เมียหวานของประธานเย็นชา - บทที่ 885 หมินยู่โดว์
บทที่ 885 หมินยู่โดว์
“ในที่สุดพวกเธอก็มาแล้ว รีบมาช่วยฉันเร็ว ตั้งชื่อเรื่องพวกนี้ไม่เหมาะกับฉันเลย!”
เวินเที๋ยนเที๋ยนเอ่ยกลั้วหัวเราะให้หลวนจื่อ “รู้แล้ว ยังไม่ทันเข้ามาก็ได้ยินเสียงบ่นของเธอแล้ว แต่ว่าคราวนี้พวกเราช่วยเธอไม่ได้ ลูกต้องให้พวกเธอตั้งชื่อให้เองสิถึงจะดี”
ตามด้วยสายตาที่มองไปที่ทารกน้อย
ไม่เจอหลายวัน ทารกน้อยก็น่ารักขึ้นเรื่อยๆ เวินเที๋ยนเที๋ยนมองแล้วก็แทบจะใจละลายตาม
“สวยมาก”
“แน่นอนอยู่แล้ว” หลวนจื่อเอ่ยอย่างพอใจมาก “นี่คือลูกของฉัน แน่นอนว่าต้องเหมือนเธอ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนยิ้มพลางจงใจพูด “ใครก็ไม่รู้ ตอนพึ่งคลอดเอาแต่พูดว่าไม่เหมือนตัวเอง”
หลวนจื่อใจฝ่อไปเล็กน้อย รีบสับเปลี่ยนหัวข้อ “เธอมาพอดีเลย ช่วยฉันตัดสินใจหน่อยว่าชื่อไหนเพราะ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนตั้งใจหยอกล้อเธอ
“ฉันตั้งชื่อเป็นที่ไหน? ฉันคิดว่าหมินหลันหลันเมื่อกี้ก็เพราะ”
หลวนจื่อหัวเราะออกมาเสียงดัง
“พวกคุณว่าชื่อหมินเฟิงเป็นอย่างไร?” หมินอันเกอครุ่นคิดอยู่สักพักก็เอ่ยขึ้น “ยอดเขาที่ไม่มีที่สิ้นสุด สูงใหญ่และทรงพลัง ความหมายไม่เลวนะ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนเอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์ “คุณคิดว่าตั้งชื่อให้เด็กผู้หญิงแบบนี้เหมาะสมไหม?”
สูงใหญ่และทรงพลัง ชื่อของเด็กผู้หญิงควรจะละเอียดอ่อนหน่อย จะสูงใหญ่และทรงพลังไปทำไม?
หลวนจื่อเองก็คิดว่าหมินอันเกอตั้งชื่อไม่ได้เรื่อง “คุณอยากให้ในอนาคตลูกสาวกลายเป็นมาดแมนบึกบึนเหรอ?”
หมินอันเกอรีบส่ายหน้า “ถ้าอย่างนั้นเปลี่ยนเป็น……”
“หมินเฟิงไม่ได้ ไม่สู้ชื่อหมินเฟิน เฟินจากใบต้นเมเปิล?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนคิดว่าชื่อนี้ก็ดี ไม่เพียงมีความไพเราะยังเรียกคล่องปากอีกด้วย
หลวนจื่อไตร่ตรองครู่หนึ่งก็คิดว่ายังไม่ได้ “เฟินเย่ก็ไม่เลวเลย แต่ฉันกลับคิดว่ามันขาดอะไรไป”
หมินอันเกอจึงเอ่ยขึ้น “ใบเมเปิลตอนฤดูใบไม้ร่วงเป็นสีแดงสดใสก็จริง แต่พอถึงฤดูหนาวก็จะเหี่ยวเฉาไป เป็นสีแดงสดใสแค่ฤดูใบไม้ร่วงเดียว”
เมื่อได้ฟังแบบนี้ เฟินนี้ก็มีความหมายแฝงที่ไม่ดีแล้ว
ในที่สุดเวินเที๋ยนเที๋ยนก็เข้าใจแล้วว่าทำไมทั้งสองคนถึงได้สับสนกันขนาดนี้
พ่อบ้านฟังอยู่ข้างๆ อยู่ตลอด ก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยขึ้นมา
ต้องรู้ว่าเพื่อจะตั้งชื่อคุณชายน้อยกับคุณหนูน้อย เขาเตรียมหนังสือไว้เล่มใหญ่ไว้นานแล้ว
“ชื่อหมินอันเป็นอย่างไร?”
“หมินอัน?” หมินอันเกอมองพ่อบ้านอย่างสงสัย “นี่มันคือชื่อแปลกอะไร?”
พ่อบ้านยืนอยู่กับที่แล้วยกมือขึ้นวาดกลางอากาศ “อัน คำนี้ ข้างบนเป็นหญ้า ข้างล่างเป็นดนตรี”
ทุกคนเลยลองเขียนกันหนึ่งครั้ง
เวินเที๋ยนเที๋ยนถามอย่างเกรงใจ “มีคำนี้ด้วยเหรอ?”
“อัน” เป็นคำที่พบเห็นยาก โดยปกติแล้วจะไม่ค่อยปรากฏให้เห็น
ไม่เพียงแค่เวินเที๋ยนเที๋ยนไม่รู้จักแล้ว แม้แต่คนอื่นที่นอกจากพ่อบ้านแล้วก็ไม่มีใครรู้จัก
พ่อบ้านยิ้ม “คำนี้ผมหาเจอในพจนานุกรมตั้งชื่อ อันหมายถึงหญ้าป่า หมายถึงมีพลังชีวิตที่เข้มแข็ง”
หมินอันเกอกลับไม่ชอบเล็กน้อย “หญ้าป่า ถ้าอย่างนั้นไม่ใช่ว่าความหมายแฝงก็คงไม่ดี……”
พ่อบ้านกระแอม “อันนี้ก็ขึ้นอยู่กับแต่ละคน แม้ว่าหญ้าป่า จะไม่เป็นที่นิยมพบเห็น แต่พลังชีวิตเข้มแข็ง ที่สำคัญที่สุดคือคำว่าอันยังมีชื่อของพวกคุณทั้งสองคนผสมอยู่ด้วย”
เวินเที๋ยนเที๋ยนได้ยินดังนั้นก็แปลกใจขึ้นมาทันที จึงอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถาม “ผสมกันได้อย่างไร?”
“คุณดูสิ ชื่อของคุณหลวนจื่อมีคำว่าจื่อ จื่อคือวานิลลา เป็นพืชก้านอ่อนชนิดหนึ่ง”
หลวนจื่อพยักหน้า แล้วถามต่อ “แล้วยังไงต่อ?”
“จากนั้นในชื่อของคุณหมินคำว่าเกอก็คือเสียง หญ้ากับเสียงเชื่อมเข้าด้วยกัน ไม่ใช่อันเหรอ?”
พ่อบ้านทำลายปริศนาได้ในประโยคเดียว ทุกคนก็เข้าใจได้ทันที
“ที่แท้ก็เป็นแบบนี้!” หมินอันเกอเบิกตากว้าง “พ่อบ้าน คุณสุดยอดไปเลย”
ถือพจนานุกรมตั้งชื่อเหมือนกัน เขาเพียงแค่หาคำที่มีความหมายดีมาตั้งชื่อ
แต่พ่อบ้านกลับเริ่มจากชื่อของพวกเขาหาจุดเชื่อมโยง
“อันนี้ดี!”
หลวนจื่อเองก็คิดว่าไม่เลว ไม่เธอยังคงกังวลอยู่เล็กน้อย “แต่ว่าคำนี้พบเห็นยาก ถ้าหากวันข้างหน้าเพื่อนของเธอกับคุณครูไม่รู้จักจะทำอย่าง?”
“ใช่แล้ว” เวินเที๋ยนเที๋ยนพยักหน้า “ตอนฉันเห็นคำนี้ ยังคิดว่าอ่านว่า ยิง เลย”
หลวนจื่อหน้าแดงทันที “ฉันก็นึกว่าเป็น ผู ของพระโพธิสัตว์ เขียนคล้ายกันมาก”
ทั้งสองคนสบตากัน อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา
ทุกคนจมดิ่งกับห้วงความคิดอีกครั้ง ในที่สุดหมินอันเกอที่ไตร่ตรองอย่างลึกซึ้งก็เงยหน้าขึ้นมา แล้วเอ่ย “หมินยู่โดว์,โดว์โดว์……”
“โดว์โดว์?”
หลวนจื่อครุ่นคิด เรียกขึ้นมาหนึ่งครั้ง ทันใดนั้นทารกที่เอาแต่มองเธอตาแป๋วก็ยิ้มออกมาทันที ดวงตายิ้มเป็นเส้นโค้ง
ชัดเจนว่าชอบชื่อนี้มาก!
“ได้!” หลวนจื่อเอ่ยอย่างดีใจ “ต่อไปลูกก็คือโดว์โดว์แล้ว!”
“ยู่โดว์ เป็นชื่อที่ดีจริงๆ” เวินเที๋ยนเที๋ยนพูดพลางเข้าไปใกล้ๆ โดว์โดว์ที่กำลังยิ้มอย่างมีความสุข
“ยู่โดว์ หนูต้องเป็นเด็กดีนะ รอหนูโตแล้วจะต้องงดงามราวกับดอกไม้”
ชื่อนี้ พวกเขาฝากฝังเฝ้ารอเป็นอย่างมาก
หลวนจื่อมองพวกเวินเที๋ยนเที๋ยนยิ้มๆ “ขอบใจพวกเธอมาก”
“เกรงใจอะไรกัน ที่จริงแล้วชื่อนี้เป็นชื่อที่พวกเธอตั้งเอง รอโดว์โดว์โตแล้ว ก็จะสามารถรับรู้ถึงความรักที่พวกเธอมีให้เธอได้”
หลวนจื่อพยักหน้า ดวงตาชุ่มชื้นขึ้นเล็กน้อยในทันที
“เที๋ยนเที๋ยน พรุ่งนี้ฉันออกจากโรงพยาบาล แล้วอีกสักสองสามวันจะไปดูแลเธอเอง”
สิ่งที่ตอนนี้เธอไม่วางใจที่สุด ก็คือสุขภาพของเวินเที๋ยนเที๋ยน
เวินเที๋ยนเที๋ยนส่ายหน้า
“พูดอะไรไร้สาระ เธอก็เห็นตอนนี้สุขภาพฉันไม่ดีเหรอ? เธอต้องดูแลตัวเองให้ดีถึงจะสำคัญที่สุด”
หลวนจื่อพยักหน้า แต่กลับไม่ยอมแพ้เอ่ยอย่างแน่วแน่ “เธอวางใจได้ ฉันต้องเลี้ยงดูตัวเองให้อ้วนพีแข็งแรงๆ ถึงตอนนั้นฉันจะดูแลเธอเอง”
เธอมองเวินเที๋ยนเที๋ยน ในสายตาเจือความกังวลเล็กน้อย
สุขภาพของเวินเที๋ยนเที๋ยนแย่เกินไป สีหน้าเธอตอนนี้ซีดเซียวมาก ต่อให้แต่งหน้าหนักก็ไม่สามารถปกปิดความซีดเซียวนี้ได้
เธอเหมือนกับต้นไม้ที่กำลังเหี่ยวเฉา ไม่มีใครสามารถหยุดยั้งเธอไม่ให้เดินไปทางสูญสิ้นนี้ได้
แต่หนทางเดียวที่มีก็คือ……
หลวนจื่อรู้สึกปวดใจทันที รีบใช้รอยยิ้มปิดบังความเศร้าในแววตา “เที๋ยนเที๋ยน เธอมาเยี่ยมฉันได้ ฉันก็ดีใจจริงๆ”
“ถ้าอย่างนั้นก็ดีแล้ว” เวินเที๋ยนเที๋ยนยิ้ม “ฉันยังเป็นห่วงว่าเธอจะรำคาญฉัน รบกวนการพักผ่อนของเธอ!”
“ที่ไหนกัน ต่อไปเธอก็เป็นแม่บุญธรรมของโดว์โดว์ ฉันยังหวังว่าเธอจะช่วยฉันดูแลเธอมากๆ ฉันจะได้แอบอู้!”
คำพูดของหลวนจื่อทำให้เวินเที๋ยนเที๋ยนอดไม่ได้ที่จะปราดมองเธอ
อะไรคือจะให้เธอดูแลลูก ขี้เกียจขนาดนั้นเลย?
ตอนแรกเวินเที๋ยนเที๋ยนคิดว่าหลวนจื่อแค่ล้อเล่น แต่เมื่อคิดถึงอาชีพของหลวนจื่อกับหมินอันเกอ ก็รู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อยแล้ว
“เธอคงไม่ทิ้งลูกไว้กับฉันจริงๆ หรอกใช่ไหม?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนมองเธออย่างแปลกใจ “ฉันบอกแล้ว เธอกับอันเกอต้องดูแลลูกให้ดี ไม่ใช่เอาแต่ยุ่งกับงานแล้วทิ้งลูกไว้ให้ฉัน”
เด็กล้วนต้องการความรักจากพ่อแม่ แต่เวินเที๋ยนเที๋ยนเข้าใจอย่างลึกซึ้ง
สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าของเธอจะดีหรือครอบคลุมแค่ไหน แต่ความรักของพ่อแม่ กลับไม่มีทางให้เด็กๆ ได้
สิ่งนี้จะกลายเป็นความเสียใจของเด็ก ๆ ไปตลอด
ดังนั้นเธอจึงให้กำลังใจเด็กๆ ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าเสมอ เมื่อมีคนมารับเลี้ยงดูพวกเขา ก็อย่ากลัวที่จะเข้าสู้สภาพแวดล้อมใหม่
แต่ต้องใจกว้าง พยายามผสานเข้ากับสภาพแวดล้อมใหม่ๆ นี้
ดังนั้นเวินเที๋ยนเที๋ยนจึงอ่อนไหวกับปัญหานี้มาก ได้ยินหลวนจื่อพูดแบบนี้สีหน้าท่าทางก็เคร่งขรึมขึ้นทันที