กน้อย
“แม่ครัวออกแบบอาหารจานใหม่อีกแล้วเหรอคะ? ”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ จี้จิ่งเชินยิ้มขึ้นมาน้อยๆ
“เป็นฉันที่ออกแบบอาหารใหม่”
“คุณเรียนทำอาหารแล้วหรือ?” เวินเที๋ยนเที๋ยนแปลกใจเล็กน้อย
จี้จิ่งเชินยิ้ม ก่อนจะโอบเอวของเวินเที๋ยนเที๋ยนและเกือบเธอเข้ามากอดไว้บนตัก
เขาโน้มตัวไปข้างหน้า และกระซิบข้างหูเธอ “เป็นอาหารจานใหม่ที่ใช้เวินเที๋ยนเที๋ยนทำ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนตกตะลึง จากนั้นใบหน้าของเธอจึงเปลี่ยนเป็นสีแดงระเรื่อ เและก็ไม่ได้พูดอะไรอีก
ดวงตาของจี้จิ่งเชินตกลงบนใบหน้าแดงก่ำของเธอ ในใจของเขารู้สึกคันยุบยิบไปหมด
เมื่อเห็นว่าเวินเที๋ยนเที๋ยนไม่ได้โต้ตอบ เขาจึงบอกให้คนขับรถไปที่ปราสาทโดยตรง