เมียหวานของประธานเย็นชา - บทที่ 917 ผ่าตัดด่วน
บทที่ 917 ผ่าตัดด่วน
“คุณหมอครับ ภรรยาผมอาการเป็นยังไงบ้าง?”
จี้จิ่งเชินติดตามอาการของเวินเที๋ยนเที๋ยนอยู่ตลอด เขามักจะมาถามหมอด้วยตัวเองทุกๆสองหรือสามวันอยู่เสมอ
ทั้งเรื่องที่โรงพยาบาล และเรื่องบริษัทเอ็มไอกรุ๊ป จี้จิ่งเชินแทบจะแบ่งเวลาตลอดทั้ง24ชั่วโมงของเขาไปจัดการไม่ได้เลย
หลังจากที่พนักงานของบริษัทรู้ว่าเวินเที๋ยนเที๋ยนพ้นขีดอันตรายแล้ว หลายๆคนก็อยากจะมาเยี่ยมเธอ
เมื่อก่อนตอนที่บริษัทชะงักไป ตอนที่จี้จิ่งเชินแสร้งทำเป็นเข้าโรงพยาบาลประสาท มีพนักงานจำนวนหลายคนที่ต้องออกไปจากบริษัท
ทว่าในช่วงที่ลำบากตอนนั้น เวินเที๋ยนเที๋ยนกับเลือกที่จะยืนหยัดต่อสู้ และพลิกแพลงสถานการณ์จนรักษาบริษัทไว้ได้ แถมยังสามารถรักษาพนักงานเก่าๆไว้ได้หลายคนเลย
และยังกุมหัวใจของคนในบริษัทไว้ได้อีกตั้งมากมาย
แม้เวินเที๋ยนเที๋ยนจะดูผอมและอ่อนแอ แม้เธอจะไม่ได้สวยเลิศเลอ แต่ไหล่บางๆของเธอนี่แหละที่ได้แบกรับทั้งบริษัทไว้
และก็เพราะความเข้มแข็งนี้แหละ เธอจึงมีคุณสมบัติที่ได้ยืนอยู่เคียงข้างคุณจี้
และเหมาะสมกับเขามาก
แถมยังน่าเคารพเชิดชูด้วย
นี่คงเป็นผลตอบแทนจากความลำบากตอนนั้น
อย่างน้อยในความโชคร้ายมันก็ยังมีความโชคดี ในเรื่องร้ายมันก็ต้องมีเรื่องดีเกิดขึ้น
บางทีความลำบากมันก็นำพามาซึ่งโอกาส แต่อยู่ที่ว่าเราจะคว้ามันไว้ได้รึเปล่า
ซึ่งเห็นได้ชัดเลยไม่ว่าจะเป็นจี้จิ่งจิ่งเชินหรือเวินเที๋ยนเที๋ยนพวกเขาทั้งสองต่างก็คว้าโอกาสไว้ได้อยู่หมัดเลยทีเดียว
และครั้งนี้ ลูกของพวกเขาก็จะต้องรอดแน่นอน
คุณหมอกำลังดูรายงานการทดสอบในมืออย่างละเอียด
“คุณจี้ร่างกายของภรรยาคุณฟื้นตัวดีมากครับ คาดว่าอีกไม่ถึงเดือนก็คงจะออกจากโรงพยาบาลได้แล้ว”
เมื่อจี้จิ่งเชินได้ยินคุณหมอพูดเช่นนี้ ความทุกข์ในใจเขาก็หายไปครึ่งหนึ่ง แต่ทว่ามันก็ยังเหลืออีกครึ่ง
“แล้วลูกล่ะครับ?” เขาถามต่อ
ข้างกายเวินเที๋ยนเที๋ยนยังมีเขาคอยดูแล
พอได้เห็นใบหน้าของเธอดูดีขึ้น เขาก็รู้สึกสบายใจขึ้นมาหน่อย
แต่ว่าลูกนี่สิอยู่คนเดียวในห้องดูแลเด็กอ่อน แถมยังอาการหนักด้วย
แล้วบวกกับเวินเที๋ยนเที๋ยนที่กำลังกังวลอยู่ เรื่องนี้ทำให้จี้จิ่งเชินวางใจไม่ได้เลย
“อาการของเด็กไม่ค่อยดีนัก”
เพียงประโยคเดียว จี้จิ่งเชินก็ซึมลงทันที
เขาขมวดคิ้วแน่น ไม่พูดไม่จา จากนั้นก็ฟังที่หมอพูดต่อ
“เนื่องจากเด็กมีการคลอดก่อน2เดือน การพัฒนาการในร่างกายจึงไม่ได้สมบูรณ์มากนัก แต่ตอนนี้ถือว่ามีพัฒนาการที่ค่อนข้างดี ฉะนั้นจึงถึงเวลาแล้วที่ต้องได้รับการตรวจโดยละเอียด”
“การตรวจอันตรายไหมครับ?” จี้จิ่งเชินห่วงแค่เพียงเรื่องความปลอดภัยของเด็ก
“โดยปกติไม่มีอันตรายครับ”
“โดยปกติ?” น้ำเสียงของจี้จิ่งเชินสูงขึ้นทันที!
“ผมต้องการความชัดเจน”
เนื่องจากเขาร้อนใจ น้ำเสียงจึงดูรีบๆ
ณ ข้างนอกห้องทำงานของคุณหมอ เวินเที๋ยนเที๋ยนกำลังเข็นล้อรถเข็นมา
เนื่องจากเธอเห็นจี้จิ่งเชินไม่กลับมาสักที เลยคิดว่าจะออกไปดูหน่อย
แต่คาดไม่ถึงเลยว่าพอมาแล้วเธอจะได้ยินน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความไม่พอใจของจี้จิ่งเชิน
มีเพียงแค่เรื่องของเธอกับลูกเท่านั้นแหละที่จะทำให้เขาเก็บอาการไม่อยู่
หรือว่าจะเป็นเรื่องลูกกันนะ?
พอคิดถึงตรงนี้ เธอก็ทนไม่ไหวผลักประตูออกไปแล้วพูดอย่างร้อนรน “จิ่งเชิน พวกคุณว่าอะไรนะ?ลูกเป็นอะไร? ”
ทันทีที่เวินเที๋ยนเที๋ยนผลักประตูเข้ามาจี้จิ่งเชินก็กลับสู่ท่วงท่าปกติอย่างรวดเร็ว เขาไม่อยากให้เวินเที๋ยนเที๋ยนกังวล
“ไม่มีอะไรมาก คุณหมอแค่จะทำการตรวจเขาอย่างละเอียด”
เวินเที๋ยนเที๋ยนมองไปที่คุณหมอด้วยความสงสัย ส่วนคุณหมอก็พยักหน้ารับ
“ใช่ครับ คุณหนูเจี่ยง วางใจเถอะครับ เด็กจะต้องสุขภาพแข็งแรงเมื่อถึงมือคุณแน่ๆครับ”
นี่คือคำพูดปลอบใจที่ดีที่สุดจากการที่เขาทำงานเป็นหมอมาเกือบ20ปี
เขารู้ดีว่าสองสามีภรรยาคู่นี้ผ่านอันตรายและความเจ็บปวดมามากแค่ไหนถึงจะเก็บเด็กคนนี้ไว้ได้
ฉะนั้นเขาจะพยายามทำให้ดีที่สุดเท่าที่เขาจะทำได้
แต่ว่าเด็กคนนี้เกิดมาในเคสพิเศษหน่อย นั่นก็คือเจ้าหนูน้อยคนนี้เป็นเด็กคนแรกที่เขาค้นพบว่าตอนอยู่ในท้องแม่เขาดูดซับสารพิษในร่างกายจากแม่มา แต่กลับรอดชีวิตมาได้
ประสบการณ์ของเขาที่ผ่านมาแทบช่วยอะไรไม่ได้เลย เขาจึงทำได้แค่การตรวจ
ซึ่งการตรวจครั้งนี้ ไม่เหมือนกับการตรวจทั่วไป เขาต้องตรวจอย่างละเอียดและพิถีพิถันกับมันมาก และจะต้องมีการฆ่าเชื้ออยู่ตลอดทุกขั้นตอน และมีกฎควบคุมบุคคลากรอย่างเคร่งครัด และแน่นอนว่าคนในครอบครัวไม่อาจเข้าไปยุ่งได้
จี้จิ่งเชินรออยู่ด้านนอกห้องตรวจกับเวินเที๋ยนเที๋ยน ทั้งสองเหมือนกับนั่งอยู่บนปลายเข็ม ในใจได้แต่นึกเป็นห่วงลูก โดยเฉพาะจี้จิ่งเชิน ทั้งต้องปิดบังเวินเที๋ยนเที๋ยน ทั้งยังกังวลว่าจะมีข่าวร้ายเกิดขึ้น
เขาไม่กล้าบอกความจริงเรื่องลูกกับเธอ
เขากำลังโกรธ
โกรธที่ทำไมฟ้าดินถึงต้องร้ายกับเขาถึงขนาดต้องเอาลูกคนแรกของเขาไปด้วย
“จี้จิ่งเชิน ฉันกลัวจังเลย”
เวินเที๋ยนเที๋ยนไม่ค่อยกลัวอะไรมากนัก ไม่ว่าจะอุปสรรคหรืออันตรายใดๆเธอก็สามารถทำตัวสงบได้ แต่ตอนนี้การที่ต้องรอผลการตรวจจากคุณหมอ ความรู้สึกที่ทำอะไรไม่ได้แบบนี้เธอไม่ชอบเลย
“ไม่เป็นไรนะ ผมอยู่นี่” จี้จิ่งเชินก็รู้สึกอ่อนแออยู่ในใจ แต่เขาถอยไม่ได้แล้ว
เหวลึกข้างหลังกำลังรอเขาอยู่
เวินเที๋ยนเที๋ยนรู้สึกร้อนใจขึ้นมาอย่างไม่มีเหตุผล
เธอปลอบตัวเองอยู่ในใจ นี่มันก็แค่การตรวจร่างกายทั่วไปของลูกเอง ผลออกมาลูกจะต้องสุขภาพแข็งแรงมากแน่ๆ
เพราะก่อนหน้านี้ก็ไม่มีการตรวจพบสารพิษของเวินหงไห่นี่นา แสดงว่ามันจะต้องถูกขับออกไปหมดแล้ว
พอนึกถึงเวินหงไห่เวินเที๋ยนเที๋ยนก็ขมวดคิ้วขึ้นด้วยความกังวล
“พี่จิ่ง ก่อนหน้านี้พี่บอกว่าเวินหงไห่หนีไปแล้วใช่ไหม?”
จี้จิ่งเชินเห็นความแค้นในตาของเวินเที๋ยนเที๋ยน ใช่ เขาก็อยากจะฉีกมันคนนั้นออกเป็นชิ้นๆเหมือนกัน
“อย่างกังวลไปเลย ผมหาเขาเจอแน่ และผมก็จะทำให้มันโผล่ออกมาให้เห็นหน้าอีกไม่ได้” จีจิ่งเชินสัญญา เขานี่มันไม่ได้เรื่องจริงๆ ไม่น่าทำให้เวินเที๋ยนเที๋ยนต้องตกอยู่ในอันตรายเลย แต่ต่อไปนี้มันจะไม่เกิดขึ้นอีกแน่
เวินหงไห่ แกอย่าได้คิดจะโผล่มาเชียว
ทันใดนั้นเอง เวินหงไห่ที่ถูกขังอยู่ในคุกใต้น้ำก็เสียวสันหลังวาบขึ้นมา เขานอนแช่อยู่ในน้ำสกปรกๆมาหลายวันแล้ว ร่างกายท่อนล่างแช่อยู่ในน้ำที่ท่วมมาถึงอกล้วนซีดเผือดเปื่อยยุ่ยแล้ว ผิวหนังที่เหี่ยวย่นตามร่างกายต่างก็ไร้ความรู้สึกไปตั้งนานแล้วด้วย
บางครั้งในคุกใต้น้ำก็จะมีหนูมาเยี่ยมด้วย ตอนแรกเขาก็ตะโกนไล่พวกมันได้อยู่หรอกนะ แต่พอร่างกายเริ่มอ่อนแรงลง พวกหนูก็ยิ่งเหิมเกริม และเริ่มกัดแทะผิวหนังของเขา
เมื่อนึกย้อนไปถึงช่วงแรกๆที่ตระกูลเวินรุ่งเรือง จากนั้นก็กลับมามองสภาพตอนนี้ มันช่างแตกต่างกันเหลือเกิน เลือดไหลทะลักออกมาจากบาดแผล เขาร้องโอดครวญด้วยความทรมาน ทว่าไม่มีใครได้ยินเลย
เวินเที๋ยนเที๋ยนกำหมัดแน่น เล็บของเธอจิกลงไปบนกำปั้นอย่างไม่รู้ตัว เธอมองจ้องไปที่ประตูห้องตรวจตาไม่กระพริบ กระจกประตูที่พร่ามัวมีแต่เงาคนเดินวกวนผ่านไปมาอย่างเคร่งเครียด
จี้จิ่งเชินแบมือเธอออก แล้วประสานมือกับเธอไว้
“เที๋ยนเที๋ยน ไม่เป็นไรนะผมอยู่นี่”
“ฉันกลัวและกังวลมากๆเลย” เธอยกมืออีกข้างหนึ่งมาทาบตรงหัวใจไว้
หัวใจเธอเต้นแรงมาก เหมือนกับเป็นสัญญาณว่าจะต้องมีเรื่องอะไรเกิดขึ้น
สายตาของจี้จิ่งเชินนิ่งสุขุมลงทันที หรือนี่คือสิ่งที่เขาเรียกกันว่าสายใยของแม่ลูกกันนะ?เขาลูบมือของเธอไม่หยุด พยายามให้ความอบอุ่นกับเธอ
จู่ๆประตูห้องตรวจก็เปิดออก พยาบาลคนหนึ่งวิ่งหน้าตื่นออกมา
จี้จิ่งเชินรีบเข้าไปขวางหล่อนไว้ แล้วถามขึ้นอย่างรีบร้อน “เด็กเป็นยังไงบ้างครับ?”
“พวกคุณคือพ่อกับแม่ของเด็กใช่ไหม?” พอเห็นว่าทั้งสองพยักหน้า หล่อนก็รีบพูดออกไป
“จู่ๆเราก็พบก้อนเนื้อแข็งก้อนหนึ่งในช่องท้องของเด็กระหว่างการตรวจ สงสัยว่าน่าจะเป็นการแข็งตัวของสารพิษ ฉะนั้นเขาเลยต้องทำการผ่าตัดด่วน”