เมียหวานของประธานเย็นชา - บทที่1023 อย่าแกล้งจี้หยู๋ชิง
ขณะจี้จิ่งเชินพูดจี้หยู๋ชิงที่อยู่ข้างหลังยังคงส่งเสียงอ้อแอ้
เวินเที๋ยนเที๋ยนได้แต่เอ่ยกลั้วหัวเราะ “คุณก็อย่าแกล้งหยู๋ชิง”
จี้จิ่งเชินที่ได้ยินดังนั้น
“ผมแกล้งเขาตอนไหน? วันนี้ที่สำนักงาน เขาแทบจะรื้อทั้งสำนักงานแล้ว”
เขาพูดพลางหันไปมองคนที่กำลังกุมศีรษะของตัวเองด้วยท่าทางโกรธเกรี้ยว มองเขาด้วยสีหน้าไม่พอใจ แล้วเลิกคิ้ว
วันนี้ก็เหมือนก่อนหน้านี้ หลังจากเขาพาจี้หยู๋ชิงมาถึงบริษัทแล้ว เดิมเวลาที่จี้จิ่งเชินทำงาน จี้หยู่ชิงก็จะดูถ่ายทอดสดการแข่งขันของเวินเที๋ยนเที๋ยนอยู่ตลอดเวลา
แต่หลังจากที่จี้หยู่ชิงได้ยินกรรมการหลายท่านบนเวทีชี้แจงแล้วรู้ถึงสถานการณ์ของเวินเที๋ยนเที๋ยน ก็ร้อนรนเป็นอย่างมาก จะไปหาเวินเที๋ยนเที๋ยนที่สนามแข่งเพื่อให้กำลังใจเธอให้ได้
แต่จี้จิ่งเชินจะให้เขาไปได้อย่างไร?
การแข่งขันที่สำคัญแบบนี้ ยิ่งไม่สามารถให้เจ้าหนูน้อยนี่ไปแย่งสมาธิของเวินเที๋ยนเที๋ยน
เดาได้ว่าจี้จิ่งเชินจะไม่เห็นด้วย จี้หยู๋ชิงจึงออกตัวเอง
ตอนนี้เขาเดินได้แล้ว เพียงแต่ยังไม่มั่นคงนัก เดินได้สักครู่หนึ่งก็ต้องหยุดพัก
แต่ต่อให้เป็นแบบนั้น เขาก็ยังไม่ล้มเลิกความคิดที่จะไปหาเวินเที๋ยนเที๋ยนแม้แต่น้อย
เด็กคนนี้ฉลาดถึงขึ้นหาเงินที่ปกติจี้จิ่งเชินเก็บไว้ในสำนักงานจนเจอ แล้วกำไว้ในมือ
ถือโอกาสตอนที่เลขาเข้ามา แล้วจี้จิ่งเชินสั่งงานกับเลขา แอบเดินออกประตูที่เปิดทิ้งไว้เงียบๆ
คิดได้ว่าต้องมีคนเห็นแน่ๆ เด็กคนนี้ยังถือดี ตั้งใจเลือกออกไปทางทางออกฉุกเฉิน
จนกระทั่งจี้จิ่งเชินเห็นว่าคนได้หายไปแล้ว หาทั่วทั้งบริษัทแล้วก็ยังไม่เจอ จึงสั่งให้ลูกน้องตามหา
หาอยู่หลายชั่วโมง ตอนที่คนทั้งบริษัทกำลังเล่นซ่อนหากับจี้หยู๋ชิงอยู่นั้น
สุดท้ายแล้ว ในที่สุดก็ถูกจี้จิ่งเชินลากออกมาจากทางออกฉุกเฉิน
ตอนที่หาเจอ เจ้าหนุ่มน้อยจับราวไว้แน่น ไม่ยอมปล่อยมือ ส่งเสียงตะโกนอ้อแอ้พลางบอกว่าจะไปหาคุณแม่
จี้จิ่งเชินยกมือเคาะบนศีรษะเขาอย่างจนใจ แล้วพูดชักแม่น้ำทั้งห้า ในที่สุดก็โน้มน้าวเขากลับมาได้
แต่หลังจากมาถึงที่สำนักงานแล้ว จี้หยู๋ชิงก็เริ่มแสดงความโกรธอีกครั้ง หันศีรษะกลับไป ใช้ก้นเผชิญหน้ากับจี้จิ่งเชิน แสดงออกอย่างเต็มที่ว่าตนเองนั้นไม่พอใจมาก
จนกระทั่งจี้จิ่งเชินเป็นฝ่ายเสนอขึ้นว่าจะให้เขาดูการถ่ายทอดสดการแข่งขันของเวินเที๋ยนเที๋ยน ในที่สุดลูกก็หันกลับมา ทำท่าทางเหมือนจะสนแต่ก็ไม่สนใจให้จี้จิ่งเชิน สายตาเต็มไปด้วยการประณาม
ดูอยู่สักพักหนึ่ง จนกระทั่งการแข่งขันจบลงแล้ว เขาก็อดใจรอไม่ไหวให้จี้จิ่งเชินโทรเข้าเบอร์โทรศัพท์ของเวินเที๋ยนเที๋ยน
นึกถึงสีหน้าของเขาที่หยิบโทรศัพท์ส่งให้เขา แล้วให้ตัวเองกดเบอร์โทรศัพท์ จี้จิ่งเชินก็รู้สึกจนใจขึ้นมาทันที
น้ำเสียงออกคำสั่งแบบนั้นกับท่าทางโอหังแบบนั้น มีเพียงเจ้าเด็กนี่เท่านั้นที่กล้าทำกับเขา
แต่ตัวเองก็หมดหนทาง จึงได้แต่โทรออกให้เขาอย่างเชื่อฟัง
เมื่อสักครู่คุยได้ครู่เดียวก็ถูกจี้จิ่งเชินแย่งไป จี้หยู๋ชิงก็รู้สึกไม่พอใจขึ้นมาอีกครั้ง
ในตอนนี้ก็นั่งอยู่ข้างๆ ใช้ดวงตาแวววาวของเขาจ้องจี้จิ่งเชินอย่างดุเดือด ทุกเซลล์ในร่างกายล้วนแสดงออกว่า เขากำลังไม่พอใจมาก!
เวินเที๋ยนเที๋ยนได้ยินเรื่องของจี้หยู๋ชิงที่เกิดขึ้นที่บริษัท แล้วจินตนาการถึงภาพนั้นก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา
“ตอนนี้พวกคุณยังอยู่ที่บริษัทไหม?”
“เดิมกำลังเตรียมตัวจะออกไป แต่เห็นว่าการแข่งขันของคุณจบลงแล้ว เลยตัดสินใจโทรหาคุณก่อน”
เวินเที๋ยนเที๋ยนเอ่ย “ส่งโทรศัพท์ให้หยู๋ชิงหน่อย ขอฉันคุยกับเขาหน่อย”
จี้จิ่งเชินจึงยื่นมือไปทางคนที่อยู่ข้างๆ ที่กำลังโมโห แล้วเอ่ยกับจี้หยู๋ชิงที่กำลังยู่ปาก “เที๋ยนเที๋ยนอยากคุยกับหนู จะคุยไหม?”
เมื่อเขาพูดจบ จี้หยู๋ชิงยังไม่ทันได้ตอบรับ จี้จิ่งเชินก็เอ่ยด้วยความรวดเร็ว “ไม่คุยก็ช่างเถอะ”
พูดพลางดึงโทรศัพท์ออกมา
จี้หยู๋ชิงที่กำลังโกรธอยู่ได้ยินดังนั้น ก็ถลาเข้ามาอย่างรีบร้อน สีหน้าไม่พอใจ แย่งโทรศัพท์ในมือของจี้จิ่งเชินไปกอดไว้ในอ้อมแขน
ราวกับกลัวว่าโทรศัพท์จะถูกแย่งไปอีกครั้ง จึงกอดไว้อย่างแน่นหนาแล้วคลานไปข้างหน้า จนกระทั่งถึงจุดที่ไกลจากจี้จิ่งเชินที่สุดแล้ว จึงยกโทรศัพท์ขึ้นมาแนบหูอย่างระมัดระวัง
“คุณแม่!”
ทันทีที่เอ่ยปาก ในน้ำเสียงก็เต็มไปด้วยน้อยใจ
เวินเที๋ยนเที๋ยนฟังแล้วก็ใจอ่อนทันที
“หยู๋ชิงคิดถึงคุณแม่ไหม?”
“คิดถึง!” จี้หยู๋ชิงตอบ
เวินเที๋ยนเที๋ยนเอ่ย “ในเมื่อเป็นแบบนี้ ถ้าชนะการแข่งขันครั้งนี้ ตอนรอบชิงชนะเลิศ หยู๋ชิงมาที่สนามแข่งด้วยกันไหม”
ทันทีที่จี้หยู๋ชิงได้ยินดังนั้น ก็ดีใจตาเป็นประกายขึ้นมาทันที พยักหน้าขึ้นลงอย่างดีอกดีใจ
“ครับ!”
คิดไม่ถึงว่าเวินเที๋ยนเที๋ยนจะพูดเสริมขึ้นว่า “ให้จี้จิ่งเชินพาหนูมาด้วยกัน”
อะไรนะ?
แม้กระทั่งคุณพ่อนิสัยไม่ดีคนนั้นก็จะไปด้วยเหรอ?
จี้หยู๋ชิงขมวดคิ้ว สีหน้าเต็มไปด้วยความไม่เต็มใจ แต่ก็ไม่อยากให้เวินเที๋ยนเที๋ยนผิดหวัง จึงได้แต่พยักหน้า
“อืม”
คุยกันอีกครู่หนึ่ง ในที่สุดก็วางสายไป
กำลังจะกดวางสาย จี้จิ่งเชินก็ยื่นมือมาหิ้วหลังคอเสื้อของจี้หยู๋ชิงขึ้นมาอุ้มด้วยมือเดียว แล้วเดินออกไปทางด้านนอก
จี้หยู๋ชิงชะงักไป แล้วดิ้นรนด้วยความรวดเร็ว
“อย่าดิ้น!”
จี้จิ่งเชินยกมือขึ้นมาตีตูดเขา แม้ว่าจะไม่เจ็บเลยแม้แต่น้อย แต่ก็พูดข่มขู่ “ถ้าดิ้นอีก พ่อจะส่งลูกกลับบ้าน แล้วไปที่สนามแข่งเองคนเดียว”
จี้หยู๋ชิงได้ยินดังนั้น ก็ยอมแพ้ที่จะดิ้นรนทันที ลดสองมือลง สีหน้าน่าสงสาร ห้อยอยู่บนมือของจี้จิ่งเชินอย่างสิ้นหวัง
สามารถมองออกได้อย่างชัดเจนว่า หยู๋ชิงตัวเล็กๆ ได้สูญเสียความฝันไปแล้ว
ในตอนนั้นเองที่สนามแข่งขัน เหล่ากรรมการหลายท่านกำลังประเมินผลงานทั้งสองชิ้น
ตั้งแต่การแข่งขันสิ้นสุดลงจนถึงตอนนี้ เป็นเวลายี่สิบนาทีเต็มแล้ว แต่เหล่ากรรมการหลายท่านนั้นกลับล่าช้าและยังไม่ได้ผลการตัดสิน
เป็นเรื่องที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
เห็นเพียงกรรมการทุกคนบนเวทีขมวดคิ้วแน่น ราวกับลังเลในการพิจารณาผลการตัดสิน ปรึกษากันเสียงเบา
แม้ว่าคนด้านล่างเวทีไม่ได้ยินที่พวกเขาคุยกัน แต่กลับสามารถมองออกจากสีหน้าท่าทางและการกระทำที่ตึงเครียดของพวกเขา ดูเหมือนว่าจะเกิดความขัดแย้งขึ้นในหมู่พวกเขา
ผ่านไปไม่นานก็เริ่มด่าทอกันเสียงดัง
คนที่ยามปกติให้ความสำคัญกับความคิดและอารมณ์ความรู้สึก มีนิสัยใจเย็นมาโดยตลอด น้อยมากที่จะโกรธได้ง่ายๆ
แต่ในตอนนี้ท่ามกลางสายตาที่จับจ้อง ท่ามกลางกล้องที่บันทึกวิดีโอ อาจารย์กลุ่มหนึ่งกำลังโต้เถียงกันไปมาหน้าดำหน้าแดง จนแทบจะหลุดคำหยาบออกมากันแล้ว
และภาพเหล่านี้ก็ถ่ายทอดสดออกไปในคอมพิวเตอร์และโทรทัศน์ทุกๆ เครื่อง
ผู้ชมที่ดูการแข่งขันเห็นสถานการณ์แล้วก็รู้สึกแปลกใจเป็นอย่างมาก ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นกับผลงานทั้งสองชิ้นกันแน่ ถึงทำให้พวกเขาโต้แย้งกันอย่างไม่มีใครยอมใคร
เหล่าอาจารย์กรรมการบนเทวีกำลังมีปากเสียงกัน แต่เหล่าผู้ชมที่อยู่ด้านล่างเวทีต่างมองพวกเขาอย่างงุนงง พูดคุยกันเสียงเบา
นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?
หรือว่าผลงานของทั้งสองคนต่างโดดเด่นมาก พวกเขาตัดสินแพ้ชนะไม่ได้เหรอ?
อาจารย์ฉู่มองสถานการณ์ตรงหน้า ใจก็เต้นแรงขึ้นตาม
แม้กระทั่งตัวเขาเองยังคาดไม่ถึงว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น