เมียหวานของประธานเย็นชา - บทที่ 920 นอนเยอะๆจะได้โตเร็วๆ
บทที่ 920 นอนเยอะๆจะได้โตเร็วๆ
จี้จิ่งเชินตะโกนเรียกเวินเที๋ยนเที๋ยนที่กำลังฝันร้าย
“เฮือก”
เวินเที๋ยนเที๋ยนเบิกตาโพลง แล้วลุกขึ้นนั่งทันที
เธอก้มมองในมือที่ว่างเปล่าของเธอ
“ลูก?”
พูดไปพลางเลิกผ้าห่มออก
“เที๋ยนเที๋ยน นั่นคือความฝัน! อย่ากังวลไป!”
จี้จิ่งเชินแทบไม่ได้สนใจรอยปูดใต้คางที่เวินเที๋ยนเที๋ยนพึ่งชนไป เขารีบเข้าไปคว้าเธอไว้
ทันใดนั้นเวินเที๋ยนเที๋ยนเลยได้สติขึ้นมา เธอกะพริบตาที่พร่ามัวถี่ๆ จากนั้นถึงได้มองเห็นจี้จิ่งเชินที่อยู่ตรงหน้าอย่างชัดเจน
เธอรู้สึกโล่งใจทันที แต่ทว่าภาพอันโหดร้ายในฝันนั้นยังคงติดอยู่ในความทรงจำ
“ฉันฝัน ฝันว่าลูกนอนนิ่งไม่ขยับอยู่ในมือฉัน แถมยังมีคนอีกเป็นจำนวนมากที่รุมด่าฉันด้วย”
เวินเที๋ยนเที๋ยนเล่าไปร้องไห้สะอึกสะอื้นไป
จี้จิ่งเชินกอดเธอไว้ และลูบหลังของเธอเบาๆ จากนั้นก็เอ่ยปลอบเธอด้วยเสียงอันนุ่มนวล
“ไม่เป็นไรนะ คุณพูดออกมาแล้วมันไม่เกิดขึ้นจริงหรอก”
“ไม่เป็นไรนะ”
“เที๋ยนเที๋ยน การผ่าตัดของลูกเราเป็นไปด้วยดี เขาจะต้องดีขึ้นแน่”
“อื้ม”
เวินเที๋ยนเที๋ยนเงยหน้ามองเขา
แสงจันทร์สาดส่องผ่านหน้าต่างเข้ามา นัยน์ตาของเธอเต็มไปด้วยความหวังและการรอคอย
จี้จิ่งเชินใช้มือประคองหน้าของเธอไว้ แล้วให้คำมั่นสัญญาออกไป “จริงๆนะ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนละสายตาไปมองรอยแดงๆที่คางของเขา
“ไปโดนอะไรมาคะ?”
“ก็คุณชนเมื่อกี้ไง” จี้จิ่งเชินจำใจตอบ
เวินเที๋ยนเที๋ยนรู้สึกผิดเลยโน้มตัวไปข้างหน้าแล้วเป่าไปที่รอยปูด จากนั้นก็ยื่นมือไปลูบเบาๆ
“ฉันจำได้ว่า ตอนที่เราพึ่งเจอกัน คุณก็เคยทำแบบนี้ให้ฉันตรงที่เดียวกับตอนนี้เลย”
ความขี้เล่นนัยน์ตาของจี้จิ่งเชินเพิ่มขึ้นทันที
เมื่อนึกถึงตอนที่เจอกันครั้งแรก เขาก็รู้สึกขำ เวินเที๋ยนเที๋ยนทั้งกลัวทั้งหัวแข็ง เหมือนกับเม่นน้อยที่มีหนาม
พอมาวันนี้ เม่นน้อยตัวนั้นกลับกลายมาเป็นหวานใจของเขา
เขาทั้งรักทั้งทะนุถนอมเธอมาก
“คุณก็พูดได้สิ ตอนนั้นคุณไม่รู้หรอว่าคุณดูน่ากลัวขนาดไหน” เวินเที๋ยนเที๋ยนที่พึ่งร้องไห้มาเสียงของเธอเลยเหมือนคัดจมูก มันมีผลต่อการอ้อนจี้จิ่งเชินมาก
“งั้นต่อไปนี้ผมจะไม่ดุคุณแล้ว เพื่อเป็นการตอบแทนคุณดีไหม?” จี้จิ่งเชินให้ข้อเสนอออกไป
“คุณพูดแล้วนะ ฉันจะจำไว้”
เวินเที่ยนเที๋ยนคิดไปคิดมาอยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงพูดเสริมต่อ “แล้วก็ห้ามดุลูกด้วย”
“ครับ คุณภรรยาว่ายังไงผมก็ว่าตามนั้น” เขามองเธอด้วยสายตาหวานหยาดเยิ้ม
เวินเที๋ยนเที๋ยนดีใจมาก เธอเลยจุ๊บลงไปที่คางเขาเบาๆ “ยังเจ็บอยู่ไหม?”
“ไม่เจ็บแล้ว มันได้ผลดีมาก”
“ฮ่าฮ่า” เวินเที๋ยนเที๋ยนรู้สึกภูมิใจ
“แต่ว่ามันขึ้นไปเจ็บที่หน้าผากแล้ว” พูดไปเขาก็ยื่นหน้าผากเข้าไปใกล้ปากของเวินเที๋ยนเที๋ยน
แม้จะรู้ว่าเขาแกล้งทำ แต่เวินเที๋ยนเที๋ยนก็เต็มใจที่จะเล่นกับเขา
เธอยิ้มขึ้นแล้วยื่นหน้าไปใกล้ๆจากนั้นก็จุ๊บลงที่หน้าผากของจี้จิ่งเชิน
จี้จิ่งเชินยังคงรู้สึกว่ามันไม่พอ
“คราวนี้น่าจะเจ็บที่ปาก”
เวินเที๋ยนเที๋ยนโน้มตัวไปข้างหน้าอีก เธอคิดว่าจะจุ๊บแป๊บเดียวแล้วผละออก แต่จี้จิ่งเชินไม่ได้คิดอย่างนั้น
มาถึงปากแล้วเรื่องอะไรเขาจะปล่อยไปง่ายๆล่ะ?
เขาใช้มือทั้งสองข้างประคองหน้าเวินเที๋ยนเที๋ยนไว้ แล้วก็จูบเธอ
ผมขอสัญญาต่อหน้าแสงจันทร์ที่สุกสว่างนี้ว่าผมจะรักเธอตลอดไป
เช้าวันรุ่งขึ้น
เมื่อเวินเที๋ยนเที๋ยนเที๋ยนตื่นเธอก็แทบรอไม่ไหวที่จะได้ไปเจอลูก เนื่องจากในฝันเมื่อวานมันน่าเศร้าเกินไป เธอเลยเอาแต่กังวลอยู่ตลอด
จี้จิ่งเชินไม่ได้ห้ามเธอ เพราะเขารู้ว่าห้ามเธอไม่ได้อยู่แล้ว
เพียงแค่เวินเที๋ยนเที๋ยนเรียกเขาว่า“พี่จิ่ง” พร้อมกับทำน้ำตาคลอมองมา เขาก็ยอมแพ้ทันที
เธอคือจุดอ่อนของเขา
ทั้งสองมาถึงด้านนอกห้องดูแลเด็กอ่อนแล้ว พวกเขาทำได้แต่มองผ่านกระจก เพราะนี่คือสิ่งที่ทำได้มากที่สุด
เพื่อความปลอดภัยของลูก
“ทำไมลูกยังไม่ฟื้นอีก?” เวินเที่ยนเที๋ยนถาม
“นี่พึ่งวันที่สองเอง ให้เขานอนพักอีกหน่อยเถอะ” จี้จิ่งเชินตอบ
“ก็จริง นอนเยอะๆจะได้โตเร็วๆ”
หลังจากนั้นอีกสองสามวัน เวินเที๋ยนก็มักจะมาเฝ้าดูลูกอยู่ห่างๆที่หน้าห้องดูแลเด็กอ่อน
เธอมองอย่างละเอียด จ้องตาไม่กระพริบ แต่ก็ยังไม่เห็นลูกขยับเลยแม้แต่นิดเดียว
มันเหมือนกับในฝันที่เขานอนนิ่งไม่ขยับในมือของเธอเลย
เวินเที๋ยนเที๋ยนร้อนใจ เธอคว้าแขนเสื้อของจี้จิ่งเชินไว้แล้วบอกให้เขาพาเธอไปหาคุณหมอ
ที่จริงจี้จิ่งเชินไปคุยกับคุณหมอมาตั้งนานแล้ว ซึ่งคุณหมอก็บอกว่าเนื่องจากเด็กพึ่งผ่านการผ่าตัดมา แถมร่างกายยังอ่อนแออีก ตอนนี้ก็เลยยังไม่ฟื้น
“เที๋ยนเที๋ยน พวกเรารออีกหน่อยนะ บางทีพรุ่งนี้เขาอาจจะตื่นก็ได้” ไม่มีความมั่นใจใดๆอยู่ประโยคนี้เลย เพราะงั้นมันจึงไม่อาจโน้มน้าวใจให้ใครให้เชื่อได้
“พรุ่งนี้ พรุ่งนี้เขาจะต้องตื่นแน่” จี้จิ่งจิ่งเชินพูดปลอบต่อไป
หลังจากพูดว่าพรุ่งนี้ซ้ำไปเรื่อยๆ มันก็ผ่านไปหลายสิบวันนับตั้งแต่วันผ่าตัดมาแล้ว แต่ลูกก็ยังไม่ฟื้นขึ้นมา
“จิ่งเชิน คุณพาฉันไปหาคุณหมอหน่อยได้ไหม?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนขอร้อง เธอกลัวว่าสิ่งที่เธอฝันจะเป็นจริง เธอต้องการยืนยันมันด้วยตัวเอง
“คุณหมอ ทำไมลูกของพวกเราถึงยังไม่ฟื้นคะ?” เมื่อมาถึงห้องทำงานของคุณหมอ เวินเที๋ยนเที๋ยนก็ยิงคำถามเข้าประเด็นทันที
“เรื่องนี้ทางเราไม่สามารถคาดเดาได้ครับ แต่ถ้าดูจากตัวชี้วัดต่างๆ ดูเหมือนว่าเขากำลังอยู่ในช่วงฟื้นตัว แต่ก็ไม่รู้ว่าจะตื่นขึ้นมาเมื่อไหร่ บางทีอาจจะไม่อีกกี่วัน หรืออาจจะเป็นเดือน หรืออาจจะเป็นปีเลยก็ว่าได้”
คุณหมอพูดบอกผลที่เลวร้ายที่สุด
“จิ่งเชิน” เวินเที๋ยนเที๋ยนจับมือจี้จิ่งเชินไว้แน่น เพื่อหวังว่าจะได้รับพลังจากเขา
“คุณหมอคะ ถ้างันฉันขอเข้าไปดูเขาได้ไหม?”
เมื่อเห็นสายตาที่เต็มไปด้วยความหวังของคนเป็นแม่ คุณหมอก็บอกปฏิเสธไม่ลง
พอได้รับอนุญาตจากคุณหมอแล้ว ในที่สุดจี้จิ่งเชินก็ยอมตกลงตามคำขอของเวินเที๋ยนเที๋ยน
ถ้าเกิดว่าสถานการณ์มันแย่อย่างที่หมอบอก ไม่แน่เด็กคนนี้อาจจะต้องนอนหลับยาวไปอีกนานเลยก็ได้
“ลูกจ๋า แม่มาเยี่ยมหนูแล้ว”
เวินเที๋ยนเที๋ยนเอาหน้าผากวางแนบกับตู้อบ แล้วมองไปที่หนูน้อย บนร่างกายของเขามีท่อโยงไปมาเต็มไปหมด มีไออากาศบางๆปรากฏในหน้ากากที่ครอบบนหน้าเขาอยู่ นั่นแสดงว่าเขายังมีชีวิต
“ลูกจ๋า รีบตื่นขึ้นมาเถอะนะ……”
เวินเที๋ยนเที๋ยนยังพูดเสริมขึ้นอีก
“พี่จิ่ง รีบเรียกเขาเร็ว ครั้งที่แล้วเพราะคุณเรียกเขา เขาถึงได้ลืมตาขึ้นมานิดหน่อย ไม่แน่ครั้งนี้……”
คำพูดประโยคหลังถูกกลืนกลับเข้าไป
จี้จิ่งเชินที่อยู่อีกด้านของตู้อบ เขามองสิ่งมีชีวิตตัวน้อยที่อยู่ตรงหน้า เขากลัวว่าตัวเองจะทำหนูน้อยตกใจตื่น ก็เลยพูดออกไปเบาๆ “ลูกจ๋า รีบลืมตาขึ้นมาดูพ่อกับแม่นะ”
“เป็นเด็กดีนะ” เวินเที๋ยนเที๋ยนก็พูดกระซิบเสริมอยู่ข้างๆ
ทว่าหนูน้อยในตู้อบกลับไม่มีวี่แววว่าจะขยับเลยแม้แต่น้อย
เวินเที๋ยนเที๋ยนข่มตาลงด้วยความเจ็บปวด น้ำตาเริ่มรินไหลออกมา แล้วหยดลงบนกระจกใสของตู้อบ
ทีละหยดทีละหยด จากนั้นภาพตรงหน้าของเวินเที๋ยนเที๋ยนก็พร่ามัวไปหมด
เธอรู้สึกว่าความฝันมันจะกลายเป็นจริงแล้ว มันคือฝันร้าย
จี้จิ่งเชินยื่นมือมาลูบหัวเธอเบาๆ
ทันใดนั้นเอง จี้จิ่งเชินก็เห็นว่าเปลือกตาของหนูน้อยที่อยู่ในตู้อบขยับ
“เที๋ยนเที๋ยน คุณดูสิ เขาขยับแล้ว”
“ไหน?”
เมื่อเวินเที๋ยนเที๋ยนได้ยินที่จี้จิ่งเชินพูดเธอก็รู้สึกดีใจขึ้นมา เธอมองหาว่าหนูน้อยขยับตรงไหนทั้งๆที่ใบหน้าเปรอะไปด้วยคราบน้ำตา
“เมื่อกี้ตาของเขาขยับแล้ว” จี้จิ่งเชินดีใจเป็นบ้าเป็นหลัง
เวินเที๋ยนเที๋ยนจ้องไปที่ตาของเขา ทว่ามันแทบไม่กระดิกเลย