เมียหวานของประธานเย็นชา - บทที่ 753 เกิดเรื่องขึ้นกับหลวนจื่อแล้ว
บทที่ 753 เกิดเรื่องขึ้นกับหลวนจื่อแล้ว
เวินเที๋ยนเที๋ยนเคยพูดเอาไว้ว่า ในห้องหนังสือมีเอกสารสำคัญวางอยู่ไม่น้อย อีกทั้งช่วงนี้ บริษัทหล่อนซื่อก็กำลังเตรียมตัวเข้าสู่ตลาดภายในประเทศ โครงการประมูลราคาครั้งแรกนั้นสำคัญต่อการพัฒนาของบริษัทเป็นอย่างมาก
คล้ายกับว่า ก่อนหน้านี้หล่อนเจียนีจะเคยคิดบุกเข้าไปในห้องหนังสือ
เธอหยิบอะไรออกมาจากด้านในกัน
หลวนจื่อระแวดระวังขึ้นมาทันที ก้าวเท้าเข้าไป ตวาดเสียงแหลมว่า
“หล่อนเจียนี เธอกำลังทำอะไรน่ะ”
หล่อนเจียนีได้ยินเสียงของเธอแล้ว ก็ตกใจสะดุ้ง รีบหันหน้ามองไปรอบๆทันที
เธอมองไปรอบๆอย่างลนลาน เมื่อเห็นว่ามีแค่หลวนจื่อเพียงคนเดียว ถึงได้โล่งใจ
“ไม่มีอะไร”
พูดไป พลางซ่อนซองกระดาษสีน้ำตาลเอาไว้ทางด้านหลัง
แต่สายตาของหลวนจื่อกลับจ้องมองเธอเขม็ง
“เธอหยิบอะไรออกมาจากในห้องหนังสือกัน เอามาให้ฉัน”
เธอยืนมือออกไป หล่อนเจียนีกลับขมวดคิ้ว พลางเอ่ยว่า “เกี่ยวอะไรกับเธอด้วย ฉันขอเตือนเธอเอาไว้นะว่าอย่ายุ่งเรื่องชาวบ้าน ยุ่งเรื่องของตัวเองให้เรียบร้อยก่อนแล้วค่อยมาพูดเถอะ”
หล่อนเจียนีเตรียมตัวเดินวางมาดจากไปอย่างไม่สนใจหลวนจื่อ
ในตอนที่เดินผ่านข้างกายหลวนจื่อไป หลวนจื่อกลับยื่นมือออกมาจับเธอเอาไว้กะทันหัน
“วางของเอาไว้ นั่นคือเอกสารที่เธอขโมยออกมาจากในกระเป๋าของเวินเที๋ยนเที๋ยนใช่ไหม เธอคิดจะทำอะไรอีก รีบเอามาให้ฉันนะ!”
เธอพูดแล้วก็ยกมือออกไปแย่งมา
หล่อนเจียนีหลบเลี่ยงไม่หยุด เอ่ยอย่างรำคาญว่า “เธอจะพอได้หรือยัง เรื่องของตัวพวกเธอเองยังจัดการได้ไม่เรียบร้อย ยังจะมายุ่งเรื่องของคนอื่นอีก มิน่าหมินอันเกอถึงได้ไม่ต้องการเธอ!”
หลวนจื่อได้ยินคำพูดนั้น ก็เจ็บปวดใจขึ้นมา กัดฟันแน่นในทันที
“เอาของมาให้ฉัน”
เธอพูด พลางยืนมือออกไปแย่ง คว้ามุมหนึ่งของซองกระดาษสีน้ำตาลเอาไว้ เตรียมจะดึงมา
หล่อนเจียนีเห็นแล้ว ก็มีประกายหมดความอดทนพาดผ่าน
“เธอไสหัวไปให้พ้นนะ!”
เธอยกมือผลัก ร่างของหลวนจื่อโอนเอนเล็กน้อย ก็หงายหลังล้มลงไปอย่างหลุดการควบคุม
เพล้ง!
เสียงดังก้อง เธอหมุนกลิ้งตกลงไปจากบันไดอยู่หลายตลบและหยุดลงบนพื้น
หล่อนเจียนีตกใจเสียจนยืนอยู่ที่เดิม ตาเบิกโตขึ้นอย่างหวาดกลัว ไม่กล้าขยับเขยื้อนแม้แต่น้อย
เมื่อเห็นว่าหลวนจื่อที่อยู่ชั้นล่างไม่มีการเคลื่อนไหวอยู่นาน ถึงได้ค่อยๆชะโงกร่างออกมา
เมื่อเห็นว่าบนร่างของเธอเต็มไปด้วยคราบเลือดสีแดง ก็ตกใจเสียจนหน้าขาวซีด รีบเดินลงไปด้านล่าง และวิ่งจากไปอย่างไม่กล้าอยู่ที่เดิม
หลวนจื่อเจ็บปวดเสียจนคิ้วขมวด รู้สึกเพียงแค่เจ็บปวดบริเวณท้อง เลือดอุ่นร้อนไหลลงมาตามหน้าขา
เธอมองเห็นคราบเลือดสีแดงบนพื้นได้อย่างเลือนราง ในใจก็ยิ่งหวาดกลัวขึ้นมา มือหนึ่งกุมท้องเอาไว้แน่น ทั้งกังวลและหวาดกลัว พลางอ้าปาก แต่ยังไม่ทันจะเอ่ยปากร้องให้ช่วย หยดน้ำตาในนัยน์ตาก็ร่วงหล่นลงมาเสียก่อน
“ช่วยฉันด้วย………ช่วยฉันด้วย………”
เธอตะโกนอย่างอ่อนแรง พยายามใช้เรี่ยวแรงที่มีทั้งหมด แต่เสียงที่เอ่ยออกมากลับเบาเสียงยิ่งกว่าเบา
หลวนจื่อโอบกอดท้องตัวเองเอาไว้แน่น ในใจก็เต็มไปด้วยความหวาดกลัวสุดขีด หยาดน้ำตาไหลอาบแก้มไม่หยุด
เมื่อเห็นว่ารอบด้านไม่มีคน เธอก็กัดฟัน พยุงตัวเองขยับไปทางห้องรับแขกที่ละเล็กที่ละน้อย
คราบเลือดที่ไหลออกมา ทิ้งร่องรอยเป็นคราบยาวเอาไว้เบื้องหลังเธอ
หลังจากที่ฉวีผิงสั่งงานคนสวนสองสามคนแล้ว ก็ไม่เห็นหล่อนเจียนีกลับมาทำงานที่ตำแหน่งหน้าที่ของตัวเอง
เธอนึกว่าหล่อนเจียนีเล่นแง่อีก จึงเตรียมตัวจะไปเรียกเธอ
แต่เมื่อเดินเข้าไปในห้องรับแขก กลับถูกภาพเบื้องหน้าทำให้ตกตะลึง
หลวนจื่อนอนอยู่บนพื้น ช่วงล่างเต็มไปด้วยคราบเลือด สามารถมองเห็นคราบเลือดเป็นทางยาวที่เธอลากมาจากทางด้านหลังเธอได้ สีหน้าซีดขาว
ถึงแม้ว่าจะเป็นผู้ดูแลบ้านที่เคยมีประสบการณ์ในชีวิตมามากมายมาเห็นภาพนี้ก็ยังตะลึงค้างไปครู่หนึ่ง ค่อยลนลานวิ่งเข้ามา
“คุณหลวน คุณหลวน คุณเป็นอะไรรึเปล่า”
“คุณอย่าเพิ่งขยับเธอ ผมจะรีบไปเรียกรถพยาบาลเดี๋ยวนี้”
เขารีบหยิบโทรศัพท์มือถือออกมา ต่อสายโทรศัพท์
หลวนจื่อมองเขา ก็คว้าข้อมือฉวีผิงเอาไว้คล้ายกับว่า คว้าเส้นฟางชีวิตเส้นสุดท้ายเอาไว้ได้ อย่างอ่อนระโหยโรยแรง
“ลูกของฉัน ช่วยลูกของฉัน……..”
บนใบหน้าของเธอมีน้ำตารินไหลไม่หยุด และสลบไป
“คุณหลวน! คุณหลวน!”
ฉวีผิงลนลานต่อสายโทรศัพท์ เขย่าไหล่อย่างร้อนรน
แต่หลวนจื่อกลับไม่มีปฏิกิริยาตอบสนอง เขาตกใจเสียจนหัวใจชาวาบ รีบรายงานที่อยู่อย่างรวดเร็ว ทำได้เพียงแค่ช่วยเหลือก่อนที่รถพยาบาลจะมา
ตอนที่เวินเที๋ยนเที๋ยนรู้ข่าวนี้ การประชุมของบริษัทก็ดำเนินไปได้ครึ่งหนึ่งแล้ว
ก่อนที่การประชุมจะเริ่ม เธอก็เห็นการแถลงการณ์ของหมินอันเกอ จึงโล่งใจไปเปลาะหนึ่ง
ในที่สุดก็รอจนถึงตอนที่หมินอันเกอออกมาชี้แจงแล้ว ไม่รู้ว่าหลวนจื่อจะรู้หรือไม่
ถ้าหากว่าเธอเห็น จะต้องดีใจมากอย่างแน่นอน
เธอโอบกอดความยินดีเอาไว้เต็มอก เตรียมตัวบอกกับหลวนจื่อหลังจากกลับบ้าน
แต่ในตอนที่ผู้จัดการหยางกำลังพูดรายงานอยู่นั้น โทรศัพท์มือถือของเวินเที๋ยนเที๋ยนก็สั่นขึ้นมากะทันหัน
เมื่อหยิบออกมาดู ก็เป็นผู้ดูแลบ้านที่โทรมา
เวินเที๋ยนเที๋ยนอดขมวดคิ้วไม่ได้
ผู้ดูแลบ้านรู้ว่าเธออยู่ที่บริษัท น้อยครั้งมากที่จะโทรศัพท์มาตอนนี้
หรือว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นแล้ว เธอคิดตามสัญชาตญาณ
เวินเที๋ยนเที๋ยนมองชื่อที่ปรากฏอยู่บนหน้าจอ ก็ส่งสัญญาณมือให้กับผู้จัดการหยาง ค่อยๆเบี่ยงตัวไปรับสายโทรศัพท์
เมื่อได้ยินคำพูดของผู้ดูแลบ้าน ก็มีเสียงเพล้งดังขึ้น และลุกขึ้นทันที
เสียงดังกังวานตัดบทการรายงานของผู้จัดการหยาง ทุกคนล้วนหันหน้ามามอง
เห็นสีหน้าของเวินเที๋ยนเที๋ยนซีดขาว ท่าทางลนลาน ก็รู้สึกไม่เข้าใจอยู่บ้าง
เวินเที๋ยนเที๋ยนรีบเดินไปด้านนอกทันที จนถึงขั้นที่ไม่ทันจะได้สั่งงานกับผู้จัดการหยางสักคำ
เดินไป พลางสอบถามไปว่า
“ไปถึงโรงพยาบาลแล้วใช่ไหม ฉันจะไปเดี๋ยวนี้”
เวินเที๋ยนเที๋ยนอกจากบริษัทหล่อนซื่อบริษัทไปอย่างรวดเร็ว ทิ้งผู้จัดการและผู้บริหารระดับสูงที่ได้แต่มองหน้ากันไปมาอย่างไม่เข้าใจว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ไว้ในห้องประชุม
เวินเที๋ยนเที๋ยนมือชื้นเหงื่อ ทั้งร่างเย็นยะเยือก หลังจากที่ขึ้นรถแล้วก็ไม่ได้หยุดเลย
จนกระทั่งถึงโรงพยาบาล เธอก็ไม่รู้ว่าจะบอกเรื่องนี้กับหมินอันเกออย่างไรดี และก็ไม่สามารถทำให้ตัวเองสงบจิตสงบใจได้
เธอจะสงบได้อย่างไรกัน
เกิดเรื่องกับหลวนจื่อหนักขนาดนี้!
รู้แต่แรกแล้วว่า เธอควรจะอยู่ที่บ้านเป็นเพื่อนเธอตลอด
เวินเที๋ยนเที๋ยนทั้งตำหนิตัวเองทั้งหวาดกลัว เข้าไปในห้องฉุกเฉินของโรงพยาบาลอย่างร้อนรน
เมื่อมาถึงหน้าประตู ก็เห็นผู้ดูแลบ้านและแม่ครัวหลายคนกำลังยืนเฝ้าอยู่นอกประตูด้วยจิตใจที่รุ่มร้อนกระสับกระส่าย
ไฟห้องฉุกเฉินยังคงสว่างอยู่ ใจของเวินเที๋ยนเที๋ยนก็ถูกห้อยต่องแต่งอีกครั้ง
“เป็นอย่างไรบ้าง” เธอสอบถาม รู้สึกได้ว่ามือของตัวเองกำลังสั่นเล็กน้อย
ผู้ดูแลบ้านคิ้วขมวด ตอบด้วยความเป็นกังวลว่า “เมื่อครู่คุณหมอบอกว่าส่งมาได้ทันเวลาพอดี แต่สามารถรักษาเอาไว้ได้หรือไม่ ก็ต้องดูสถานการณ์ก่อน……….”
ใจของเวินเที๋ยนเที๋ยนถูกแขวนเอาไว้ มองไปยังทิศทางของห้องฉุกเฉิน
คุณหมอไม่ให้พวกเขาเข้าไป ตอนนี้จึงไม่รู้สถานการณ์ด้านในแม้แต่น้อย
เธอจับโทรศัพท์มือถือในมือ สูดลมหายใจลึก และต่อสายโทรศัพท์ไปหาหมินอันเกอ
ผ่านไปอยู่นานมาก ในที่สุดก็ถูกรับสาย
คล้ายกับว่าหมินอันเกอกำลังอยู่ด้านหลังเวทีของรายการ ด้านหลังยังมีเสียงของพิธีกรและผู้ชมที่อยู่ในนั้นด้วย เสียงดังหนวกหูเป็นอย่างมาก
“เที๋ยนเที๋ยน เกิดอะไรขึ้นหรือ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนได้ยินเสียงของเขาแล้ว มือก็กำหมัดแน่นจนเล็บจิกเข้าไปในฝ่ามือ
“พี่มาที่โรงพยาบาลสักรอบเถอะ………”
หมินอันเกอเงียบไปพักหนึ่ง เสียงก็แฝงไปด้วยความเคร่งเครียด
“ทำไมหรือ เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือ เธอได้รับบาดเจ็บหรือ”
“ไม่ ไม่ใช่ฉัน” เวินเที๋ยนเที๋ยนสะอึกสะอื้น
“เป็นหลวนจื่อ”
ตึง!
จู่ๆอีกฟากหนึ่งของโทรศัพท์ก็ไม่มีเสียงแล้ว