เมียหวานของประธานเย็นชา - บทที่ 884 การปฏิบัติที่แตกต่าง
บทที่ 884 การปฏิบัติที่แตกต่าง
เวินเที๋ยนเที๋ยนยังอยากไปเจอหลวนจื่อ แบ่งปันความสุขของการเป็นแม่กับเธอ
นั่นต้องเป็นประสบการณ์ที่เยี่ยมยอดแน่นอน
และยังอยากเห็นลูกสาวของหลวนจื่อ รอเจอกันคราวหน้าก็เกรงว่าเธอจะเป็นงานเลี้ยงฉลองครบหนึ่งเดือนของเธอแล้ว
“ฉันยังอยากไปเยี่ยมหลวนจื่อ ถ้าหากจี้จิ่งเชินไม่ตกลง ก็ต้องค่อยๆ ตะล่อมแล้ว”
แต่เวินเที๋ยนเที๋ยนคิดไม่ถึงว่าครั้งนี้จี้จิ่งเชินจะตกลงตามคำขอของเธอจริงๆ
เธอมองผู้ชายตรงหน้าอย่างประหลาดใจ
แสงจันทร์ส่องผ่านหน้าต่างเข้ามากระทบขับให้ใบหน้าด้านข้างของเขายิ่งสมบูรณ์แบบ
เธอมองเห็นริมฝีปากบางของจี้จิ่งเชินขยับเบาๆ แล้วกระซิบเสียงเบาตรงหน้าเธอ “แปลกใจมาก? คุณคิดว่าผมจะไม่เห็นด้วย?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนพยักหน้าอย่างตรงไปตรงมา
นอกจากไม่เห็นด้วยแล้วน่าจะปฏิเสธอย่างไม่ลังเลมากกว่า
ถึงอย่างไรเขาก็ให้ความสำคัญกับสุขภาพของเธออย่างรอบคอบมาโดยตลอด
จี้จิ่งเชินถอนหายใจยาว “ผมเองก็ไม่ได้อยากให้คุณไป แต่ถ้าหากผมไม่ยอมล่ะก็ คุณจะฟังผมไหม?”
น้ำเสียงของเขาเจือแววอ่อนใจเล็กน้อย
เมื่อเข้าหูเวินเที๋ยนเที๋ยนก็เกิดความรู้สึกเจ็บปวดเล็กน้อย
นี่เธอผิดไปแล้วใช่ไหม?
เธอไม่ควรไม่สนใจความคิดเห็นของจี้จิ่งเชิน แม้ว่าเธอจะอยากไปเยี่ยมหลวนจื่อจริงๆ ก็ตาม
แต่ความคิดเห็นของจี้จิ่งเชินก็สำคัญไม่แพ้กัน……
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้เวินเที๋ยนเที๋ยนก็ส่ายหน้า
ภายใต้สายตาแปลกใจของจี้จิ่งเชิน เธอยกยิ้มบาง “ถ้าหากคุณไม่อยากให้ฉันไป ฉันอาจจะไม่ค่อยชอบใจ แต่สุดท้ายฉันก็ควรจะประนีประนอม ถึงอย่างไร……”
เวินเที๋ยนเที๋ยนชะงักไป สายตาอ่อนโยนมองไปที่จี้จิ่งเชิน
“ถึงอย่างไรคุณก็หวังดีกับฉัน ฉันล้วนจำมันไว้ในใจ”
เธอเงยหน้าขึ้นมองเขา แววตาเต็มไปด้วยความรักใคร่
ท่ามกลางแสงจันทร์ที่สาดส่อง
จี้จิ่งเชินตาเป็นประกายระยับ เขาเม้มริมฝีปาก รู้สึกถึงการจ้องตาเป็นมัน
เขากดจูบลงบนหน้าผากของเวินเที๋ยนเที๋ยนอย่างจริงใจ
“เที๋ยนเที๋ยน ผมรักคุณ”
“รักมาก รักมากๆ”
น้ำเสียงทุ้มและเซ็กซี่ของจี้จิ่งเชิน สื่อถึงความรักโดยไม่จำกัด
เขารวบเวินเที๋ยนเที๋ยนเข้ามาในอ้อมกอด แล้วกอดเธอไว้แน่น
ใบหน้าด้านข้างของเวินเที๋ยนเที๋ยนพิงอกอุ่นของเขา ยังได้ยินถึงเสียงหัวใจที่เต้นเป็นจังหวะสม่ำเสมอของเขา
ใบหูของเธอร้อนขึ้นเล็กน้อย
“คุณเสียใจตอนนี้ยังทัน” เวินเที๋ยนเที๋ยนเงยหน้ามองจี้จิ่งเชิน “ถ้าหากคุณไม่เห็นด้วยให้ฉันไป ฉันจะฟังคุณอยู่ที่บ้าน”
จี้จิ่งเชินเกือบจะเปลี่ยนคำพูดอยู่แล้ว แต่เขากลับทนไว้ได้
ที่จริงแล้วเขาอยากให้เวินเที๋ยนเที๋ยนพักฟื้นร่างกายอยู่แต่ที่บ้าน ไม่ต้องไปที่ไหนทั้งนั้น
แต่นิสัยของเวินเที๋ยนเที๋ยน เธอต้องเป็นห่วงหลวนจื่ออย่างแน่นอน
และความเป็นห่วงแบบนี้ จะกลายเป็นลึกซึ้งมากขึ้นเรื่อยๆ จากการเก็บตัวนานเป็นเดือน หากคิดมากเกินไปอาจส่งผลต่อการพักฟื้นของเวินเที๋ยนเที๋ยนได้
นี่เป็นหนึ่งในนั้น แต่ที่สำคัญที่สุดคือจี้จิ่งเชินทนเห็นเวินเที๋ยนเที๋ยนผิดหวังไม่ได้
“คุณไปเถอะ ผมจะไปเยี่ยมหลวนจื่อเป็นเพื่อนคุณเอง แต่ว่าหลังจากนั้นต้องพักผ่อนอยู่ที่บ้านเท่านั้น ได้ยินไหม?”
จี้จิ่งเชินมองเธออย่างจริงจัง
เวินเที๋ยนเที๋ยนคิดไม่ถึงว่าหลังจากที่ตัวเองพูดคำพูดพวกนั้นออกไปแล้ว จี้จิ่งเชินจะอนุญาตให้เธอไปเยี่ยมหลวนจื่อ จึงอดที่จะรู้สึกตกใจไม่ได้
แต่หลังจากตกใจแล้ว ก็เต็มไปด้วยความซาบซึ้ง
มีคนเคยพูดว่า รักคือการเรียกร้องและประนีประนอมไม่สิ้นสุด
คนที่ถูกรัก สามารถเอาแต่ใจเรียกร้องอะไรจากคนรักก็ได้
ถูกให้อภัย ถูกถนอมไว้ในมือ คนที่ถูกรักย่อมมีความสุข
แต่คนที่รักอย่าลึกซึ้ง กลับได้ประนีประนอมไปเรื่อยๆ จนสุดท้ายต้องทอดทิ้งขีดจำกัด ทอดทิ้งทุกอย่างเพื่อคนที่รัก
จี้จิ่งเชินเองก็เป็นเช่นนั้น
เขารักเธอมาก จึงประนีประนอมให้เธอทุกครั้งไป
เรื่องของลูกเป็นเช่นนั้น เรื่องของหลวนจื่อก็เป็นเช่นนั้นเหมือนกัน
เขาให้อภัยได้เสมอทำให้เวินเที๋ยนเที๋ยนเปรียบเหมือนอาบสายลมในฤดูใบไม้ผลิ แต่ก็ได้รับความรักอย่างคาดไม่ถึง
“ฉันรับปากคุณ หลังจากไปเยี่ยมหลวนจื่อแล้ว จะอยู่บ้านเป็นเด็กดี พักฟื้นร่างกายให้ดีอย่างแน่นอน”
ที่จริงแล้วเธอก็ทำแบบนี้มาตลอด เพียงแต่ว่าร่างกายของเธอกลับไม่ดีขึ้นเลย
จี้จิ่งเชินได้ยินที่เวินเที๋ยนเที๋ยนตอบก็พยักหน้าอย่างพอใจ
เขากำหนดวันไปเยี่ยมหลวนจื่อไว้ที่พรุ่งนี้ และเป็นวันก่อนที่หลวนจื่อจะออกจากโรงพยาบาล
เช้าวันนี้ เวินเที๋ยนเที๋ยนตื่นแต่เช้ามาล้างหน้าแต่งตัว
เธอแต่งตัวให้ตัวเองดูมีชีวิตชีวามาก
จี้จิ่งเชินรู้สึกถึงประหลาดใจกับความสดใสของเธอ “วันนี้คุณสวยมาก”
“ขอบคุณ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนยกมุมปากขึ้น สายตามองไปที่ตัวเองในกระจก
เธอใช้รองพื้นปริมาณมากเพื่อปกปิดใบหน้าที่ซีดเซียว เพื่อที่หลวนจื่อจะได้ไม่ต้องเป็นห่วงเธอและพักผ่อนให้ดี
จากนั้นไม่นาน เธอกับจี้จิ่งเชินก็ลงมาที่ชั้นล่างเพื่อเตรียมรับประทานอาหารเช้า
ก็เห็นพ่อบ้านในชุดสูทเต็มตัวพร้อมกับรองเท้าหนังเทนมให้ทั้งสองคน
“พ่อบ้าน คุณ……”
เวินเที๋ยนเที๋ยนเบิกตากว้าง
พ่อบ้านสวมชุดสูททั้งตัว ดูแล้วราวกับสุภาพบุรุษชาวตะวันตกในภาพวาดสีน้ำมันสมัยศตวรรษที่ 16
“นี่เป็นการเจอลูกของคุณหลวนจื่อครั้งแรก ต้องให้ความสำคัญ”
เขาเหมือนกับนายพลที่ฮึกเหิม เตรียมพร้อมทำสงครามแล้ว
ท่าทางเหมือนศัตรูที่น่าเกรงขามนั่น ทำให้เวินเที๋ยนเที๋ยนรู้สึกขบขัน
“แต่ว่าแบบนี้ จะทำให้เด็กตกใจไหม?”
แน่นอนว่าไม่สามารถแต่งตัวสบายๆ เกินไปได้ เพราะจะทำรู้สึกว่าไม่ได้ให้ความสำคัญกับอีกฝ่ายมากพอ
พ่อบ้านคิดว่าเวินเที๋ยนเที๋ยนพูดก็มีเหตุผล “ถ้าอย่างนั้นผมเปลี่ยนชุดใหม่”
เวินเที๋ยนเที๋ยนพยักหน้ายิ้มๆ
จี้จิ่งเชินลังเลอยู่ครู่หนึ่ง มองเสื้อผ้าสีเข้มเล็กน้อยบนตัวของตัวเอง ก็ลังเลอยู่ครู่หนึ่งแล้วเอ่ยถาม “ผมไปเปลี่ยนชุดก่อนดีไหม?”
“ไม่ต้องหรอก ฉันว่าคุณใส่แล้วดูดีมาก”
เวินเที๋ยนเที๋ยนชะงักไปก่อนจะเอ่ยชมอีกหนึ่งประโยค “หล่อมาก”
จี้จิ่งเชินยกริมฝีปากขึ้นอย่างมีความสุข
หลังจากเตรียมตัวเสร็จแล้ว จี้จิ่งเชิน เวินเที๋ยนเที๋ยนกับพ่อบ้านก็ไปที่ห้องพักผู้ป่วยด้วยกัน
ยังไม่ทันเข้าประตู ก็ได้ยินเสียงหลวนจื่อกับหมินอันเกอยุ่งอยู่กับเรื่องตั้งชื่อ
“ชื่อหมินจื่อไหม ชื่อของพวกเรารวมกันพอดี”
หมินอันเกอเสนอความคิด กลับถูกหลวนจื่อแย้งอย่างไม่ปรานี “ไม่ต้องวุ่นวายแล้ว ตั้งชื่อตามสบายแบบนี้ คุณไม่กลัวว่าวันข้างหน้าลูกสาวจะมาคิดบัญชีกับคุณเหรอ?”
หลวนจื่อมองหมินอันเกออย่างขบขัน ตั้งชื่อตามอำเภอใจแบบนี้ ได้คิดถึงลูกบ้างไหม?
“แล้ว แล้วชื่อหมินหลันหลัน? คำว่า หลัน จากความงดงาม คุณว่าอย่างไร?”
หมินอันเกอไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่ง ก็หาคำที่มีความหมายดีๆ จากพจนานุกรมอีกครั้ง
หลวนจื่อเงียบไปสักพัก แต่ก็ยังไม่ชอบจึงส่ายหน้า “จำนวนขีดเยอะเกินไปแล้ว ในอนาคตลูกไปสอบ แค่เขียนชื่อก็ช้ากว่าคนอื่นแล้ว”
หมินอันเกอยิ้มออกมาอย่างจนใจ แม้จะไม่รู้ว่ามีความสัมพันธ์อะไร แต่ก็ยังยอมแพ้กับชื่อนี้
“แล้วควรตั้งชื่อให้เธอว่าอะไรดี” หมินอันเกอแทบจะเป็นบ้าแล้ว “ผมไม่เคยคิดเลยว่าตั้งชื่อจะเหนื่อยขนาดนี้”
หลวนจื่อมองเขายิ้มแต่ไม่พูดอะไร จึงเอ่ยอย่างใช้ความคิด “การปฏิวัติยังไม่สำเร็จบรรลุเป้าหมาย พี่น้องร่วมอุดมการณ์ยังต้องมุ่งมั่นร่วมมือกันต่อไป”
ก๊อกๆ
ในตอนนั้นเองเสียงประตูถูกเคาะก็ดังขึ้นพอดี
“เชิญเข้ามา”
หมินอันเกอเอ่ยโดยไม่ได้เงยหน้า
หลวนจื่อเงยหน้าขึ้นมาเห็นเวินเที๋ยนเที๋ยนกับจี้จิ่งเชินเดินเข้ามาพอดี ตาก็เป็นประกายขึ้นมาทันที