เมียหวานของประธานเย็นชา - บทที่ 869 ผมยินดีที่สุด
บทที่ 869 ผมยินดีที่สุด
เวินเที๋ยนเที๋ยนสังเกตได้ถึงความคิดของเขา ก็ไม่ได้พูดจี้ใจเขา
เธอเพียงแค่บอกกับเขาว่า “เรื่องที่ฉันกับคุณพ่อคุณแม่ย้ายกลับมา ฉันยังไม่ได้บอกจี้จิ่งเชิน”
พ่อบ้านได้ยินดังนั้นก็ชะงักไป เรื่องใหญ่ขนาดนี้คุณนายยังไม่ได้คุยกับคุณจี้?
หรือว่าจะยังมีอุปสรรคอะไร?
เวินเที๋ยนเที๋ยนเห็นสีหน้าผิดปกติของเขา ก็รู้ว่าเขาเข้าใจผิดแล้ว จึงรีบเอ่ย “เพราะฉันอยากเซอร์ไพรส์จี้จิ่งเชิน พ่อบ้าน ถึงเวลานั้นคุณให้ความร่วมมือฉันหน่อย”
พ่อบ้านได้ยินดังนั้น ก็หัวเราะออกมาอย่างซุกซน
“คุณนายวางใจเถอะ ผมต้องให้ความร่วมมือคุณอย่างเต็มที่แน่นอน”
พ่อบ้านพูดขึ้นทันที “คุณให้ผมทำอะไรผมก็ทำ รับรองว่าจะทำให้คุณพอใจ!”
เวินเที๋ยนเที๋ยนขำกับท่าทางที่พร้อมลุยน้ำลุยไฟเพื่อเธอของเขา
……
หลังจากที่จี้จิ่งเชินเสร็จงานแล้ว ก็ไปหาเวินเที๋ยนเที๋ยนที่ตระกูลหล่อนตามปกติ แต่ฉวีผิงกลับบอกเขาว่าเวินเที๋ยนเที๋ยนกำลังพักผ่อนอยู่ ไม่สามารถพบเขาได้
“ไม่ยอมพบผม?”
จี้จิ่งเชินสีหน้าหนักอึ้งในทันที “ความหมายของเธอ หรือความหมายของคุณ?”
ฉวีผิงรีบส่ายหน้า “คุณจี้ ผมจะกล้าตัดสินใจแทนคุณหนูได้อย่างไร? คุณอย่าทำให้ผมลำบากใจเลย เธอพูดแบบนี้จริงๆ”
ได้ยินดังนั้นเข้าก็ก้มหน้าลง
เที๋ยนเที๋ยนเธอไม่ยอมเจอเขาอีกแล้ว? หรือว่ายังคงโกรธอยู่ หรือกลัวว่าเขาจะทำอะไรกับลูก?
เธอไม่ยอมเชื่อเขาอีกครั้งจริงๆ เหรอ?
“ร่างกายเธอเป็นอย่างไรบ้าง ไม่ได้ไม่สบายตรงไหนใช่ไหม?”
จี้จิ่งเชินเป็นห่วงเวินเที๋ยนเที๋ยนว่าเพราะร่างกายไม่สบาย เลยไม่ยอมเจอเขา รีบถามฉวีผิงถึงสถานการณ์ของเวินเที๋ยนเที๋ยน
ฉวีผิงได้รับคำสั่งจากหล่อนหลี ไม่ให้เขาบอกจี้จิ่งเชินว่าเวินเที๋ยนเที๋ยนอยู่ที่ปราสาทเก่าแล้ว
ระหว่างที่ไม่รู้จะทำอย่างไร เขาจึงได้แต่ต้องพูดโกหกไปเรื่อย
“คุณหนูเธอไม่ได้เป็นอะไรมาก แค่ขี้เซาเล็กน้อย และหลับไปแล้ว”
“ผมอยากเจอเธอ ผมรับรองว่าจะไม่กวนเธอพักผ่อน”
แค่เห็นเวินเที๋ยนเที๋ยนไกลๆ ก็พอแล้ว
คำขอของจี้จิ่งเชินไม่สูงจริงๆ แต่ถ้าฉวีผิงปล่อยให้เขาเข้ามา เรื่องที่เวินเที๋ยนเที๋ยนไม่ได้อยู่ที่ตระกูลหล่อนก็จะเปิดเผยในไม่ช้า?
ฉวีผิงจึงต้องหักใจ “คุณจี้ คุณอย่าทำให้ผมลำบากใจเลย”
จี้จิ่งเชินจึงได้แต่พยักหน้า ไม่ใช่ว่าเขาไม่กล้าพุ่งเข้าไป แต่เมื่อเขาพุ่งเข้าไป จะต้องเกิดความเคลื่อนไหวไม่น้อยแน่
หากรบกวนการพักผ่อนของเวินเที๋ยนเที๋ยนก็ได้ไม่คุ้มเสียแล้ว
แล้วเขายังไม่อยากให้ครอบครัวของเวินเที๋ยนเที๋ยนไม่ประทับใจ
“ถ้าอย่างนั้นพรุ่งนี้ผมจะมาใหม่”
จี้จิ่งเชินพูดจบก็มองไปทางห้องของเวินเที๋ยนเที๋ยนอีกครั้ง จากนั้นก็หมุนตัวจากไปอย่างอาลัยอาวรณ์
ท่าทางของจี้จิ่งเชินอยู่ในสายตาของฉวีผิง
เขาอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ ลูกเขยรักคุณหนูจริงๆ
จี้จิ่งเชินสีหน้าหนักอึ้งนั่งรถกลับมาที่ปราสาทเก่า
วันนี้ไม่ค่อยปรกติเล็กน้อย
ตอนเช้ายังดีอยู่แท้ๆ เขายังทานมื้อเช้าที่ตระกูลหล่อน ระหว่างเวินหงหยู้กับหล่อนหลี ก็เข้ากันได้ดี
เที๋ยนเที๋ยนยังยิ้มให้เขาหลายครั้ง
ทำไมผ่านไปไม่กี่ชั่วโมง ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป?
เที๋ยนเที๋ยนเธอทำไมถึงไม่ให้เขาเข้าไป?
ดวงตาเรียวคมกริบของจี้จิ่งเชินหลุบตาลง ต้องยอมรับว่าเรื่องนี้ทำให้เขารู้สึกไม่ดีเล็กน้อย
ไม่เจอเวินเที๋ยนเที๋ยนทำให้เขาอยู่ในสภาวะที่หงุดหงิดฉุนเฉียว
แม้กระทั่งคนขับรถก็ไม่กล้าหายใจเสียงดังด้วยกลัวว่าจะรบกวนจี้จิ่งเชิน
รถจอดลงที่หน้าประตูปราสาทเก่า จี้จิ่งเชินลงจากรถ ยังไม่ทันเข้าปราสาทเก่ากลับได้ยินเสียงของเปียโนดังขึ้น
เห็นได้ชัดว่าคนเล่นไม่มีความชำนาญเป็นอย่างมาก เสียงเปียโนทุกครั้งจะถูกคั่นด้วยเวลาหนึ่งถึงสองวินาที ข้อผิดพลาดที่ชัดเจนแบบนี้เกิดขึ้นได้เฉพาะกับคนที่เริ่มเล่นเท่านั้น
เสียงเปียโนธรรมดาที่ไม่เป็นเพลง
เท่าที่เขารู้ ที่ปราสาทเก่าไม่มี……
ขณะที่กำลังคิด จี้จิ่งเชินก็ชะงักฝีเท้าไป บนหน้ามีสีหน้าดีใจแทบบ้าในทันที!
เขาก้าวเร็วขึ้นจนแทบจะวิ่งเข้าไป ผลักเปิดประตูปราสาทเก่าอย่างทนรอต่อไปไม่ไหวแล้ว!
ช่วงเวลาตอนพลบค่ำ ภายในปราสาทไม่ได้เปิดไฟ แสงส่องทะลุบานหน้าต่างแล้วตกกระทบกับพื้น
มีเพียงเปียโนที่อยู่กลางห้องนั่งเล่น คนคนนั้น ที่ส่องแสงเปล่งประกายละลานตา
จี้จิ่งเชินไม่สามารถอธิบายได้ความรู้สึกของตัวเองในตอนนี้ได้ ราวกับทุกอย่างล้วนกลายเป็นพื้นหลัง และในสายตาของเขา เห็นแค่เพียงความสดใสนั้น
“เที๋ยนเที๋ยน……”
เสียงของเขาสะกดอารมณ์ต่างๆ ไว้มากมาย
เสียงเปียโนหยุดลงกะทันหัน
เวินเที๋ยนเที๋ยนลุกยืนขึ้น เงยหน้ามองเขาแล้วยิ้มยาง
“หนูโง่เกินไปแล้ว เพลง《รอเธอ》เรียนตั้งนานก็ยังเล่นไม่ได้”
เธอท้อใจเล็กน้อย
บ่ายเวินหงหยู้สอนเธอเล่นเปียโนตลอดทั้งบ่าย แต่เธอแม้กระทั่งอินโทรก็ยังไม่สามารถเล่นให้ดีได้
ยังคิดจะใช้เสียงเปียโนต้อนรับจี้จิ่งเชินกลับมา
สุดท้ายเพลงที่เล่นออกมานั้น ทำให้คนแทบทนฟังไม่ได้
น่าอายเกินไปแล้ว……
เวินเที๋ยนเที๋ยนกำลังหน้าแดง ทันใดนั้นก็ตกเข้าไปในอ้อมกอดที่อบอุ่น
อ้อมกอดที่คุ้นเคย ทำให้หลังที่ตึงเครียดของเธอผ่อนคลายลง
เธอกอดกลับไปโดยไม่ทันรู้สึกตัว
“ผมคิดว่าคุณโกรธผม” จี้จิ่งเชินพูดเสียงอู้อี้ “ค่อยยังชั่ว ที่คุณยังอยู่”
เขานึกว่าที่เวินเที๋ยนเที๋ยนไม่ให้เขาเข้าไปหาที่ตระกูลหล่อนเพราะตัวเองจะแอบหนีไปอีกแล้ว เอาตระกูลหล่อนมาบังหน้า
เวินเที๋ยนเที๋ยนได้ยินจี้จิ่งเชินพูดแบบนี้ก็เอ่ยถามเขาอย่างแปลกใจ “ทำไมถึงคิดว่าฉันจะโกรธ?”
จี้จิ่งเชินคลายอ้อมกอด เอ่บกับเวินเที๋ยนเที๋ยนเสียงเบา “ผมไปหาคุณที่ตระกูลหล่อน แต่ฉวีผิงกลับบอกว่าคุณไม่ยอมเจอผม”
“ผมคิดว่าคุณหาโอกาสไปจากผมอีกแล้ว ไม่อยากให้ผมหาคุณเจออีก”
เวินเที๋ยนเที๋ยนถึงได้รู้ตัวว่าตัวเองลืมไปว่าจี้จิ่งเชินจะไปหาเธอทุกวัน!
ฉวีผิงพูดแบบนั้นน่าจะเป็นเวินหงหยู้หรือไม่ก็หล่อนหลีสั่งไว้?
ไม่อย่างนั้นจี้จิ่งเชินที่เฉียบแหลมว่องไว เซอร์ไพรส์ที่ตัวเองเตรียมไว้อาจจะสูญเปล่าก็ได้
เวินเที๋ยนเที๋ยนถอนหายใจ ตัวเองยังคิดไม่ได้ละเอียดรอบคอบเท่าคุณพ่อคุณแม่
เธอมองเขาอย่างจริงจัง “ฉันรับปากคุณแล้ว ว่าจะไม่หนีไปอีก คุณควรเชื่อใจฉัน”
ผู้ชายคนนี้กลัวเธอหนีไปอีกขนาดนี้เลยเหรอ?
มิน่าตอนเขาเข้ามา เธอถึงได้รู้สึกว่านัยน์ตาของจี้จิ่งเชินเป็นประกาย
จี้จิ่งเชินพยักหน้าอย่างแรง
จนถึงตอนนี้ เขาถึงจะมีสติกลับมา “คุณกลับมาที่ปราสาทเก่าได้อย่างไร? ถ้าคุณอยากเจอผม ให้ผมไปหาก็ได้แล้ว”
เขาคาดไม่ถึงจริงๆ ว่าตัวเองคิดจะย้ายกลับมาที่ปราสาทเก่า
เวินเที๋ยนเที๋ยนมองเขาอย่างขบขัน คงเพราะความขัดแย้งที่เธอแสดงออกก่อนหน้านี้ ทำให้เขาไม่คิดว่าเธอจะย้ายกลับมาในตอนที่ยังตั้งครรภ์
เธอหัวเราะเสียงเบาะ เปิดเผยเซอร์ไพรส์ที่เธอเตรียมไว้เพื่อเขา “ฉันว่าฉันจะย้ายกลับมาแล้ว”
ฉันว่าจะย้ายกลับมาแล้ว
เสียงของเวินเที๋ยนเที๋ยนราวกับบทเพลงกินใจ พุ่งเข้าหูของจี้จิ่งเชิน
เขาเบิกตากว้างอย่างไม่กล้าเชื่อ “คุณ คุณพูดว่าอะไรนะ?”
“ฉันบอกว่า ฉันจะย้ายกลับมาอยู่ที่ปราสาทเก่าแล้ว ใช่แล้ว ยังมีคุณพ่อคุณแม่ของฉัน พวกเขาก็ย้ายมาอยู่ด้วย คุณคงไม่ได้คัดค้านใช่ไหม?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนมองเขาอย่างกระสับกระส่าย
แม้ว่าในใจจะรู้สึกว่าจี้จิ่งเชินจะไม่คัดค้าน แต่เมื่อเธอถามออกไป ก็ยังหลีกเลี่ยงที่จะไม่มั่นใจไม่ได้
ถึงอย่างไรก็ถือว่าเธอทำไปแล้วโดยพลการ ไม่ได้ถามความคิดเห็นของจี้จิ่งเชินก่อน
“ผมยินดีที่สุด”