เมียหวานของประธานเย็นชา - บทที่ 861 เขาไม่เป็นห่วงตัวเองหรือ?
บทที่ 861 เขาไม่เป็นห่วงตัวเองหรือ?
ฉวีผิงเกรงว่าสองแม่ลูกคู่นี้จะมีลูกไม้อะไรอีก จึงไม่กล้าเชิญหมอคนอื่นมา หรือว่าส่งพวกเธอไปที่โรงพยาบาล
หมอประจำตระกูลที่ดูแลตระกูลหล่อนมาหลายปีแล้ว รู้ตื้นลึกหนาบาง ฉวีผิงจึงเชิญมาตรวจรักษาหล่อนเจียนี เขาก็วางใจ
“พ่อบ้านฉวี คุณไม่ใช่ว่าควรต้องออกไปข้างนอกก่อน?”
หลิวเหม่ยหลันไม่สบายใจ
ได้ยินดังนั้น มุมปากของฉวีผิงก็กระตุกทันที แล้วชี้เข้าหาตัวเอง
“คนแก่หัวขาวอย่างผม ยังต้องหลบอีกเหรอ?”
คำพูดของฉวีผิงทำให้หลิวเหม่ยหลันข่มอารมณ์ไว้ไม่อยู่
แต่เมื่อกี้เธอได้ยินที่ลูกสาวบอกกับเธอว่า ต้องการให้เธอกันฉวีผิงออกไป
ระหว่างที่ไม่รู้จะทำอย่างไรดี เธอจึงต้องออกอุบาย!
ฉวีผิงที่กำลังรอหมอวินิจฉัยอยู่ข้างๆ กลับเห็นหลิวเหม่ยหลันผ่านตัวเขาไป แล้ววิ่งออกไปทางข้างนอก!
ฉวีผิงคิดว่าเธอจะวิ่งหนีไป
เขาจึงรีบวิ่งตามไปโดยไม่ทันได้คิด
ในห้องจึงเหลือแค่หล่อนเจียนีกับหมอ หล่อนเจียนีจึงรีบฉวยโอกาสเอ่ยถาม “ทำไมคุณหมอมาถึงเร็วขนาดนี้? ช่วงนี้พักอยู่ที่ตระกูลหล่อนตลอดเลยเหรอ?”
หมอประจำตระกูลหล่อนมีแค่คนเดียว เท่าที่จำได้หมอท่านนี้ไม่ได้พักอยู่ที่ตระกูลหล่อน
“ใช่แล้ว คุณเวินป่วย ต้องมีคนดูแลตลอดเวลา”
หมอไม่สงสัยเธอ ไม่ได้ระวังเธอ จึงเปิดเผยเรื่องที่เวินเที๋ยนเที๋ยนป่วยออกมา
เขายังคิดว่าหล่อนเจียนีรู้เรื่องนี้แล้ว อย่างไรก็ตามเรื่องที่เวินเที๋ยนเที๋ยนป่วยตระกูลหล่อนก็ไม่ถือว่าเป็นความลับ
หล่อนเจียนีกลับตาเป็นประกายขึ้นมาทันที
เวินเที๋ยนเที๋ยนป่วยแล้ว! นี่มันคือข่าวใหญ่!
เธอเลียบๆ เคียงๆ ถามอีกครั้ง “ไม่รู้ว่าเธอป่วยเป็นโรคอะไร?”
แต่หมอกลับ ไม่ยอมบอกแล้ว แม้ว่าเขาจะแค่เป็นหมอประจำตระกูลหล่อน ไม่เข้าใจเรื่องของตระกูลหล่อน ไม่รู้ว่าเวินเที๋ยนเที๋ยนกับหล่อนเจียนีนั้นไม่ถูกกันเหมือนน้ำกับไฟ
แต่เขาเป็นหมอมืออาชีพ ที่จะไม่เปิดเผยอาการป่วยของผู้ป่วยได้ตามใจ
ก่อนหน้านี้ก็เพราะหล่อนเจียนีเป็นคนของตระกูลหล่อน ถึงได้เปิดเผยเรื่องที่เวินเที๋ยนเที๋ยนป่วยไป
หล่อนเจียนีเห็นว่าไม่ได้ข่าวมากไปกว่านี้แล้ว จึงเงียบไป
และหลิวเหม่ยหลันที่พยายามหลบหนี ก็ถูกพ่อบ้านและพวกคนใช้จับกลับมาแล้ว
สีหน้าของฉวีผิงไม่น่ามองและเข้มงวดเป็นอย่างมาก
“พวกคุณอยู่ที่นี่แหละ อย่าวิ่งไปทั่ว”
ฉวีผิงพูดอย่างหอบๆ
น้ำเสียงของเขาแฝงไว้ด้วยคำเตือน
หลิวเหม่ยหลันเห็นหล่อนเจียนีทำสำเร็จแล้วก็รีบพยักหน้าเอ่ย “ฉันเข้าใจแล้ว”
รอหมอกับพ่อบ้านกลับไปแล้ว หลิวเหม่ยหลันจึงถามเรื่องอาการป่วยของหล่อนเจียนีอย่างเป็นห่วง “เจียนี ลูกไม่เป็นไรนะ?”
“ไม่เป็นไร แต่ลูกได้ข่าวมาข่าวหนึ่ง” หล่อนเจียนีหัวเราะเสียงเบา “เวินเที๋ยนเที๋ยนป่วย และป่วยหนักมากด้วย”
“ป่วยหนักมาก?”
หลิวเหม่ยหลันไม่เข้าใจเหตุผล เวินเที๋ยนเที๋ยนพึ่งกลับมาจากการเที่ยวพักผ่อนที่ต่างประเทศ ทำไมถึงได้ป่วยหนัก?
ทันใดนั้นเธอก็นึกถึงเรื่องหนึ่งขึ้นมา แล้วมองหล่อนเจียนีอย่างแปลกใจ “คงไม่ใช่……”
“ลูกจำได้ว่าเวินหงไห่ลักพาตัวเธอไป หลังจากกลับมาแล้วก็เข้าโรงพยาบาล แล้วก็หายตัวไปอีก ตอนนี้แม้แต่หล่อนหลีก็กลับมาแล้ว ต้องเกิดเรื่องอะไรที่น่าสนใจขึ้นแน่ๆ”
เวินหงไห่เกลียดเวินเที๋ยนเที๋ยนเข้ากระดูก น่าจะไม่ปรานีเธอแน่
แม้ว่าเวินหงไห่จะล้มเหลวแล้ว แต่เขาน่าจะทำร้ายเวินเที๋ยนเที๋ยนไว้บ้าง
เมื่อคิดแบบนี้ หล่อนเจียนีก็ยกยิ้ม “อยากเห็นสภาพเวินเที๋ยนเที๋ยนตอนนี้จริงๆ เสียดายที่พวกเราถูกห้ามไม่ให้ไปไหน เลยไม่ได้เห็น”
หวังว่าเธอจะทนความเจ็บป่วยไม่ได้ ตายไปเร็วๆ ยิ่งดี
หลิวเหม่ยหลันมองแววตาไม่ยอมของหล่อนเจียนี ก็รู้สึกพรั่นพรึงในใจเล็กน้อย “ลูกคงไม่ได้คิดจะทำลงมืออะไรอีกใช่ไหม?”
เธอรู้สึกกลัวเล็กน้อย ถ้าหากพวกเธอสอดมือเข้าไปอีกครั้ง ครั้งนี้ไม่มีหล่อนเหลยคอยช่วยพวกเธอแล้ว
“วางใจเถอะ ลูกรู้จักลำดับความสำคัญ ไม่ลงมือง่ายๆ หรอก”
หล่อนเจียนีหรี่ตาทั้งคู่ลงเล็กน้อย บนหน้าเผยรอยยิ้มโหดเหี้ยม
……
เช้าตรู่วันรุ่งขึ้น เวินเที๋ยนเที๋ยนตื่นนอนเช้ามาก เดิมอยากรอให้พ่อบ้านกับแม่ครัวมาก่อน แต่คิดไม่ถึงว่าหลวนจื่อจะมาก่อนแล้ว
“เธอมาได้อย่างไร?”
ไม่เจอไม่กี่สิบวัน ท้องของหลวนจื่อก็โตขึ้นมาก หมินอันเกอพยุงเธอเข้ามาอย่างระมัดระวัง
หลวนจื่อได้รับการบำรุงจากที่บ้านเป็นอย่างดี อ้วนขึ้นกว่าก่อนหน้านี้เล็กน้อย
เปรียบเทียบกันแล้ว เวินเที๋ยนเที๋ยนยิ่งน่าเวทนาอย่างเห็นได้ชัด
ทันทีที่หลวนจื่อเห็นเวินเที๋ยนเที๋ยนก็ปวดใจเป็นอย่างมาก “เที๋ยนเที๋ยน ทำไมเธอถึงผอมลงอีกแล้ว?”
ครั้งสุดท้ายที่เจอเธอ ยังไม่ผอมขนาดนี้ ผอมจนใบหน้าแทบจะไม่มีเนื้อแล้ว
เวินเที๋ยนเที๋ยนส่ายหน้า เธอเองก็ไม่รู้
เธอรู้สึกได้ถึงความอ่อนแอของร่างกาย
แต่เธอจะยอมแพ้ไม่ได้เด็ดขาด
“ไม่พูดเรื่องพวกนี้แล้ว” เวินเที๋ยนเที๋ยนกวักมือให้หลวนจื่อ ให้เธอมาที่ข้างๆ ตัวเอง “มาคุยเล่นกับฉันดีกว่า ตอนนี้เธอใกล้คลอดแล้วใช่ไหม?”
นับๆ วันดูแล้ว ก็อีกแค่เดือนสองเดือนแล้ว
หลวนจื่อนั่งลงอย่างเชื่อฟัง หมินอันเกอจึงยืนอยู่ข้างๆ เธอ ราวกับเป็นผู้คุ้มกันที่ทรงพลัง
ดีจริงๆ
เห็นพวกเขาสบตาแล้วยิ้มให้กันอย่างรู้ใจ เวินเที๋ยนเที๋ยนก็อดไม่ได้ที่ยกยิ้มออกมา
“ถ้าผ่านไปอีกสักพัก อาจจะไม่สามารถมาเยี่ยมเธอได้แล้ว”
หลวนจื่อรู้สึกหดหู่เล็กน้อย เธออยากมาพูดคุยเป็นเพื่อนเวินเที๋ยนเที๋ยนทุกวันจริงๆ
แต่ร่างกายของเธอ ไม่อนุญาตให้เธอเดินไปมามากนัก
หมินอันเกอสังเกตเห็นความเสียใจของหลวนจื่อ จึงกุมมือเธอไว้เบาๆ
“ฉันไม่รีบ รอเธอคลอดเสร็จแล้วพักสักระยะ ถึงตอนนั้นก็ยังทัน……”
เมื่อพูดถึงตรงนี้ ทันใดนั้นเวินเที๋ยนเที๋ยนก็นึกถึงที่จี้จิ่งเชินบอกกับพ่อบ้านตอนนั้น
โอกาสที่จะมีชีวิตรอดสี่สิบเปอร์เซ็นต์……
ไม่รู้ว่าเธอจะสามารถยื้อได้จนถึงวันนั้นไหม
หลวนจื่อไม่ได้สังเกตว่าเวินเที๋ยนเที๋ยนกำลังคิดอะไรอยู่ในใจ เธอพยักหน้าเล็กน้อย เอ่ยยิ้มๆ “คราวก่อนพวกเราตกลงกันแล้วว่าจะหมั้นหมายกันไว้ก่อน!”
หมินอันเกอได้ยินเรื่องการหมั้นหมายเป็นครั้งแรก จึงแปลกใจเล็กน้อย “หมั้นหมาย?”
“ใช่แล้ว” เวินเที๋ยนเที๋ยนยกยิ้มขึ้นเล็กน้อย “ฉันคุยกับหลวนจื่อไว้แล้ว ถ้าพวกเราสองคนได้ลูกชายคนหนึ่ง ลูกสาวคนหนึ่ง ก็จะหมั้นหมายไว้ก่อน”
“แต่คุณไม่ต้องกังวลนะ นี่เป็นการหมั้นหมายแค่ลมปาก ลูกจะคิดอย่างไร รอพวกเขาโตก่อนค่อยว่ากัน”
เวินเที๋ยนเที๋ยนกลัวว่าหมินอันเกอจะไม่เต็มใจ จึงรีบอธิบาย
หมินอันเกอพยักหน้ายิ้มๆ ไม่ได้คัดค้าน
หลวนจื่อยิ่งพูดอย่างได้ใจ “หมั้นหมายไว้ตั้งแต่เด็กเป็นเรื่องดีนะ ครอบครัวพวกเราสนิทกันขนาดนี้ ยิ่งถ้าได้เป็นทองแผ่นเดียวกันอีก เยี่ยมมาก! เอาตามนี้แหละ!”
พูดจบก็กุมมือของเวินเที๋ยนเที๋ยน สีหน้าจริงจังขึ้นเล็กน้อย
“วกกลับมาที่เรื่องเดิม ฉันมาครั้งนี้ นอกจากมาเยี่ยมเธอแล้ว ยังมีอีกเรื่องต้องบอกเธอ หวังว่าเธอจะยกโทษให้ฉันได้……”
“เรื่องอะไรเหรอ?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนเห็นหลวนจื่อมีท่าทีจริงจังขึ้นเล็กน้อย จึงหุบยิ้มลง
“ที่จริงแล้วเรื่องเช่าห้องที่ชนบท ฉันเป็นคนเปิดเผยกับจี้จิ่งเชินเอง”
เวินเที๋ยนเที๋ยนชะงักไป คิดไม่ถึงว่าจะเป็นแบบนี้
หลวนจื่อมองเวินเที๋ยนเที๋ยนอย่างละอาย “ขอโทษนะ ฉันบอกเรื่องนี้กับเขา อย่างแรกเพราะประทับใจความจริงใจของเขา อย่างที่สองก็หวังว่าเขาจะสามารถเกลี้ยกล่อมเธอได้ ถึงแม้ว่าจะไม่ได้ อย่างน้อยๆ เขาก็ดูแลเธอได้”
เวินเที๋ยนเที๋ยนชะงัก
“แต่จี้จิ่งเชินบอกว่า เขาแอบติดตามเธอ……”
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ ในที่สุดเวินเที๋ยนเที๋ยนก็เข้าใจแล้ว
จี้จิ่งเชินไม่ได้ติดตามหลวนจื่อด้วยตัวเองมาตั้งแต่แรก
เขาพูดแบบนั้น เพราะไม่อยากให้เวินเที๋ยนเที๋ยนต่อว่าหลวนจื่อ ไม่อยากให้เกิดความขัดแย้งกันขึ้นระหว่างเธอกับหลวนจื่อ แล้วส่งผลกระทบกับสภาพจิตใจ
จี้จิ่งเชินคำนึงถึงทุกอย่างไว้แล้ว แต่ไม่ได้คำนึงถึงอยู่เพียงอย่างเดียว
เขาไม่กลัวว่าเธอจะเข้าใจเขาผิดเหรอ?