เมียหวานของประธานเย็นชา - บทที่ 913 ความรักของคนเป็นแม่มันมีมาตั้งแต่เกิด
บทที่ 913 ความรักของคนเป็นแม่มันมีมาตั้งแต่เกิด
คำพูดของจี้จิ่งเชิน ทำให้เวินเที๋ยนเที๋ยนนึกถึงเรื่องเมื่อสองสามเดือนก่อนขึ้นมา
อย่างที่เขาพูด ทุกๆนาทีที่ผ่านไปในชีวิตของพวกเขาล้วนมีแต่เรื่องร้ายๆ
เหตุการณ์ครั้งนั้นเป็นเหมือนกับถนนหนทางอันยาวไกลที่เต็มไปด้วยขวาก พวกเขาถูกโชคชะตานำทางไปข้างหน้า ไม่ว่าฝ่าเท้าที่ต้องเดินต่อไปจะเละเทะแค่ไหน พวกเขาก็ไม่สามารถหันหลังกลับไปได้
ตอนนี้พวกเขาพึ่งรอดชีวิตมา ถึงได้มีเวลาพักหายใจหายคออยู่นิดหน่อย
เวินเที๋ยนเที๋ยนได้แต่ทอดถอนหายใจ เธอหันหน้ามามอง นัยน์ตาน้ำตาคลอ “จี้จิ่งเชิน ถ้าไม่มีคุณล่ะก็ ฉันคงอดทนมาถึงตอนนี้ไม่ได้จริงๆ ”
ถ้าใช่เพราะเขาตะโกนเรียกเธอในความฝันทุกวัน
ถ้าไม่ใช่เพราะเธอกลัวว่าเขาจะต้องอยู่ตัวคนเดียว
เธอก็คงไม่อาจทนความเจ็บปวดที่เหมือนกับถูกกรีดเลือดกรีดเนื้อแบบนี้ได้แน่นอน
“อย่าไปพูดถึงเรื่องนี้เลย” จี้จิ่งเชินขยี้หัวเธอเบาๆ และมองเธอด้วยสายตาอันอบอุ่น “ผมรู้ว่าที่ผมทำอยู่มันเห็นแก่ตัวไปหน่อย แต่ผมอยากจะใช้เวลาอยู่กับคุณนานๆ ไม่อยากให้พ่อกับแม่และเพื่อนๆของคุณมาพรากเอาความสนใจที่คุณมีต่อผมไป ”
จี้จิ่งเชินรู้สึกได้ว่าความรู้สึกนี้มันเริ่มวิกฤตแล้ว โดยเฉพาะหลังจากที่เธอคลอดลูกออกมา เวินเที๋ยนเที๋ยนก็ให้ความสำคัญกับลูกมากกว่าตัวเขาไปแล้ว
และด้วยความที่เวินเที๋ยนเที๋ยนให้ความสำคัญกับพวกหล่อนหลีมากกว่า เขาก็เลยถูกเธอมองข้าม
เขาไม่ชอบความรู้สึกแบบนี้ ความรู้สึกกระหายต่อการมีอยู่ ก่อนหน้านี้เขาพยายามเก็บมันไว้ไม่แสดงออก
เวินเที๋ยนเที๋ยนไม่เข้าใจว่าทำไมจี้จิ่งเชินถึงได้คิดแบบนี้ เพราะในสายตาของเธอ ไม่ว่าใครก็ไม่อาจมาแย่งความสนใจที่เธอมีต่อจี้จิ่งเชินได้
ผู้ชายคนนี้มีเสน่ห์มาก ความสง่างาม ความสูงส่งรวมไปถึงรูปลักษณ์อันหล่อเหลาของเขาและท่าทีอันเย็นชาของเขาล้วนมีเสน่ห์ดึงดูดอย่างไม่อาจต้านทานได้
ไม่ว่าใครจะยืนอยู่เคียงข้างเขา เขาก็จะขโมยซีนคนอื่นไปได้อย่างง่ายดาย
“ฉันคิดไม่ออกเลยจริงๆว่าจะมีใครหน้าไหนมาแย่งความสนใจที่ฉันมีต่อคุณไปได้” เวินเที๋ยนเที๋ยนยิ้มมองเขา “อันที่จริงถึงฉันจะไม่ได้คอยมองคุณอยู่ตลอด แต่หัวใจของฉันนั้นยังมีคุณอยู่เหมือนเดิมเสมอ”
ถึงแม้จะรู้สึกผิดนิดหน่อย แต่เวินเที๋ยนเที๋ยนก็พูดสิ่งที่อยู่ในใจออกมา
การแต่งงานของพวกเขาต่างหาก ที่ทำให้เธอกังวล?
หรือจี้จิ่งเชินไม่ได้ยินสิ่งที่คนอื่นสงสัยในตัวเธอเลยหรอ?พวกเขาต่างก็พูดว่าเธอไม่เหมาะสมกับเขา กลับกันตอนนี้ทำไมถึงกลายเป็นเธอที่ไม่ใส่ใจเขาซะเองล่ะ?
เวินเที๋ยนเที๋ยนยิ้มออกมาอย่างขมขื่น
พอได้ยินเวินเที๋ยนเที๋ยนพูดแบบนี้ สีหน้าของจี้จิ่งเชินก็ดูผ่อนคลายลงมาก คำสารภาพอันแสนหวานของคนรักทำให้เขารู้สึกดีขึ้นมากเลยทีเดียว
หลังจากครุ่นคิดอยู่นาน จี้จิ่งเชินก็ทนสายตาที่น่าสงสารของเวินเที๋ยนเที๋ยนไม่ไหว เขาเลยพูดออกไปอย่างอ่อนโยน “ถ้าคุณอยากเจอพวกเขา เดี๋ยวพรุ่งนี้ผมจะจัดการให้ก็แล้วกัน”
เวินเที๋ยนเที๋ยนยิ้มร่าขึ้น “ขอบคุณมากค่ะ”
จี้จิ่งเชินมองเวินเที๋ยนเที๋ยนที่กำลังยิ้ม จู่ๆเขาก็ยิ้มตามขึ้นมาอย่างอดไม่ได้
ยัยบื้อ แค่คุณพูดออกมา ผมก็พร้อมจะทำทุกอย่างเพื่อคุณแล้ว ไม่เห็นจำเป็นต้องพูดขอบคุณและชื่นชมผมเลยด้วยซ้ำ
มันเป็นหน้าที่และเป็นเกียรติของผมอยู่แล้วที่ต้องทำเพื่อคุณ
……
วันรุ่งขึ้น จี้จิ่งเชินก็ทำตามที่พูดไว้ เขาเชิญหล่อนหลีกับเวินหงหยู้มาเยี่ยมเวินเที๋ยนเที๋ยนที่โรงพยาบาล
“เที๋ยนเที๋ยน ในที่สุดลูกก็ฟื้นแล้ว ตอนที่อยู่บ้านแม่กับพ่อกังวลแทบตายแหนะ ”
หล่อนหลีพูดไปพลางมองค้อนจี้จิ่งเชิน
หล่อนหลีกับเวินหงหยู้โทรหาเขาตั้งหลายสาย แต่ทุกครั้งที่โทรมาจี้จิ่งเชินกลับเอาแต่บอกว่าเวินเที๋ยนเที๋ยนยังไม่ฟื้น และบอกพวกเขาว่าไม่ต้องมาเยี่ยม
ถ้าไม่ใช่เพราะจี้จิ่งเชินรักและจริงใจกับเที๋ยนเที๋ยน หล่อนคงสงสัยไปแล้วว่าจี้จิ่งเชินตั้งใจไม่ให้พวกเขามาหาเที๋ยนเที๋ยน
เวินเที๋ยนเที๋ยนเห็นสายตาที่ดูไม่พอใจของหล่อนหลี เธอกับจี้จิ่งเชินหันมาสบตากันเพื่อบอกเป็นนัยว่าจะไม่พูดถึงเรื่องที่เธอฟื้นเมื่อวานนี้
จี้จิ่งเชินรู้งานเป็นอย่างดีเขาได้สั่งคนดูแลให้ยกเก้าอี้เข้ามาเพิ่ม
ไม่ว่าจะเป็นพ่อกับแม่ของเวินเที๋ยนเที๋ยนมาเยี่ยม จี้จิ่งเชินก็จะไม่ยอมไปรอข้างนอก
เพราะมันจะทำให้รู้สึกเหมือนกับเขาเป็นคนนอก
หล่อนหลีเลิกมองค้อน เธอรู้อยู่แล้วว่าจี้จิ่งเชินจะเฝ้าดูอยู่ข้างๆ
“เที๋ยนเที๋ยน แค่เห็นว่าลูกปลอดภัยดีแม่ก็ดีใจมากแล้ว”
หล่อนหลีลูบแก้มเธอเบาๆอย่างอ่อนโยน ตอนที่เธอออกจากบ้านไปนั้นในใจของแม่เต็มไปด้วยความกังวล หล่อนสะดุ้งตื่นจากฝันร้ายทุกคืน
“แม่คะ ดูสิตอนนี้หนูสบายดีมาก แล้วแม่ล่ะเป็นยังไงบ้าง?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนไม่ลืมที่จะถามไถ่สุขภาพของหล่อนหลี เท่าที่จำได้แม่กับพ่อนั้นจะเป็นห่วงเรื่องเธออยู่ตลอด
โดยเฉพาะก่อนหน้านี้ที่ช่วยดูแลกิจการให้เธอเลยทำให้อาการป่วยแย่ลง เรื่องนี้ทำให้เธอรู้สึกผิดมาก
“แม่ดีขึ้นมากแล้ว พักไปตั้งหลายวัน อาการป่วยก็ทุเลาลง ก็มีแต่พ่อแกนั่นแหละที่เอาแต่กังวล”
หล่อนหลีแตะมือเวินเที๋ยนเที๋ยนเบาๆด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
“คุณพูดแบบนี้ได้ยังไง เป็นห่วงคุณน่ะถูกแล้ว ถ้าไม่ดูแลคุณดีๆ คุณก็อาจจะเหนื่อยจนร่างกายแย่ลงอีก”
เวินหงหยู้เป็นคนสุภาพและมีมารยาท พอได้ยินหล่อนหลีพูดเขาจึงอธิบายเหตุผลออกไป
เวินเที๋ยนเที๋ยนมองหล่อนหลีอย่างละเอียด เธอรู้สึกว่าใบหน้าของหล่อนดูอวบอิ่มขึ้น เห็นทีสุขภาพคงจะดีขึ้นจริงๆ
กว่าพ่อกับแม่จะได้แต่งงานกันพวกเขาทั้งสองวางแผนมาตั้ง20ปี จนมาถึงตอนนี้ก็ยังคงรักกันหวานชื่นเหมือนเดิม แค่เห็นเธอก็รู้สึกมีความสุขมากๆแล้ว
“เที๋ยนเที๋ยน อย่างพึ่งคิดอะไรเลยนะ ดูแลร่างกายให้แข็งแรงก่อน”
หล่อนหลีพูดต่อ “เรื่องที่บ้านกับบริษัทก็ไม่ต้องเป็นห่วง มีแม่กับพ่อคอยดูให้อยู่”
“หนูรู้ค่ะ ขอแค่พ่อกับแม่ดูแลสุขภาพตัวเองให้ดีก็พอแล้ว ถ้าเกิดเรื่องนี้ทำให้ร่างกายแย่ลงมันคงไม่ดีแน่”
“ใช่แล้ว แม่ไปดูลูกหนูมารึยัง?”เมื่อเวินเที๋ยนเที๋ยนพูดถึงเรื่องลูก ใบหน้าของเธอก็เต็มไปด้วยความสุข
พอได้ยินแบบนี้ หล่อนหลีก็เหลือบมองจี้จิ่งเชินแวบหนึ่ง พอเห็นว่าเขาส่ายหน้า เธอจึงพูดต่อ
“เห็นแล้วจ้ะ น่ารักมากๆเลย”
“แม่ว่าเขาตัวเล็กเกินไปไหม?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนขมวดคิ้วขึ้นด้วยความกังวล
“ไม่นะ ปกติคลอดก่อนกำหนดก็แบบนี้แหละ ไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวมันจะค่อยๆดีขึ้น”
เวินหงหยู้พูดปลอบแทรกเข้ามา ที่จริงคุณหมอบอกพวกเขาแล้วว่าอาการของเด็กจะตกอยู่ในภาวะอันตรายได้ทุกเมื่อ
แต่เพื่อให้เวินเที๋ยนเที๋ยนได้พักฟื้นอย่างเต็มที่ พวกเขาจึงตัดสินใจว่าจะเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ
หล่อนหลีพูดเสริม “ใช่ เด็กมันโตเร็วและเปลี่ยนไปทุกวันอยู่แล้ว เดี๋ยวพรุ่งนี้ลูกไปดู เขาก็คงโตเป็นหนุ่มแล้วล่ะ ”
ประโยคนี้ทำให้เวินเที๋ยนเที๋ยนหลุดหัวเราะออกมา แล้วเธอก็พูดขึ้น
“เกินไปไหมคะแม่?”
“อย่างนี้สิ ยิ้มเยอะๆ ร่างกายจะได้แข็งแรงเร็วๆ แล้วจะได้ไปดูแลลูก” หล่อนหลีก็ยิ้มออกมา
เธอมีประสบการณ์การคลอดลูกมาก่อน เธอรู้ว่าคนเป็นแม่นั้นทำอะไรได้บ้าง
เพื่อลูกแล้ว ไม่ว่าจะต้องลำบากแค่ไหนคนเป็นแม่ก็มักจะเต็มใจทำให้เสมอ
ตอนนั้นที่เลือกปล่อยเที๋ยนเที๋ยนไป นั่นก็เพื่อความปลอดภัยของเธอ เนื่องจากตอนนั้นหล่อนหลีกับเวินหงหยู้กำลังตกอยู่ในอันตราย พวกเขาจึงไม่อาจพาลูกเข้ามาเกี่ยวข้องได้ แค่ทั้งสองคนรับไว้เองมันก็เพียงพอแล้ว
นี่แหละคือความรักของแม่
ที่มีติดตัวตั้งแต่เกิดมา