เมียหวานของประธานเย็นชา - บทที่1015 เป็นโอกาสที่ดีที่สุด!
หมินอันเกอพยายามเดินออกมาจากฝูงคนเพื่อออกไปข้างนอก
“หลวนจื่อ คุณจับฉันไว้ให้แน่นนะ……”
ยังไม่ทันพูดจบ ฝูงคนก็ทำให้พวกเขาสองคนแยกจากกัน มือที่ทั้งสองคนจูงไว้แน่นก็ค่อยๆปล่อยออกมา
“หลวนจื่อ!”
เขาตะโกนออกมาและหันไปมอง ฝูงคนบังสายตาของเขาไปหมด รู้สึกได้แค่ว่าหลวนจื่อยิ่งอยู่ยิ่งห่างกับตัวเอง
“รบกวนขอทางหน่อยครับ ขอทางหน่อยครับ!”
“วันนี้ผมไม่เซ็นลายเซ็นและไม่มีงาน ผมยังมีธุระอีก ขอทางหน่อยครับ!”
เสียงที่ดังขึ้นเรื่อยๆของหมินอันเกอ แต่แฟนคลับที่บ้าคลั่งกลับไม่ได้ยินเสียงของเขาเลย
ฝูงคนปกคลุมเขาไปหมด
หมินอันเกอจำใจ เพราะถ้าคนพวกนี้ได้ถ่ายรูปหรือได้ลายเซ็นก็จะไม่มีทางไปง่ายๆแน่
เขาเลยพูดออกไป “ทุกคนต่อแถวครับ มาทีละคนได้ลายเซ็นหมดครับ”
ทีแรกหลวนจื่อยังมึนงงที่โดนหมินอันเกอจูงมือไว้ แต่ว่าโดนแฟนคลับรอบตัวเบียดออกมาพอตั้งตัวได้อีกที ตัวเองก็มาอยู่นอกฝูงคนแล้วแถมไม่เห็นวี่แววของหมินอันเกอเลยแม้แต่น้อย
มองดูฝูงคนที่บ้าคลั่ง หลวนจื่อเตรียมตัวพุ่งเข้าไปเพื่อดึงหมินอันเกอออกมา
ทันใดนั้นเสียงของหมินอันเกอก็ดังออกมา
“หลวนจื่อ คุณรอแป๊บนึงนะ เดียวก็เสร็จแล้ว”
หลวนจื่อมองดูแฟนคลับที่เริ่มต่อแถวตรงหน้า ถือของในมือด้วยความตื่นเต้นและรอข้างหน้า
หมินอันเกอยืนอยู่หน้าสุด บนใบหน้ามีรอยยิ้มที่อบอุ่นและยิ้มรับกับของในมือของพวกเขา ไถ่ถามไปด้วยพร้อมกับเขียนชื่อตัวเองลงไป
สถานการณ์แบบนี้ตัวเองแทรกเข้าไปไม่ได้เลยด้วยซ้ำ
หลวนจื่อยืนรอไปสักพักและไม่ได้รออีกต่อไป แต่กลับหันหลังเดินออกมา
เธอเอาโทรศัพท์ขึ้นมากดส่งข้อความให้หมินอันเกอ : ฉันกลับไปก่อนนะ
อีกฝ่ายกำลังรีบเซ็นลายเซ็นให้แฟนคลับอยู่ ไม่ได้สังเกตเห็นข้อความที่หลวนจื่อส่งมา
อุตส่าห์ส่งแฟนคลับทุกคนกลับไปหมดแล้ว หมินอันเกอถอดหายใจพอยกหน้าขึ้นมาก็ไม่เห็นหลวนจื่อแล้ว
เขาเอาโทรศัพท์ขึ้นมา พึ่งเห็นข้อความตอนนี้เลยขมวดคิ้ว
วันนี้สองหลวนจื่อได้รับสายจากหลุยส์ อยากให้เธอไปเจอเขาเพราะอยากแนะนำคนหนึ่งให้เธอรู้จัก
หลวนจื่อเลยไปด้วยความยินดี
เธอรีบเอาโทรศัพท์ขึ้นมาดู เลื่อนเปิดดูบันทึกการโทรและข้อความ ไม่เห็นข่าวเกี่ยวกับหมินอันเกอเลยแม้แต่น้อย
“คงกลับไปแล้วแหละ?”
หลวนจื่อบังคับให้ตัวเองยิ้มออกมา ถึงแม้จะพยายามทำเมินเฉยแต่ในใจก็รู้สึกเจ็บปวด
เดินเข้าไปในร้านกาแฟ เธอรีบทิ้งขว้างความผิดหวังในใจออกและเปลี่ยนเป็นยิ้มตามมารยาท
“หลุยส์ ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ”
หลวนจื่อเดินไปพร้อมกับพยักหน้าใส่เขา
หลุยส์ยิ้มกลับ “หลังจากจบแฟชั่นโชว์ครั้งที่แล้ว พวกเราก็ไม่ได้เจอหน้ากันอีกเลยใช่ไหม? คุณงานยุ่งเกินไป ช่วงนี้มีแต่คนมาถามช่องทางติดต่อหาคุณจากฉัน ฉันก็เลยต้องเลื่อนเวลาของฉันออกไป”
ถึงเขาจะหยอกล้อแต่น้ำเสียงก็เต็มไปด้วยความพึงพอใจ
ในงานแฟชั่นโชว์ของตัวเองเพราะดีไซน์ของเขาเลยทำให้นางแบบมีชื่อเสียง สำหรับเขามันก็ถือว่าเป็นเกียรติอีกแบบ
หลวนจื่อพูดอย่างถ่อมตัว “ฉันมาถึงขั้นนี้เพราะคุณช่วยทั้งนั้น ถ้าคุณพูดหนึ่งคำฉันก็จะรีบมาตามนัดเลย”
หลุยส์พยักหน้าด้วยความพึงพอใจ “ที่จริงวันนี้ฉันก็ไม่มีธุระอะไรหรอก แค่อยากแนะนำคนหนึ่งให้คุณรู้จัก”
เขาชี้ไปทางคนวัยเยาว์ที่มีหนวดขาวนั่งอยู่ข้างเขา
“คนนี้เป็นเพื่อนเก่าของฉัน เมื่อก่อนเป็นดีไซเนอร์ คุณน่าจะ……”
“ปรมาจารย์หูหลิน!”
ยังไม่ทันพูดจบ หลวนจื่อก็จำได้และร้องออกมาอย่างตกใจ
หลุยส์เห็นแบบนี้ก็ยิ้ม “ถ้าคุณรู้จักงั้นฉันก็ไม่แนะนำเพิ่มละ”
หลวนจื่อพยักหน้าด้วยความตื่นเต้น
ในฐานะที่เป็นนางแบบก็รู้เรื่องดีไซน์และแฟชั่นไม่น้อย และรู้แน่นอนว่ามีดีไซเนอร์ชื่อดังที่มีแฟชั่นโชว์สำคัญต่างๆและเป็นแฟชั่นล้ำสมัยในศตวรรษที่ผ่านมา——หูหลิน!
เป็นชาวอเมริกันเชื้อสายจีน ที่สร้างชื่อเสียงอันโด่งดังไว้ในแฟชั่นโชว์นานาชาติ
เพราะตัวเองมีชะตากรรมที่คล้ายคลึงกับเขา หลวนจื่อก้เลยเคารพนับถือเขามากแต่ไม่คิดว่าจะได้เจอเขาที่นี่
ยี่สิบปีก่อนเขาก็ลาออกจากวงการแฟชั่น และไปเป็นอาจารย์สอนในโรงเรียนหนึ่ง จะสอนพวกดีไซเนอร์และนางแบบ
“ฉันชอบคุณมาตลอด!” หลวนจื่อพูดอย่างตื่นเต้น
หูหลินยิ้มแล้วพูด “คุณเป็นหลวนจื่อที่หลุยส์พูดถึง? เป็นนางแบบ?”
หลวนจื่อพยักหน้า
“สวัสดีค่ะ”
เธอตื่นเต้นจนลุกขึ้นยืน ต่อหน้าอาจารย์ใหญ่แบบนี้แทบจะไม่กล้านั่ง
หูหลินโบกมือให้เธอนั่งลง น้ำเสียงเป็นมิตรมาก
“นั่งลงเถอะ ไม่ต้องตื่นเต้น”
หลุยส์ที่อยู่ข้างๆก็พยักหน้าตาม “ใช่ ก่อนหน้านี้ต่อหน้านักข่าวเยอะแยะขนาดนั้นยังสามารถเดินโชว์จนเสร็จ แต่ทำไมตอนนี้กลับกระวนกระวาย? ครั้งนี้ปรมาจารย์หูหลินมา ฉันให้เขาดูโชว์ของเธอครั้งที่แล้ว เขาพึงพอใจมากและมีคำถามอยากถามคุณ”
หลวนจื่อได้ยินก็หันไปมองเขาด้วยความสงสัย
หูหลินพยักหน้ายิ้มแล้วมองหลวนจื่อ
“คุณหลวนจื่อ คุณมีความคิดที่จะเรียนเพิ่มเติมไหม?”
หลวนจื่อได้ยินประโยคนี้ ทันใดนั้นก็หันไปมองเขาด้วยความตกใจ
ความหมายของประโยคนี้คงไม่ใช่อย่างที่เธอคิดแบบนั้นใช่ไหม?
หูหลินพยักหน้า รอยยิ้มบนใบหน้ายิ่งเป็นมิตรไปอีก
“ฉันสอนอยู่ที่มหาวิทยาลัยเถิงชิง ถึงแม้ว่าคาบเรียนส่วนใหญ่จะเป็นสาขาการออกแบบ แต่ได้ยินหลุยส์บอกว่าคุณชอบดีไซน์เหมือนกัน การดีไซน์และนางแบบมันไม่แบ่งแยกกันอยู่แล้วก็เลยอยากมาถามคุณว่าคุณสนใจเข้ามาเรียนเพิ่มเติมในห้องของฉันหรือเปล่า”
หลวนจื่อได้ยินแบบนี้ นัยน์ตาก็มีแสงเซอร์ไพรส์ประกายออกมา!
ห้องเรียนของปรมาจารย์หูหลินทุกปีรับคนเข้าไปเรียนน้อยมากแถมสอบยากด้วย
เมื่อก่อนหลวนจื่อเคยสมัครแต่ว่ามาถึงกลางทางก็ตกรอบ
และที่สำคัญเพราะตัวเองเริ่มเข้าวงการนางแบบตั้งแต่เด็ก ในด้านการศึกษาเป็นจุดด้อยของเธอ จนถึงตอนนี้ เรื่องการศึกษาทางโรงเรียนก็ยังดร็อปไว้อยู่
ถ้าได้เข้าไปเรียนมหาวิทยาลัยเถิงชิงแถมยังได้เป็นลูกศิษย์ของปรมาจารย์หูหลินงั้นก็สามารถเอื้อมถึงขั้นสูงสุดแน่นอน!
หลุยส์เห็นท่าทีแบบนี้ก็ดูออกว่าหลวนจื่อสนใจ
เลยยิ้ม “ปรมาจารย์หูหลินไม่ค่อยออกตัวมาเสนอรับนักเรียนก่อนนะ จากนักเรียนที่เรียนจบไปแล้วไม่ว่าจะเป็นดีไซเนอร์หรือว่านางแบบก็สามารถทำสำเร็จในลูกแบบของด้านที่ตัวเองถนัดกันนะ!”
จุดนี้ หลวนจื่อก็รู้ดีถ้าได้เป็นนักเรียนของปรมาจารย์หูหลินคงเป็นเกียรติอย่างยิ่ง
แต่ว่า……
เธอขมวดคิ้วแล้วพูดด้วยความลังเล “ขอโทษด้วย ถึงแม้ว่าฉันอยากเป็นนักเรียนของปรมาจารย์หูหลิน แต่ว่าฉันก็จำเป็นต้องปฏิเสธ”
ปรมาจารย์หูหลินไม่ได้โมโหแต่ถามกลับ “คุณมีเรื่องลำบากใจอะไรหรือเปล่า?”
หลวนจื่อพยักหน้า
“ขอโทษด้วย ฉันมีลูกสาวหนึ่งคนอายุยังเล็กอยู่และติดฉันด้วย”
ไม่คิดว่าปรมาจารย์หูหลินได้ยินแบบนี้ก็แค่ยิ้มอ่อน
“เรื่องนี้ไม่ต้องเป็นห่วง ถ้าคุณอยากเข้าเรียนจริงๆ โรงเรียนก็สามารถจัดตารางเรียนให้คุณได้ ถึงคุณจะพาลูกคุณเข้าเรียนด้วยก็ไม่มีปัญหาอะไร”