เมียหวานของประธานเย็นชา - บทที่ 916 พี่จิ่ง
บทที่ 916 พี่จิ่ง
“ถ้างั้นคุณอยากให้ฉันเรียกว่าอะไรล่ะ?”
“คิดเอาเองสิ” เห็นได้ชัดว่าเขากำลังโกรธอยู่ ดูเหมือนเด็กที่กำลังงอแงเลย รู้ทั้งรู้ว่าตัวเองต้องการอะไร แต่กลับไม่ยอมพูดออกมา
“พี่จิ่งงั้นหรอ?” เวินเที๋ยนเที๋ยนลองเรียกดู ทว่ามันก็ไม่ได้ผล เขาไม่มีปฏิกิริยาตอบโต้อะไรกลับมาเลย
“พี่จิ่ง”
ครั้งแรกไม่ได้ งั้นก็ลองอีกสักครั้ง
ครั้งที่สองก็ไม่ได้อีก ถ้างั้น……
“ลองคิดคำอื่นบ้างสิ อย่างเช่นคุณสามีอะไรแบบนี้” จี้จิ่งเชินแนะนำด้วยความหวังดี
เวินเที๋ยนเที๋ยนรู้สึกประหลาดใจ “คุณสามี?”
“ครับ” จี้จิ่งเชินรีบขานรับทันที
“ไม่ใช่ไม่ใช่ นี่ประโยคคำถามไม่ได้เรียกคุณ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนได้แต่งง คุณสามีอะไรกัน น้ำเน่าเกินไปแล้ว
จี้จิ่งเชินขมวดคิ้วแน่น แสร้งทำเป็นโกรธ แล้วพูดขึ้น “ไม่ได้เรียกผมแล้วเรียกใคร?”
น้ำเสียงเต็มไปด้วยความไม่พอใจแบบชนิดที่ว่าถ้ากล้าพูดชื่อคนอื่นออกมาแม้แต่คนเดียว เขาก็จะทำให้มันหายไปจากโลกนี้ทันที
เวินเที๋ยนเที๋ยนตะลึงไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็หัวเราะออกมาอย่างอดไม่ได้
“เรียกคุณนั่นแหละ ไม่มีคนอื่นๆ” พูดจบ เธอก็จุ๊บที่หน้าอกของจี้จิ่งเชินเพื่อเป็นการยืนยัน
สายตาของจี้จิ่งเชินค่อยๆอ่อนลง เขาประคองหัวเวินเที๋ยนเที๋ยนไว้แล้วประทับรอยจูบลงไปเบาๆ
เมื่อได้ยินเสียงหัวใจที่เต้นตึกตักอยู่ในอกของเขา มันทั้งหนักแน่นและฟังดูแข็งแรงมาก เธอรู้สึกสบายใจอย่างบอกไม่ถูก
“งั้นต่อไปฉันไม่เรียกเขาอย่างนั้นแล้วดีไหม?พี่จิ่ง พี่จิ่งง……”
เสียงพูดอู้อี้ของเวินเที๋ยนเที๋ยนดังขึ้น แถมตอนท้ายยังลากเสียงยาวด้วย
“อื้ม”
จี้จิ่งเชินหัวเราะออกมาเบาๆ หน้าอกของเขาเลยกระเพื่อมขึ้นลงจนตัวเวินเที๋ยนเที๋ยนขยับตามไปด้วย
เธอหน้าแดงเล็กน้อยเพราะความเขินอาย
“แต่ว่าฉันเคยเรียกคุณแบบนี้เมื่อตอนเรายังเด็กแล้วนะ……”
“แต่ผมชอบให้คุณเรียกว่าพี่จิ่งนี่นา หรือถ้าจะเรียกให้สนิทกันได้มากกว่านี้ ผมจะดีใจมาก”
เมื่อจี้จิ่งเชินพูดหยอกเธอจบ เขาก็กระชับอ้อมกอดที่กอดเวินเที๋ยนเที๋ยนไว้ให้แน่นขึ้นราวกับว่าเขากำลังกอดสมบัติอันมีค่าอยู่
ทั้งสองกอดกันกลม เวินเที๋ยนเที๋ยนรับรู้ได้ถึงการเต้นของหัวใจเขา ตึกตักตึกตัก เธอขยับตัวเข้าไปใกล้ๆอีก
จี้จิ่งเชินสูดหายใจเข้าลึก ความรู้สึกหวิวๆเอ่อล้นขึ้นมาในใจ
เวินเที๋ยนเที๋ยนไม่รู้หรอกว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่
“พี่จิ่ง โดว์โดว์น่ารักมากเลย”
“หืม”
“ส่วนลูกของพวกเรา……”
“ก็น่ารักมากเหมือนกัน” จี้จิ่งเชินพูดอย่างแน่วแน่
“ตาเขาเหมือนกับคุณเลย ปากกับจมูกก็ด้วย ถอดแบบออกมาจากคุณเป๊ะ ถ้าเขาโตขึ้นคงจะเป็นหนุ่มหล่อ มีแต่คนรักคนชอบเหมือนอย่างคุณแน่เลย”
“ขอแค่คุณชอบผมก็พอแล้ว” จี้จิ่งเชินไม่เห็นด้วยนิดหน่อย “ผมกลับหวังว่าเขาจะเหมือนคุณที่อ่อนโยนและมีความเอาใจใส่ แถมยังฉลาดด้วยมากกว่า”
“นี่คุณกำลังชมฉันหรอ?” เวินเที๋ยนเที๋ยนหน้าแดงขึ้นเล็กน้อย เธอยังคงซบอยู่ที่อกของเขา และมีหมอนกั้นอยู่ แสดงว่าเขาคงไม่เห็นหรอก
“ในสายตาของผมคุณคือสิ่งที่มีค่ามากที่สุด” นี่คงเป็นสายตาของคนมีความรักสินะ
เพราะผมรักคุณ ทุกอย่างที่เป็นคุณเลยดูน่ารักหมด
ไม่ว่าจะเป็นตอนที่คุณโมโหจนหน้านิ่วคิ้วขมวด ผมก็รู้สึกว่านั่นคือสิ่งที่สวยงามที่สุดบนโลกนี้
“ฉันยังไม่เคยอุ้มลูกของเราเลย ฉันอยากกอดเขา อยากจับมือเล็กๆของเขา และป้อนนมให้เขาเอง แบบนี้เขาจะได้โตเร็วๆ”
“ไม่นานหรอก คุณหมอบอกแล้วว่าอีกไม่นานก็อุ้มได้แล้ว”
“จริงหรอ?” เวินเที๋ยนเที๋ยนไม่ค่อยแน่ใจนัก เพราะก่อนหน้านี้ที่ไปดูเขา เขาตัวเล็กขนาดนั้น แถมยังลืมตาแทบไม่ขึ้นเลยด้วย
ถ้าเกิดว่าพิษแล่นเข้าสู่ดวงตาเขาล่ะ?
แล้วถ้าเขาไม่สามารถลืมตาได้ตลอดทั้งชีวิตล่ะ?
ถ้าเกิด……
เขาเป็นแค่เด็กที่อ่อนแอคนหนึ่ง
ถ้าเกิดว่ามีอะไรนิดๆหน่อยๆก็อาจจะเกิดอันตรายกับเขาได้ ดูสิ แล้วจะไม่ให้เธอกังวลได้ยังไงล่ะ?
พอคิดถึงตรงนี้ เวินเที๋ยนเที๋ยนก็เริ่มเครียดขึ้นมา
“คุณสัญญาแล้วไม่ใช่หรอว่าถ้าฉันตื่นแล้วจะพาไปเยี่ยมเขา?”
ในที่สุดเวินเที๋ยนเที๋ยนก็นึกออกว่าจี้จิ่งเชินรับปากเธอไว้
พอมองออกไปนอกหน้าต่างท้องฟ้าก็มืดสนิท จี้จิ่งเชินคิดว่านี่มันถึงเวลาทานข้าวแล้ว
“พี่จิ่ง?” เวินเที๋ยนเที๋ยนเขย่าแขนเขา
“ไปดูแป๊บเดียวนะ แล้วก็กลับมาทานข้าว”
เวินเที๋ยนเที๋ยนพยักหน้ารับทันที อย่าว่าแต่ข้าวมื้อเดียวเลย ถ้าได้ไปเยี่ยมลูกล่ะก็ กินเป็นสิบมื้อเลยก็ยังได้
เวินเที๋ยนเที๋ยนยังคงต้องใช้รถเข็นอยู่ในช่วงนี้ เพราะเธอไม่อาจเดินไปไหนมาไหนเองได้ จี้จิ่งเชินเข็นเธอไปช้าๆ เวินเที๋ยนเที๋ยนอยากเห็นลูกจนทนไม่ไหว เธอเอาแต่ชะเง้อมองไปที่ห้องดูแลเด็กอ่อนตลอดทาง
ยังคงอยู่ที่เดิม ตอนนี้ลูกของเธอดูขาวขึ้นมานิดหน่อย แต่ว่าตายังปิดสนิทอยู่เหมือนเดิม เขากำมือไว้ กำปั้นนั้นเล็กกว่าหนึ่งในสี่ของมือเวินเที๋ยนเที๋ยนซะอีก
เธอมองผ่านกระจกที่กั้นอยู่ ลูกของเธอนอนหลับนิ่ง จี้จิ่งเชินกับเวินเที๋ยนเที๋ยนกระซิบเรียกยอยู่สองสามครั้งแต่ก็ไม่มีปฏิกิริยาอะไรตอบกลับมา นี่ถ้าหน้าอกเล็กๆของเขาไม่ขยับขึ้นลงนะ เวินเที๋ยนเที๋ยนคงได้ตามหมอมาแล้ว
“ตัวเล็กมาก……ตัวเล็กกว่าโดว์โดว์มากเลย” เวินเที๋ยนเที๋ยนมองลูกตาไม่กระพริบ เพราะเธอกลัวว่าเธอจะพลาดโอกาสเห็นตอนเขาขยับ
แค่นิ้วหัวแม่มือเขาคลายออก เธอก็ดีใจยกใหญ่แล้ว
“วางใจเถอะวันหน้าเขาจะแข็งแรงกว่าโดว์โดว์แน่ เขาเป็นเด็กผู้ชาย เขาต้องโตมาเพื่อปกป้องดูแลแม่ของเขาอย่างผมสิ”
ที่จี้จิ่งเชินพูดแบบนี้นั่นก็เพราะระหว่างลูกกับภรรยา แน่นอนว่าเขาเลือกอย่างหลัง เขาตัดสินใจไว้ตั้งแต่แรกแล้ว แต่นี่มันก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะรักลูกน้อยลง เขาเพียงแค่คิดว่าวันหน้าลูกจะต้องเติบโตเป็นชายหนุ่มที่เข้มแข็ง ฉะนั้นเขาจะต้องปกป้องแม่ของเขา และภรรยาของผมได้แน่นอน
วันหนึ่งเขาจะต้องเติบโตเป็นผู้ใหญ่
จะต้องมีวันนั้นแน่
“แต่ตอนนี้เขายังตัวเล็กมาก ให้ฉันปกป้องเขาดีกว่า ” ความเป็นแม่ในตัวเวินเที๋ยนเที๋ยนเอ่อล้นอยู่เต็มอก
ถึงแม้เธอจะไม่มีแรงมากนัก แต่เธอก็จะปกป้องเด็กที่อยู่ตรงหน้านี้ด้วยทั้งชีวิตของเธอ เพราะเขาคือลูกของเธอกับจี้จิ่งเชิน
“พวกเราจะปกป้องเขาด้วยกัน” จี้จิ่งเชินเดินเข้าไปจับมือเวินเที๋ยนเที๋ยนไว้ ไออุ่นจากมือเขาประสานเข้ากับฝ่ามือที่เย็นเฉียบของเธอ เขาแก้สิ่งที่เธอพูดออกไป
เวินเที๋ยนเที๋ยนวางมืออีกข้างทับ
จี้จิ่งเชินย่อตัวนั่งลงอยู่ในระดับเดียวกับเธอ จากนั้นก็จูบลงไปเบาๆที่หลังฝ่ามืออันเย็นเฉียบของเวินเที๋ยนเที๋ยน จากนั้นก็วางมือทับ
ทั้งสองประสานมือเข้าด้วยกัน เพื่อมอบความอบอุ่นและส่งกำลังใจให้กันพร้อมกับมองไปที่หนูน้อยในตู้กระจกใส——เขาคือผลงานจากความรักของพวกเขา
ถึงแม้จะพ้นขีดอันตรายแล้ว แต่ทว่าเวินเที๋ยนเที๋ยนก็ต้องได้รับการตรวจและเข้ารับการรักษาเพิ่มมากขึ้นในแต่ละวัน เธอทำได้เพียงกัดฟันทน
เพื่อไม่ให้จี้จิ่งเชินไม่สบายใจ และเพื่อให้ตัวเองสุขภาพแข็งแรงขึ้น และก็เพื่อที่จะได้ดูแลลูกได้เร็วๆ
เวินเที๋ยนเที๋ยนพยายามอดทนต่อความเจ็บปวดในการฟื้นฟูร่างกายจากความช่วยเหลือชองจี้จิ่งเชิน ภายใต้การดูแลอย่างพิถีพิถันจากจี้จิ่งเชิน พวกญาติๆและเพื่อนคนอื่นๆ ร่างกายของเธอก็ค่อยๆฟื้นกลับมาทีละนิด
ถ้าเทียบกับสภาพผอมกะหร่องในตอนที่ท้องนั้น ตอนนี้เธอดูมีน้ำมีนวลขึ้นมาไม่น้อยเลย
แต่ก็ยังอีกนานกว่าจะได้ออกจากโรงพยาบาล
แต่เวินเที๋ยนเที๋ยนก็ไม่ได้หวังว่าจะได้ออกจากโรงพยาบาลเร็วๆอยู่แล้ว เพราะตอนนี้ลูกของเธอยังอยู่ในห้องดูแลเด็กอ่อนอยู่เลย ถ้าเกิดเธอได้ออกไป เธอก็คงไม่ได้เห็นหน้าลูกทุกวัน แม้จะเป็นแค่การมองอยู่ห่างๆ แต่มันก็ทำให้เธอสบายใจไม่น้อย