เมียหวานของประธานเย็นชา - บทที่ 926 พวกเขาจะมีความสุขใช่ไหม?
บทที่ 926 พวกเขาจะมีความสุขใช่ไหม?
งานแต่งงานเริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ
ตอนที่หลวนจื่อในชุดแต่งงานเดินเข้าโบสถ์มา ทุกคนต่างก็เงียบเสียงลง
เป็นงานแต่งงานเล็กๆ ที่ไม่มีนักข่าว มีแค่เพื่อนสนิทและคุณพ่อคุณแม่
เป็นการตัดสินใจของหลวนจื่อกับหมินอันเกอหลังจากที่ได้ปรึกษากันแล้ว
ทั้งสองคนอยู่หน้ากล้องตลอดเวลา เป็นที่สนใจของทุกคน ครั้งนี้จึงต้องการให้เป็นงานเพื่อตัวเอง
หมินอันเกอที่ยืนอยู่จุดสิ้นสุดของพรมแดงหันกลับมา
สูทสีขาวที่พอเหมาะพอดีตัว หมินอันเกอตรงหน้าเทียบกับรูปลักษณ์แฟนหนุ่มที่สมบูรณ์แบบเมื่อหลายปีก่อน เปลี่ยนเป็นนิ่งสงบมากยิ่งขึ้น แต่ยังคงหล่อเหลาไม่ธรรมดาเหมือนเดิม
ตั้งแต่เดินเข้ามา ใบหน้าหลวนจื่อก็เต็มไปด้วยรอยยิ้ม
ตั้งแต่ที่เจอหมินอันเกอเป็นครั้งแรก เธอก็รอคอยวันนี้มาตลอด
เธอคิดว่ามันจะไม่มีวันเป็นจริงได้ แต่คิดไม่ถึงว่าจะมีวันที่ได้เดินเข้าโบถส์จริงๆ
พ่อหลวนคล้องแขนเธอเดินไปข้างหน้า
เมื่อเดินมาได้ครึ่งทาง หลวนจื่อกลับหยุดชะงักลง
ขณะที่ทุกคนกำลังงงงวย อยู่ๆ ก็ยกมือขึ้นมาหยิกหน้าของตัวเอง
“เจ็บจัง!”
“ที่แท้ก็ไม่ได้ฝันไป”
ทุกคนได้ยินดังนั้นก็หัวเราะออกมาทันที
ทั้งโบสถ์เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ
เมื่อยืนยันแล้วว่าไม่ใช่ความฝัน หลวนจื่อก็เร่งความเร็วขึ้น แทบจะสลัดพ่อของตัวเองแล้วพุ่งเข้าไป
พ่อหลวนเห็นดังนั้น ในใจก็ทั้งโกรธทั้งดีใจ จึงได้แต่เดินหลบออกมาก่อน
ภายในโบสถ์ หลังจากนักบวชถามคำกล่าวสาบานเสร็จแล้ว เงาร่างเล็กๆ ก็ปรากฏขึ้นที่อีกด้านหนึ่งของพรมแดง
เป็นโดว์โดว์นั่นเอง
บนตัวสวมชุดกระโปรงสีขาว บนศีรษะสวมที่คาดผมที่มีดอกไม้สดสองดอกติดอยู่
แม้ว่าเธอจะอยู่ในรถเข็นเด็ก แต่รูปลักษณ์ที่สวยงามก็เพียงพอที่จะดึงดูดสายตาได้แล้ว
เมื่อปรากฏตัว ก็ไม่ประหม่าแม้แต่น้อย ส่งยิ้มให้ผู้คนที่รอบๆ
สองหนุ่มลูกพี่ลูกน้องของหลวนจื่อเข็นรถเข็นเด็กไปด้านหน้า
เมื่อเห็นคุณพ่อคุณแม่ยืนอยู่ที่อีกฝั่งของพรมแดง โดว์โดว์ก็ยิ่งยิ้มกว้าง ยื่นมือออกไปแล้วส่งเสียงอ้อแอ้
เมื่อมาถึงตรงหน้า หลวนจื่อก็อุ้มขึ้นมาอย่างรอต่อไปไม่ไหว
หมินอันเกอแกะกล่องเล็กๆ ที่ผูกติดกับข้อมือของโดว์โดว์ หยิบแหวนข้างในออกมา แล้วสวมให้หลวนจื่อ
มองทั้งสองคนยืนอยู่ด้วยกันและโดว์โดว์ที่ยิ้มอยู่ตรงกลางระหว่างทั้งสองคนแล้ว เวินเที๋ยนเที๋ยนก็อดไม่ได้ที่จะน้ำตาซึม
หลวนจื่อเป็นผู้หญิงที่ดี หมินอันเกอเองในที่สุดก็หาความสุขที่เป็นของตัวเองเจอแล้ว
“พี่จิ่ง พวกเขาจะมีความสุขใช่ไหม”
เวินเที๋ยนเที๋ยนพิงศีรษะลงบนไหล่ของจี้จิ่งเชิน จี้หยู๋ชิงนั่งอยู่ในอ้อมแขนอย่างเรียบร้อย บนตัวสวมชุดสูทที่ตัดเย็บอย่างประณีต ผมไฟบนศีรษะม้วนหยิก ตาปรืออย่างง่วงงุนเล็กน้อย
“อืม แน่นอน”
แขกในงานลุกขึ้นยืน แล้วปรบมือ
“พวกเราเองก็เหมือนกัน”
จี้จิ่งเชินเอ่ยเสริมเสียงเบา ท่ามกลางเสียงปรบมือ
พิธีแต่งงานจบลงแล้ว หลวนจื่อกับหมินอันเกอก็พาลูกบินไปฮันนีมูนที่ต่างประเทศ
เดิมเวินเที๋ยนเที๋ยนอยากกลับไปที่บริษัท กลับถูกจี้จิ่งเชินทิ้งให้พักฟื้นอยู่ที่ปราสาทเก่า
เรื่องคราวก่อนทำให้เขายังคงหวาดกลัวอยู่ ตัดสินใจแล้วว่าต้องฟื้นฟูร่างกายให้ดีขึ้น
เวินเที๋ยนเที๋ยนค้นคว้าอาหารสูตรใหม่ทุกวันเพื่อปรุงให้จี้จิ่งเชิน หรือขอให้แม่ครัวแนะนำความรู้เรื่องการเลี้ยงดูต่างๆ
จี้หยู๋ชิงเป็นเด็กดีมาก ไม่ร้องไม่งอแง ทำให้คนรู้สึกถึงความสุขเล็กๆ น้อยๆ
“พี่จิ่ง วันนี้เสี่ยวชิงชิงคลานได้แล้ว”
“พี่จิ่ง เสี่ยวชิงชิงคิดถึงแล้ว”
“พี่จิ่ง วันนี้ชิงชิงหัวเราะไปแล้วสองครั้ง”
อีกฝากหนึ่งของวิดีโอนั้นจี้จิ่งเชินยิ้มออกมาอย่างช่วยไม่ได้ หลายวันก่อนเป็นต้นมา เวินเที๋ยนเที๋ยนจะรายงานพัฒนาการล่าสุดของจี้หยู๋ชิงให้เขาฟัง ความคิดทุกอย่างล้วนฝากไว้บนตัวเขา
แม้แต่เขาเองก็ยังรู้สึกหึงหวงเล็กน้อย
“เที๋ยนเที๋ยน……” เขาเรียกอย่างจนใจ
เวินเที๋ยนเที๋ยนถูกจี้หยู๋ชิงเติมเต็มไปทั้งหัวใจนานแล้ว
เอ่ยอย่างเป็นกังวล “ชิงชิงเองก็เคร่งขรึมเกินไปแล้ว ยิ้มน้อยมากแต่ก็ร้องไห้น้อยเหมือนกัน นี่เป็นข้อดีใหญ่ๆ”
“คุณไม่รู้หรอกว่าเขาฉลาดแค่ไหน ทุกครั้งที่ต้องการจะซู่ซู่หรือตอบรับ ก็จะส่งเสียงอ้อแอ้ นี่ถ่ายทอดมาจากคุณใช่ไหม?”
จี้จิ่งเชินนึกถึงคำพูดที่หมอเคยบอกก่อนหน้านี้
“ไม่ต้องเป็นห่วง พวกเราตรวจร่างกายให้เขาแล้ว ไม่เป็นอะไรหรอก”
“อืม”
เวินเที๋ยนเที๋ยนพยักหน้า แต่ก็ยังติดตามดูอาการของลูกอย่างละเอียด
วันหนึ่ง
จงหลีที่อยู่ข้างโต๊ะทำงานของจี้จิ่งเชิน กำลังรายงานให้กับจี้จิ่งเชิน ก็ถูกขัดขวางโดยวิดีโอคอลของเวินเที๋ยนเที๋ยน
ประธานจี้ที่ยึดหลักการมาโดยตลอด ตอนนี้แค่เวินเที๋ยนเที๋ยนโทรมาหรือส่งวิดีโอมา ไม่ว่าจะประชุมหรือเซ็นเอกสารอยู่ จะมีคนอยู่ด้วยมากน้อยแค่ไหน ก็จะรับสายตามอำเภอใจทันที
คนอื่นๆ ก็รู้ตัวว่าควรทำเป็นมองไม่เห็น
จี้จิ่งเชินเป็นแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน อารมณ์ดีทุกวัน ประสิทธิภาพการทำงานก็สูงขึ้นอย่างผิดปกติ ได้รับคำสั่งซื้อมูลค่าหลายล้านในคราวเดียว คณะกรรมการผู้ถือหุ้นก็ย่อมพึงพอใจ
ในหน้าจอปรากฏใบหน้าเล็กๆ ของจี้หยู๋ชิง หลังจากมองหน้าจอแล้วเขาก็หันหลัง แล้วใช้มือและเท้าคลานจากไป
เหลือไว้ให้จี้จิ่งเชินแค่ภาพแผ่นหลังและก้นกลมๆ ที่ปรากฏออกมา
จงหลีหลุดเสียงหัวเราะออกมา
จี้จิ่งเชินเหล่ตามองเขา ชี้ไปที่เอกสารบนโต๊ะที่จงหลีพึ่งทำเสร็จ แล้วเอ่ยขึ้นมาสองคำโดยไร้เสียง “ทำใหม่”
จงหลีขานรับหนึ่งคำ “ครับ”
จี้จิ่งเชินพยักพเยิดหน้าไปทางประตูสองครั้ง จงหลีจึงเดินคอตกออกไป
แต่จี้จิ่งเชินในห้องทำงาน ยังคงพูดคุยกับเวินเที๋ยนเที๋ยนเรื่องแผนการเลี้ยงดูต่อไป
หล่อนหลีกับเวินหงหยู้เดินเข้าประตูมา วางกระเป๋าใบใหญ่ใบเล็กลง ไม่ต้องดูก็รู้ว่าต้องเป็นของให้หลานชายสุดที่รักของพวกเขา
เมื่อมีเวลาว่างทั้งสองก็ไปซื้อของอย่างบ้าคลั่งทันที อยากจะเตรียมของทั้งหมดที่หยู๋ชิงต้องการไว้ให้ไปชั่วชีวิต
“คุณแม่ พวกท่านพักก่อนเถอะ เยอะขนาดนี้ เขาใช้ไม่หมดหรอก”
เวินเที๋ยนเที๋ยนเทชาสองแก้วให้หล่อนหลีกับเวินหงหยู้
หล่อนหลีเอ่ย “แม่ก็ไม่รู้ว่าเขาชอบอะไร เลยซื้อมาให้ลองหมดนั่นแหละ”
ในถุงขนาดใหญ่นั้นล้วนเป็นของเล่นเด็ก
เวินหงหยู้หยิบเอารถไฟขนาดเล็กขึ้นมาไขลาน แล้ววางลงข้างๆ จี้หยู๋ชิง
ปู๊นๆ
รถไฟขบวนเล็กวิ่งไปรอบๆ จี้หยู๋ชิง และยังมีคนตัวเล็กโบกธงเล็กๆ อยู่บนหลังคา
จี้หยู๋ชิงจ้องรถไฟขบวนเล็ก นัยน์ตาหมุนตามรถ แต่ก็ไม่ยิ้ม
ท่าทางสนใจมากแท้ๆ แต่สีหน้ากับเคร่งขรึมเป็นอย่างมาก
เวินเที๋ยนเที๋ยนเองก็เข้าใจนิสัยของเขาคร่าวๆ ไม่ชอบยิ้ม และร้องไห้งอแงน้อยมาก
มักจะกะพริบตากลมโตนั้นมองไปรอบๆ
“ฉันบอกแล้วว่าเขาไม่ชอบอันนั้น” หล่อนหลีพูดพลางใช้มือควานหาของในถุงไม่หยุด
ไม่นานก็หยิบเอาหนังสือภาพเล่มเล็กขึ้นมา ด้านบนใช้ภาพสีสดใสถ่ายทอดนิทานเป็นเรื่องๆ ไป
“หลานชายของฉันต้องชอบแน่นอน”
หล่อนหลีหยิบสมุดภาพนั้นมานั่งลงข้างๆ จี้หยู๋ชิง เปิดไปที่หน้าแรกแล้วชี้ไปที่ที่หนึ่งในภาพเอ่ย
“หยู๋ชิง หนูดูสินี่เจ้าเป็ดน้อย นี่คือเจ้าหมาน้อย”
ความสนใจของจี้หยู๋ชิงถูกสมุดภาพเล่มเล็กดึงดูดไปจริงๆ ยื่นมือออกไปจับ แล้วเลียนแบบท่าทางของหลี ชี้ไปที่หนังสือ ส่งเสียงอ้อแอ้ในปาก