เมียหวานของประธานเย็นชา - บทที่ 769 พวกเขาไม่มีทางโกหกตนหรอก
บทที่ 769 พวกเขาไม่มีทางโกหกตนหรอก
เมื่อได้ยินเสียงรถ หลวนจื่อรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย
เธองุงงงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็รีบเก็บรูปภาพและจดหมายที่วางอยู่บนโต๊ะ ภายในใจกลับรู้สึกหวาดกลัว
เมื่อทำทุกสิ่งทุกอย่างเสร็จ ประตูก็ถูกผลักออก หมินอันเกอก็เดินเข้ามา
เมื่อเห็นหลวนจื่อนั่งอยู่บนโซฟา ก็ไม่ได้สังเกตเห็นถึงความผิดปกติของเธอ แต่กลับยิ้มอ่อนๆ
“ทำไมเหรอ?วันนี้ไม่ได้ออกไปไหนเหรอ?”
หลวนจื่อหนาวสั่น ไม่ได้ยินว่าเขาพูดอะไร ในหัวคิดถึงแต่ประโยคที่หล่อนเจียนีพูดก่อนวางส่าย
ไม่ทันรอให้เขาตอบกลับ หมินอันเกอก็เดินเข้ามา ถามขึ้นด้วยความสงสัยว่า:“เป็นอะไรไป?กำลังคิดอะไรอยู่?”
ในเวลานี้หลวนจื่อจึงได้สติกลับมา พลันรีบส่ายหัว
“ไม่มีอะไรค่ะ……”
เมื่อคิดถึงเรื่องรูปภาพที่ตนซ่อนไว้ในลิ้นชัก สติปัญญาก็บอกกับเธอว่า ควรที่จะบอกเรื่องรูปภาพและจดหมายเหล่านั้นกับ หมินอันเกอ
ตอนนี้ทุกคนกำลังตามหาหล่อนเจียนี ตอนนี้ในเมื่อหล่อนเจียนีติดต่อตนมา ก็ถือว่าเป็นโอกาสดี
บางทีอาจจะตามหาที่หลบซ่อนของหล่อนเจียนีได้จากจดหมายที่หล่อนส่งมา
แต่ว่า……
เมื่อคิดถึงคำพูดเหล่านั้นที่หล่อนเจียนีพูด หลวนจื่อก็รู้สึกลังเล
เธอประกบมือเข้าหากัน ลังเลอยู่นาน ในที่สุดก็ถามขึ้นเสียงเบาว่า:“เมื่อกี้ คุณไปไหมมาเหรอ?”
หมินอันเกอพูดขึ้นด้วยสีหน้าเป็นปกติว่า:“ผมบอกคุณแล้วไงว่าผมไปอัดรายการ คุณก็รู้ไม่ใช่เหรอ?”
หลวนจื่อก้มหน้า พลางพูดเสียงเบาว่า:“ถ้าคุณไปอัดรายการ ช่วงบ่ายก็น่าจะกลับมาได้แล้ว ไม่ใช่เหรอ? ทำไมถึงเพิ่งกลับมาตอนนี้ล่ะ……ฉันก็คิดว่าเกิดเรื่องขึ้นกับคุณ ……”
หมินอันเกอยิ้ม อยากจะบอกเธอว่าเขาไปหาเวินเที๋ยนเที๋ยนที่คฤหาสน์ตระกูลหล่อนมาพักหนึ่ง แต่เมื่อคิดถึงเรื่องที่หมอบอกกับพวกเขาว่า
ตอนนี้อาการของหลวนจื่อยังไม่หายดี พวกเขาจะต้องให้ความร่วมมืออย่าให้เธอได้รับการกระทบกระเทือนทางจิตใจมากเกินไป
ตอนนี้ก็ยังหาตัวหล่อนเจียนีไม่พบ แม้ว่าหลวนจื่อจะไม่พูดอะไร แต่หมินอันเกอก็รู้ดี
หลวนจื่อถูกคนผลักตกบันได ขณะที่เขาเห็นภาพจากวิดีโอ แม้แต่ตัวเขาเองก็รู้สึกหวาดกลัว
หากเป็นเพราะตนที่ทำให้ หลวนจื่อนึกถึงภาพในตอนนั้น และหากเธอยังทราบอีกว่ายังหาตัวของหล่อนเจียนีไม่พบ เธอจะกังวลและกลัวแค่ไหน?
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ หมินอันเกอก็เป็นกังวล เปลี่ยนใจพูดขึ้นว่า:“เจอผู้จัดการระหว่างทาง ก็เลยคุยเรื่องงานกันนิดหน่อย ทำไมเหรอ?คุณอยู่บ้านคนเดียว ไม่มีคนคุยเป็นเพื่อนใช่ไหม?”
คิดไม่ถึงเลยว่าหลังจากได้ยินประโยคนี้ สีหน้าของเธอก็ซีดเล็กน้อย เธอหันมามองเขาแล้วถามขึ้นด้วยความมั่นใจอีกครั้ง
“คุณกลับมาจากานที่อัดรายการจริงๆเหรอ?”
น้ำเสียงหยั่งเชิง แต่หมินอันเกอกลับไม่ได้สังเกตเห็น
เขาพยักหน้า
“ใช่ ต้องขอโทษด้วยนะ ที่เสียเวลานานไปหน่อย”
จู่ ๆ ท่าทางของหลวนจื่อก็เหมือนถูกสะกดจิต เธอส่ายหัว
“ไม่เป็นไร ฉันก็แค่เป็นห่วงเท่านั้น ……”
เมื่อพูดจบก็ไม่ได้กลับไปมองหมินอันเกอ แต่กลับหันหลังเตรียมจะจากไป
อันเกอรู้สึกว่าท่าทีของเธอดูแปลกๆ ขมวดคิ้วพลางถามขึ้นว่า:“ทำไมเหรอ?วันนี้เกิดอะไรขึ้นเหรอ?”
เมื่อหลวนจื่อได้ยินคำพูดนี้ ก็รีบส่ายหัว นึกถึงจดหมายที่ตนซ่อนไว้ในลิ้นชัก รีบพูดขึ้นว่า:“ไม่มีอะไรหรอก คุณวางใจเถอะ”
เธอไม่อยากให้หมินอันเกอรู้ว่าเธอได้รับรูปภาพเหล่านั้น แต่ในใจก็รู้สึกสงสัยว่า
ทำไมหมินอันเกอจะต้องโกหกเธอ?
หากเขากับเวินเที๋ยนเที๋ยนไม่ได้มีความสัมพันธ์อะไรกันจริงๆ ทำไมถึงไม่บอกเธอ?
เมื่อเกิดปมสงสัยขึ้นแล้ว ก็ยากที่จะลบมันออกไปได้
หลวนจื่อครุ่นคิดอยู่นาน เพราะว่าความสงสัยที่อยู่ในใจ แม้เห็นว่าหมินอันเกออยากจะเข้าใกล้ ตนก็ปฏิเสธ รีบหลบสายตาของเขา หันหลังแล้วเดินออกไปข้างนอก
หมินอันเกอรู้สึกถึงความผิดปกติ แต่เมื่อคิดถึงคำพูดของหมอที่ได้กำชับไว้ เขาก็ทำเพียงอดทน อาจจะเป็นเพราะว่าตนไม่ได้อยู่ที่บ้านเป็นเพื่อนเธอ ก็เลยทำให้หลวนจื่อไม่พอใจ
เขาคิดพลางตัดสินใจ สายตาไปหยุดที่หน้าท้องของหลวนจื่อ
เขาไม่ต้องการให้หลวนจื่อต้องแบกรับกับคำครหาที่ว่ามีลูกตั้งแต่ยังไม่แต่งงาน และหวังว่าหลังจากที่ลูกของตนถือกำเนิดขึ้นมามีสถานะอย่างเป็นทางการ
ก่อนหน้าหมินอันเกอรู้สึกลังเลใจ แต่หลังจากที่เขารับรู้ถึงความรู้สึกที่ตนมีต่อหลวนจื่ออย่างชัดเจนแล้ว เขาก็ได้ตัดสินใจอย่างเด็ดขาดแล้ว
รออีกสักพักเถอะ
รอให้ของสิ่งสุดท้ายเตรียมเรียบร้อยแล้ว ค่อยเดินหน้า
เมื่อคิดถึงวันนั้น สีหน้าของหลวนจื่อจะต้องเผยรอยยิ้มแห่งความสุขและความประหลาดใจออกมา หมินอันเกออดไม่ได้จึงยิ้มออกมา
บางตน ตนอาจจะรักเธอมากกว่าที่ตนคิด
ขณะที่หมินอันเกอคิด ก็หันกลับไปยังห้องหนังสือ
เมื่อหลวนจื่อเห็นว่าเขาจากไปแล้ว ก็รู้สึกแปลกใจ เดินตามมาแล้วเคาะประตู
ประตูถูกเปิดออก หลวนจื่อกำลังเดินเข้าไป ก็ถูกขวางไว้
เขาขวางอยู่ที่หน้าประตูอย่างระแวดระวัง ไม่ยอมให้หลวนจื่อเข้าไป
ท่าทางยิ่งทำให้หลวนจื่อเกิดความสงสัย
“คุณทำอะไรอยู่ในนั้น?”
หมินอันเกอขวางอยู่ที่หน้าประตู ไม่ยอมให้หลวนจื่อเห็นการตกแต่งห้องในเวลานี้ ไม่ต้องการให้ก่อนที่เรื่องนั้นจะประสบความสำเร็จ หลวนจื่อทราบความคิดของตน หากเป็นเช่นนั้นก็คงจะไม่เซอร์ไพรส์ ทำได้เพียงขวางไว้
“ไม่มีอะไร ก็แค่เรื่องงาน เมื่อหลวนจื่อได้ยินดังนั้นก็ยิ่งสงสัยเข้าไปใหญ่”
สำหรับเรื่องงานของหมินอันเกอ แต่ไหนแต่ไรไม่ได้มีข้อห้ามอะไรมากมาย
สมัยก่อนแม้จะเป็นแค่เพื่อนก็ไม่เคยปิดบังขนาดนี้ แล้วทำไมตอนนี้ถึงได้ใส่ใจขนาดนั้น?
ขณะที่คิด ใบหน้าก็ไม่สามารถยิ้มออกมาได้ ฝืนยกมุมปากขึ้นมา แล้วใช้น้ำเสียงเชิงล้อเล่นถามขึ้น:“งานอะไรทำไมถึงได้เหนื่อยขนาดนั้น?แม้แต่ฉันคุณก็ไม่ยอมบอกเหรอ”
หมินอันเกอยิ้ม ไม่ได้อธิบายอะไร แต่กลับค่อยๆจูงมือเธอออกมาจากห้องหนังสือ และปิดประตูลง
“มีเรื่องอะไรหรือเปล่า?หรือว่าท้องหิวแล้ว?”
หลวนจื่อมองดูท่าทีของเขา ยิ่งดูในใจก็ยิ่งรู้สึกสงสัย
เธอถามขึ้นว่า:“หิวนิดหน่อย”
หมินอันเกอรีบตอบว่า:“เดี๋ยวตอนนี้ผมจะทำอาหารให้คุณกิน คุณอยากกินอะไรเหรอครับ?”
“อะไรก็ได้”หลวนจื่อใจลอย แล้วเดินมานั่งในห้องครัว
ขณะที่มองดูหมินอันเกอกำลังยุ่งอยู่ห้องครัว สายตาก็เผยแววสงสัย
ในหัวก็อดไม่ได้ที่จะคิดถึงประโยคเหล่านั้นที่หล่อนเจียนีพูด
ทุกครั้งที่กลับมาคิดถึงเรื่องนี้ ก็เกิดความสงสัยหมินอันเกอที่อยู่เบื้องหน้าของตน
หลวนจื่อส่ายหัว
เวินเที๋ยนเที๋ยนเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของเธอ หมินอันเกอเป็นพ่อของลูก พวกเขาทั้งสองจะโกหกตนได้ยังไง?
เธอคิดอยู่ในใจอย่างไม่ลดละ นี่จะต้องเป็นแผนชั่วของหล่อนเจียนีเป็นแน่ อย่าเชื่อหล่อน!
หลวนจื่อสูดหายใจเข้าลึก สลัดความคิดแย่ๆ ออกจากหัวจนหมด และตั้งใจดูหมินอันเกอทำอาหาร
วันรุ่งขึ้น หล่อนเจียนีไม่ได้ส่งข่าวคราวอะไรมาเลย
หลวนจื่อครุ่นคิด และรวบรวมรูปภาพและจดหมายทั้งหมด หาโอกาสที่จะบอกเรื่องนี้กับหมินอันเกอ
แต่ว่าเธอยังไม่ทันได้เอ่ยปาก ในขณะที่หมินอันเกอกำลังออกไปทำงาน หล่อนเจียนีก็โทรหาเธออีกครั้ง