เมียหวานของประธานเย็นชา - บทที่ 941 คุณภรรยาของผม
เมื่อตัดสินใจเริ่มทำงาน เวินเที๋ยนเที๋ยนก็ทุ่มเททั้งกายใจซ่อมแซมเครื่องเคลือบสีดำนั้นอย่างรวดเร็ว
หลังจากพ่อบ้านและแม่ครัวรู้เรื่องนี้แล้ว ก็แทบจะยกมือยกเท้าทั้งสองข้างเห็นด้วย
ทั้งสองคนถูกความน่ารักของคุณชายน้อยจี้หยู๋ชิงดึงดูดเข้าเสียแล้ว แทบอยากที่จะดูแลเขาด้วยตนเอง
ตอนเวินเที๋ยนเที๋ยนอยู่ เธอเป็นคนดูแลด้วยตัวเองทั้งหมด หลายคนจึงทำได้แค่มองเฉยๆ
ตอนนี้ทันทีที่เวินเที๋ยนเที๋ยนไปทำงาน หน้าที่ที่ต้องดูแลจี้หยู๋ชิงก็ตกไปที่พวกเขาแล้ว
ทุกคนมีความสุขมาก รับปากอย่างเต็มอกเต็มใจ
จี้จิ่งเชินเป็นกังวลอยู่เรื่องเดียวคือสุขภาพของเวินเที๋ยนเที๋ยน
เขาตั้งนาฬิกาปลุกไว้โดยเฉพาะ หนึ่งวันก่อนหน้านั้นก็เอานาฬิกาปลุกไปซ่อนในที่ที่หนึ่งของห้องหนังสือ เมื่อถึงเวลาทานข้าวก็จะดังไม่หยุด ทุกครั้งเวินเที๋ยนเที๋ยนต้องหาอยู่นานถึงจะปิดนาฬิกาปลุกได้
ถึงอย่างไรก็ไม่ลืมที่จะทานข้าวแน่นอน
“ยังไม่เสร็จ?”
จี้จิ่งเชินมองเวินเที๋ยนเที๋ยนที่นั่งหลังค่อมก้มหน้าก้มตาทำงาน
พ่อบ้านรับจี้หยู๋ชิงที่เลิกเรียนกลับมาแล้ว จี้จิ่งเชินก็เลิกงานแล้ว แต่เวินเที๋ยนเที๋ยนยังคงตั้งหน้าตั้งตาทำงาน
“ใกล้แล้วๆ”
จี้จิ่งเชินไม่ได้ว่าอะไรที่ฝีมือของเวินเที๋ยนเที๋ยนซ่อมแซมได้ช้า เขาเองก็รู้ว่าวัตถุโบราณล้ำค่านั้นไม่ใช่ว่าจะได้มาง่ายๆ ถ้าไม่ระวังก็อาจจะกลับตาลปัตรได้
เขาคิดว่างานประเภทนี้เปลืองเวลาและเปลืองแรงเกินไป
“ทำไมท่านเปิงถึงเลือกของที่ยากขนาดนี้ให้คุณ? คุณไม่ได้สัมผัสมันมานานแล้ว ไม่ใช่ว่าต้องค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไปเหรอ?” จี้จิ่งเชินเอ่ย
เรียกเวินเที๋ยนเที๋ยนไปสอนเป็นระยะๆ ก็ช่างเถอะ แม้กระทั่งกลับมาแล้วก็ยังแย่งเวลาของเธอ
ท่านเปิงที่กำลังนั่งดื่มชาต้าหงเผาอยู่ที่บ้านจามออกมาหนึ่งที ถูจมูกไปมาแล้วพูดอย่างกังขา
“ใครกำลังด่าผม?”
เพียงแค่พูดออกมาเท่านั้นไม่ได้เอามาใส่ใจ แล้วก้มหน้าชิมชาหายากอย่างชาต้าหงเผาต่อ
เป็นใบชาที่เด็ดมาจากต้นของต้าหงเผา มีผลผลิตต่อปีเพียงแค่ประมาณสามร้อยกรัมเท่านั้น
คราวนี้ถ้าไม่ใช่ท่านจางไปเที่ยวกลับมาแล้วนำมาให้เพียงหนึ่งร้อยกรัม เขาก็คงยังไม่ได้ลิ้มรส
ท่านเปิงก็หัวเราะออกมาเสียงดังให้กับท่าทางขี้เหนียวของท่านจาง
เวินเที๋ยนเที๋ยนได้ยินคำพูดของจี้จิ่งเชิน ก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ย “ท่านเปิงคิดเพื่อฉัน อีกอย่างก่อนหน้านี้ฉันเองก็ไม่ใช่ว่าไม่แตะเลย ติดต่อกันเป็นระยะๆ ของแค่นี้ไม่ใช่ปัญหา ท่านเปิงคิดมาดีแล้ว”
“ผมเป็นห่วงคุณ”
จี้จิ่งเชินยืนอยู่ข้างหลังเวินเที๋ยนเที๋ยน โน้มตัวลงกอดเธอ
“ถ้าคุณพ่อคุณแม่รู้ว่าคุณลำบากขนาดนี้ จนกระทั่งลืมดูแลสุขภาพตนเอง ต้องเป็นห่วงแค่ไหน ถ้ายังไม่ฟังอีกล่ะก็ ผมจะเชิญพวกเขาออกมาจากเขาแล้ว”
เวินเที๋ยนเที๋ยนที่ไม่เชื่อว่าเขาจะฟ้องจริงๆ เหลือบมองเขาแล้วก้มหน้าทำงานต่อ
กะว่าทำพวกนี้เสร็จแล้วค่อยพัก
จี้จิ่งเชินชูหน้าจอโทรศัพท์สว่างๆ ไปตรงเวินเที๋ยนเที๋ยน ชี้ไปที่ ‘เวินหงหยู้’ สามคำนี้ แล้วก็กดโทรออกไปจริงๆ
เวินเที๋ยนเที๋ยนตกใจทันที เข้าไปแย่งโทรศัพท์โดยไม่สนใจที่จะถอดถุงมือ
แต่ไม่ว่าจะทำอย่างไรจี้จิ่งเชินที่รูปร่างสูงใหญ่ แค่ยกมือขึ้นเล็กน้อย เวินเที๋ยนเที๋ยนก็ทำอะไรไม่ได้แล้ว
ที่ยิ่งน่าโมโหคือ จี้จิ่งเชินยังจงใจเปิดลำโพง เสียง ‘ตู๊ดๆ’ ดังก้องไปทั่วห้องหนังสือ
เวินเที๋ยนเที๋ยนโกรธจนกระทืบเท้า ราวกับตัวขี้เกียจที่เกาะอยู่บนตัวจี้จิ่งเชิน จะต้องตัดสายก่อนที่เวินหงหยู้จะรับโทรศัพท์
“จิ่งเชิน มีเรื่องอะไร?”
ทันใดนั้นเสียงของเวินหงหยู้ก็ดังออกมาจากโทรศัพท์
รับสายแล้ว
จี้จิ่งเชินยิ้มให้เวินเที๋ยนเที๋ยนอย่างลำพองใจ เวินเที๋ยนเที๋ยนฟังอย่างตึงเครียด ไม่กล้าที่จะหายใจเสียงดัง
“คุณพ่อ ไม่มีเรื่องอะไรครับ ผมแค่อยากถามว่าช่วงนี้สุขภาพพวกท่านสบายดีกันใช่ไหม?”
เวินหงหยู้ประหลาดใจเล็กน้อยกับสายที่โทรเข้ามากะทันหัน
แต่ก็ตอบ “สบายดี พวกเธอเป็นอย่างไรกันบ้าง? เสี่ยวหยู๋ชิงล่ะ?”
“กำลังนอนกลางวัน เพียงแต่ว่าเวินเที๋ยนเที๋ยน……”
จี้จิ่งเชินลากเสียงยาว มองเวินเที๋ยนเที๋ยน
เวินเที๋ยนเที๋ยนโกรธจนตีขึ้นมาที่ลำคอ
ถ้าหากเวินหงหยู้รู้ว่าเธอทำงานไม่กินไม่นอน คงไม่รีบมาสั่งสอนเธออย่างรวดเร็วหรอกเหรอ?
เวินหงหยู้ได้ยินประโยคนี้ก็กังวลขึ้นมาทันที
สภาพของเวินเที๋ยนเที๋ยนที่อยู่โรงพยาบาลก่อนหน้านี้ ยังคงชัดเจนในสายตาพวกเขา แบะยังคงรู้สึกหวาดกลัวอยู่เป็นบางครั้ง
“เที๋ยนเที๋ยนเป็นอะไร? คงไม่ได้อาการกำเริบอีกใช่ไหม?”
จี้จิ่งเชินมองไปทางเวินเที๋ยนเที๋ยน
เวินเที๋ยนเที๋ยนรีบยกมือขึ้น เอ่ยรับประกันเสียงเบา “ต่อไปฉันจะใส่ใจการพักผ่อนทานข้าว ไม่เป็นแบบนี้อีกแล้ว อย่าบอกพวกท่าน”
จี้จิ่งเชินได้ยินดังนั้น กลับยังไม่พอใจ
เขายกมือขึ้นแตะริมฝีปากของตัวเอง
เวินเที๋ยนเที๋ยนเข้าใจได้อย่างรวดเร็ว รีบก้าวเข้าจูบลงบนริมฝีปากของเขา
จี้จิ่งเชินจึงเอ่ย “คือเธอคิดถึงพวกคุณมาก คราวก่อนมาแค่สองวันก็รีบกลับไปแล้ว สุขภาพพวกคุณไม่เป็นไรใช่ไหม?”
เมื่อเดือนก่อนหล่อนหลีกับเวินหงหยู้มาพักที่ปราสาทเก่าอยู่สองวัน
มาอย่างรีบเร่งและไปอย่างรีบร้อน ไม่ทันได้คุยกับพวกเขา
เวินหงหยู้มองหล่อนหลีที่นั่งอยู่ข้างๆ เพิ่มเบาะรองข้างหลังให้เธออีกหนึ่งใบ จึงเอ่ยขึ้น
“ไม่เป็นไรๆ พวกเธอสบายดีก็ดีแล้ว”
หลังจากวางสายแล้ว หล่อนหลีมองเขาด้วยสีหน้าเต็มไปด้วยความกังวล
“มีอะไร? คงไม่เกิดเรื่องอะไรหรอกใช่ไม่?”
ชีวิตประจำวันที่บ้านพักตากอากาศทั้งสบายใจและมีความสุข โรคกล้ามเนื้อหัวใจตายของหล่อนหลีไม่ได้กำเริบมานานแล้ว ดูแลดอกไม้ ตกปลากับเวินหงหยู้ในทุกวันๆ อย่างสบายอกสบายใจ
บ้านพักตากอากาศอีกแห่งหนึ่งในเขาเดียวกันก็เป็นสมบัติของตระกูลหล่อนที่ผู้อาวุโสของตระกูลหล่อนอาศัยอยู่ หนึ่งในนั้นก็คือหล่อนเหลือย
ตอนนี้หัวหน้าตระกูลหล่อนที่ตอนนั้นคอยวิพากษ์วิจารณ์ได้ถอยไปแล้ว ให้คนหนุ่มสาวรุ่นใหม่จัดการแทน
ช่วงเวลาเรืองรองล้วนต้องจืดจางลง คนเก่งแค่ไหน เมื่อแก่ตัวไปก็เป็นเพียงแค่คนเหงาโดดเดี่ยวก็เท่านั้น
ถ้าหากไม่มีความรัก คงได้แต่อยู่กับเงาของตัวเอง ใช้ชีวิตเหมือนไม้ผุๆ
เวินหงหยู้นั่งอยู่ข้างกายเธอ จูบลงบนใบหน้าของหล่อนหลี
“คุณสบายใจเถอะ ทุกอย่างเรียบร้อยดี”
หล่อนหลีถึงจะวางใจ
หลังจากอายุสี่สิบปี ในที่สุดเธอก็สามารถใช้ชีวิตอย่างมีความสุขได้แล้ว
ในปราสาทเก่า
ทันทีที่วางสายโทรศัพท์
“จี้จิ่งเชิน! คุณมันร้ายเกินไปแล้ว!”
เวินเที๋ยนเที๋ยนมือสองข้างเท้าสะเอวมองจี้จิ่งเชินที่นั่งอยู่บนโซฟา
ช่วงนี้ยิ่งถูกจี้จิ่งเชินกำราบมากขึ้นเรื่อยๆ อะไรนิดหน่อยก็ยกเรื่องฟ้องมาเบล็คเมล์เธอ
“เสียที่ไหนกัน? คุณภรรยาของผม?”
จี้จิ่งเชินเอ่ยติดตลก
เมื่อครู่ยั่วโมโหจนเวินเที๋ยนเที๋ยนกระทืบเท้า ตอนนี้ยังเริ่มเรียกเสียสนิทสนมเสียขนาดนี้แล้ว
“จี้จิ่งเชิน”
เวินเที๋ยนเที๋ยนได้ยินที่เขาเรียก ‘คุณภรรยา’ ก็ขนลุกขนชันทันที
“ครับ คุณภรรยา”
ท่าทางนอบน้อมของจี้จิ่งเชิน เหลือแค่คุกเข่าข้างหนึ่งแล้วยกมือขวาทาบอกแล้ว
“ไปกล่อมหยู๋ชิงนอน”
เวินเที๋ยนเที๋ยนคิดวิธีลงโทษอย่างอื่นไม่ออกแล้วจริงๆ หน้าที่เพียงอย่างเดียวที่ต้องทำในทุกวัน ที่ดูท่าแล้วจี้จิ่งเชินนั้นไม่ค่อยชอบเท่าไหร่
ไม่ใช่เพราะไม่ชอบสื่อสารกับจี้หยู๋ชิง
แต่เป็นเพราะหน้าที่นี้ระดับความยากสูง แน่นอนว่าสำหรับจี้จิ่งเชิน
ลักษณะคล้ายกัน นิสัยก็คล้ายกัน และจี้หยู๋ชิงไม่ตระหนักแม้แต่น้อยว่าตนเองเป็นเพียงเด็กน้อย แม้กระทั่งทำเป็นไร้เดียงสายังขี้เกียจ