เมียหวานของประธานเย็นชา - บทที่ 849 เอาเด็กออก
บทที่ 849 เอาเด็กออก
เวินที๋ยนเที๋ยนขบขันท่าทางหวาดกลัวจนเกินพอดีของจี้จิ่งเชิน
“แต่ที่บริษัทยังมีอีกหลายเรื่อง และคุณจะช่วยดูแลฉันอย่างไร? คุณไม่ใช่คนตระกูลเสียหน่อย”
“ผมไม่ใช่คนตระกูลหล่อน?”
ได้ยินดังนั้นจี้จิ่งเชินก็เลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่ง “คุณเป็นผู้นำตระกูลหล่อน ผมเป็นสามีของคุณ คุณว่าผมใช่หรือไม่ใช่คนตระกูลหล่อน?”
สายตาของเขารุกรานมากเกินไป หน้าเวินเที๋ยนเที๋ยนแดงเรื่อขึ้นทันที
เอาเถอะ ถ้าคิดแบบนี้ไม่ว่าอย่างไรจี้จิ่งเชินก็เป็นคนตระกูลหล่อนแล้วครึ่งหนึ่ง
ถ้าเขาเต็มใจจะช่วยดูแลงานของบริษัท เชื่อว่าถ้ามีเขากับผู้จัดการหยางอยู่ การดำเนินกิจการของบริษัทย่อมไม่มีปัญหา
“ฉันแค่กลัวว่าคุณจะเหนื่อย”
เวินเที๋ยนเที๋ยนเงยหน้าขึ้นสบตาเขาแล้วเอ่ย “คุณดูคุณสิ หลายวันมานี้ไม่ได้พักผ่อนดี ใต้ตาคล้ำหมดแล้ว”
“ถ้าหากคนอื่นเห็นเข้า คงคิดว่าคนป่วยคือคุณไม่ใช่ฉัน”
เธออ่อนแอลงจริงๆ แต่บนหน้ายังคงพอมีเลือดฝาด แต่จี้จิ่งเชินไม่เหมือนกัน เขาข้างในแข็งแกร่ง แต่ใบหน้ากลับซีดเซียว
หลายวันมานี้เธอเข้าโรงพยาบาล จี้จิ่งเชินก็คอยดูแลอยู่ข้างๆ ตลอด
เดิมก็เหนื่อยพอแล้ว ในเวลาเดียวกันจี้จิ่งเชินยังต้องจัดการงานของบริษัท
หลายครั้งที่เธอตื่นขึ้นมา เห็นจี้จิ่งเชินโทรศัพท์อยู่ข้างนอกประตู ล้วนเป็นเรื่องงาน
เธออยากแนะนำให้เขาไม่ต้องอยู่ดูแลเธอแล้วไปจัดการเรื่องของตัวเอง
แต่เธอก็รู้ว่า จี้จิ่งเชินไม่มีทางทิ้งเธอไว้ไม่สนใจ
ไม่ง่ายกว่าจะได้ออกจากโรงพยาบาล คิดไม่ถึงว่าจะยังเป็นตัวถ่วงของจี้จิ่งเชิน
เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ เวินเที๋ยนเที๋ยน
“ขอโทษนะ ฉันทำให้คุณยุ่งยากอีกแล้ว”
เธอก้มหน้าลง และถอนหายใจ
กลับถูกจี้จิ่งเชินรวบเข้าไปกอดอย่างอ่อนโยน
“อย่าพูดแบบนี้ คุณไม่เคยเป็นปัญหา ต่อให้ใช่ ผมก็ยินดีที่จะแบกคุณเดินไปทุกที่ถึงจะวางใจ”
น้ำเสียงของเขาเจือความเอาแต่ใจอย่างไม่ต้องสงสัย
เวินเที๋ยนเที๋ยนฟังเสียงจังหวะหัวใจของเขาที่เต้นสม่ำเสมอ หัวใจของเธอก็สงบลง
“ฉันรู้แล้ว ฉันจะไม่พูดแบบนี้อีกแล้ว”
พวกเขาเป็นสามีภรรยา เป็นคนคนเดียวกัน ไม่มีใครเป็นปัญหาของใคร และไม่มีใครเป็นตัวถ่วงของใคร
เจริญและอัปยศอดสู ก้าวหน้าและถอยหลังไปด้วยกัน
เรื่องพวกนี้สาบานไว้ในงานแต่งงานตั้งนานแล้ว
จี้จิ่งเชินประทับจูบลงบนหน้าผากของเวินเที๋ยนเที๋ยนอย่างอ่อนโยน “ไม่ต้องกังวล ทั้งหมดส่งมาให้ผม”
“อืม”
จี้จิ่งเชินปล่อยเวินเที๋ยนเที๋ยน ก่อนออกไปสายตาได้หยุดอยู่ที่หน้าท้องของเธอครู่หนึ่ง ก่อนจะเคลื่อนตัวออกไปอย่างเป็นธรรมชาติ
เวินเที๋ยนเที๋ยนไม่ได้สังเกตเห็นการเคลื่อนไหวเพียงเล็กน้อยนี้ของเขา
อยู่ที่บ้าน เธอคิดว่าตัวเองจะเบื่อมาก
แต่คิดไม่ถึงว่า ไม่นานเธอก็รู้สึกง่วงขึ้นมา
ตื่นขึ้นมาอีกครั้ง ก็ถึงเวลาอาหารแล้ว
“คุณนาย ถึงเวลาทานข้าวแล้ว”
พ่อบ้านเคาะประตูเบาๆ
เวินเที๋ยนเที๋ยนกำลังตื่นขึ้นมาพอดี จึงรีบขานรับ “ได้ ฉันจะไปเดี๋ยวนี้”
เธอล้างหน้าลวกๆ ตอนลงไปชั้นล่างยังรู้สึกมึนงงเล็กน้อย
สามวันในโรงพยาบาลก็ไม่ได้นอนน้อย ทำไมเมื่อกลับมาถึงบ้านแล้วยังคงง่วงซึม
วันนี้ยิ่งนอนนานทั้งภาคเช้า
ไม่ทันได้คิดอะไรมาก เธอก็ได้กลิ่นหอมของกับข้าว
“หอมจัง อาหารวันนี้อุดมสมบูรณ์มาก”
สายตาเธอมองไปที่อาหารที่ละลานตาบนโต๊ะ
แม่ครัวกำลังยุ่งอยู่กับการจัดอาหารให้เวินเที๋ยนเที๋ยน พ่อบ้านก็ลากเก้าอี้ออกมาให้เธอ “คุณนายเชิญนั่ง”
มองท่าทางระมัดระวังของทั้งสองคน เวินเที๋ยนเที๋ยนก็ไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ “พวกคุณเป็นอะไรไป?”
คิดมากเกินไปเหมือนจี้จิ่งเชิน
พ่อบ้านกับแม่ครัวยิ้มเจื่อนๆ
“หลังจากคุณนายกลับมาแล้ว ก็ไม่สบายตลอดเลย” แม่บ้านก้มหน้าลงอย่างละอายใจ “เพราะพวกเราดูแลไม่ดี”
“จะโทษพวกคุณได้อย่างไร?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนรีบห้ามไม่ให้พ่อบ้านแล้วพูดต่อ “ร่างกายฉันไม่แข็งแรง เป็นเพราะผลสืบเนื่องจากการโดนลักพาตัว ไม่เกี่ยวกับพวกคุณเลย!”
เหตุผลนี้พวกเขาเข้าใจ
แต่เมื่อเห็นท่าทางซีดเซียวของเวินเที๋ยนเที๋ยน พ่อบ้านและแม่ครัวต่างพากันโทษตัวเอง
“คุณนาย นี่คืออาหารตุ๋นยาจีนที่ฉันทำขึ้นเพื่อบำรุงร่างกาย คุณลองชิมดูว่าชอบไหม”
แม่ครัวเปลี่ยนหัวข้อสนทนาอย่างง่ายๆ
เวินเที๋ยนเที๋ยนนั่งลงอย่างคล้อยตาม มองสายตาคาดหวังของพวกเขาแล้วใช้ตะเกียบคีบรากบัวขึ้นมาหนึ่งชิ้นส่งเข้าปาก
รสชาติไม่เลว
“อร่อยมาก!”
แม้ว่าเธอจะไม่อยากอาหารเท่าไหร่ แต่นี่เป็นความตั้งใจของแม่ครัว ไม่สามารถทำให้เธอเสียใจได้
เวินเที๋ยนเที๋ยนไว้หน้าจึงทานเยอะ
หลังจากทานข้าวเสร็จแล้ว อยู่ๆ ก็รู้สึกคลื่นไส้ อ้วกออกในท้องน้ำจนหมด
พ่อบ้านและแม่ครัวได้ยินเสียง ก็รีบวิ่งเขามาดูอาการของเวินเที๋ยนเที๋ยน
“ไม่เป็นไร นี่เป็นอาการแพ้ท้องปกติ” เวินเที๋ยนเที๋ยนยิ้มปลอบใจพวกเขา
แม่ครัวตาแดง
ใครแพ้ท้อง แล้วอ้วกเอาอาหารออกมาทั้งหมดกัน? แล้วนี่พึ่งสามเดือน แพ้ท้องไม่ควรจะหนักขนาดนี้
เธอไม่กล้าพูดความกังวลในใจออกไป จึงได้แต่ฝืนยิ้มแล้วพยักหน้า
ผ่านมาสองวันแล้ว ร่างกายของเวินเที๋ยนเที๋ยนก็ยังไม่เห็นว่าจะดีขึ้น
และเธอตอนนี้พบว่าตัวเองเซื่องซึมมากขึ้นเรื่อยๆ ทุกๆ วันใช้เวลาในการนอนหลับสนิทไปมากกว่าครึ่งวัน
วันนี้เธอตื่นจากการหลับลึก ก็เป็นเวลาพลบค่ำแล้ว
บางทีอาจจะยังไม่ถึงเวลาทานอาหาร พ่อบ้านจึงยังไม่ได้มาเรียกเธอ
เวินเที๋ยนเที๋ยนเปลี่ยนเสื้อผ้าเอง รู้สึกมีชีวิตชีวาพร้อมที่จะออกไปข้างนอก
เมื่อลงมาชั้นล่าง เห็นจี้จิ่งเชินกับพ่อบ้านยืนอยู่ไม่ไกลและเหมือนกับว่ายังไม่เห็นเธอ
เวินเที๋ยนเที๋ยนยิ้ม แววตาเจ้าเล่ห์เล็กน้อย เดินย่องเข้าไปเบาๆ
“จี้จิ่ง……”
“โรคลมหลับของคุณนายรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ไม่ให้หมอมาตรวจอีกครั้งจริงๆ เหรอ?” พ่อบ้านพูดอย่างกังวล
ได้ยินประโยคนี้ การเคลื่อนไหวของเวินเที๋ยนเที๋ยนก็หยุดลงทันที
โรคลมหลับ?
กำลังพูดถึงเธอ?
หลายวันมานี้เธอไม่ได้แค่นอนเยอะนิดหน่อย ทำไมถึงบอกเธอเป็นโรคลมหลับ?
จี้จิ่งเชินเงียบไปครูหนึ่ง แม้แต่พ่อบ้านก็มองเห็นความเจ็บปวดที่อยู่ใต้ความสงบนิ่ง
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเขาที่อยู่กับเวินเที๋ยนเที๋ยนตลอดเวลาแล้ว
นี่มันเกิดอะไรขึ้น?
เวินเที๋ยนเที๋ยนรู้สึกไม่สบายใจขึ้นมาทันที
ไม่รอให้เธอคิดมาก จี้จิ่งเขินก็พูดด้วยน้ำเสียงแข็งทื่อเย็นชา
“ไม่ว่าอย่างไร ต้องหาให้เจอว่าเวินหงไห่ให้เวินเที๋ยนเที๋ยนกินยาพิษอะไรเข้าไป ต้องหาให้เจอเท่านั้น อาจจะยังมีโอกาส!”
พ่อบ้านเอ่ยอย่างกังวล “เชิญนักวิทยาศาสตร์ที่มีชื่อเสียงระดับสากลมาแล้ว ตัวอย่างก็ส่งไปแล้ว แต่พวกเขาบอกว่า สารพิษได้มีการเปลี่ยนแปลง แม้แต่พวกเขาก็ยัง……”
จี้จิ่งเชินกำหมัดแน่น
“ต้องหาออกมาให้ได้ ฉันไม่ให้เที๋ยนเที๋ยนมีอันตรายเด็ดขาด!”
“แต่ว่า……” พ่อบ้านมองเขา เอ่ยออกมาอย่างลังเล “ตอนนี้คุณนายอ่อนแอลงเรื่อยๆ ถ้าหากหาไม่เจอจริงๆ ล่ะก็……”
จี้จิ่งเชินสูดลมหายใจเข้าลึก
“หมอบอกว่า พิษทุกอย่างถูกเด็กในท้องดูดซึมเข้าไป ดังนั้นจึงหมอแนะนำว่า นอกจากเอาเด็กออกแล้ว โอกาสรอดของเที๋ยนเที๋ยนมีแค่สี่สิบเปอร์เซ็นต์เท่านั้น……”
เขากัดฟัน ทุกๆ คำเจือไปด้วยความเจ็บปวด
ตู้ม!
เกิดเสียงดังขึ้นในหัวเวินเที๋ยนเที๋ยน ทำให้สติของเธอตกใจจนแทบจะทรงตัวไม่อยู่
พวกเขาต้องการเอาเด็กออก!