เมียหวานของประธานเย็นชา - บทที่1031 สัญญาชาติหน้า
จี้หยู๋ชิงเห็นว่าการเคลื่อนไหวเล็กๆของตัวเองถูกจับได้แล้ว ก็อยากจะเก็บมือตัวเองกลับมา
แต่คิดถึงว่าตอนนี้ตัวเองกำลังลอยอยู่กลางอากาศ และพอเห็นระยะห่างจากพื้นดินที่ยิ่งอยู่ไกลมากขึ้นแล้ว ก็ยิ่งรู้สึกกลัว
แต่ตอนนี้ชิงช้าสวรรค์ได้เคลื่อนที่แล้ว นอกเสียจากจะหมุนอยู่แบบนั้น มิเช่นนั้นก็ไม่สามารถจะหยุดลงได้เลย
เวินเที๋ยนเที๋ยนขมวดคิ้วขึ้น ถ้ารู้ตั้งแต่แรกว่าจี้หยู๋ชิงกลัวความสูงนั้น ก็คงจะไม่พาเขามา
เห็นสีหน้าที่ซีดขาวของจี้หยู๋ชิง กับท่าทางที่จับยึดเสื้อผ้าของจี้จิ่งเชินเอาไว้แน่นแล้ว ก็ยิ่งรู้สึกสงสารขึ้นมาจับใจ
“หยู๋ชิง รู้สึกแย่ใช่ไหมครับ?”
จี้หยู๋ชิงส่ายหน้า แต่เห็นได้ชัดว่าอาการที่แสดงออกมาบนใบหน้านั้นกลับไม่ได้เป็นแบบนั้น
จี้จิ่งเชินมองดูเด็กที่ดื้อรั้นคนนี้แล้วยกมือขึ้นมา ยกคอเสื้อของจี้หยู๋ชิงขึ้น แล้วดึงเข้ามากอดเอาไว้
“กลัวจะขายหน้าจริงๆ” เขาว่า
จี้หยู๋ชิงไม่พอใจ และกำลังจะดิ้นนั้น จู่ๆฝ่ามืออุ่นๆก็มาปิดตาของตัวเองลง
ภาพตรงหน้านั้นมืดลงขึ้นมาทันใด
จี้จิ่งเชินกอดเขาเอาไว้แน่น
ในใจของจี้หยู๋ชิงนั้นถึงได้สงบลง แล้วรู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น
“ไม่ต้องคิดไปถึงสิ่งที่อยู่ข้างล่าง แบบนี้ก็ไม่กลัวแล้ว”
จี้จิ่งเชินเอ่ยพูดขึ้น น้ำเสียงที่ทุ้มต่ำนั้นปรากฏความอบอุ่นออกมา
ดวงตาของจี้หยู๋ชิงถูกบดบังเอาไว้ มองไม่เห็นอะไรแล้วเช่นกัน จึงพยักหน้าลง
แต่ถ้าหากดวงตาของนายถูกปิดเอาไว้แบบนี้แล้ว รอถึงตอนที่ชิงช้าสวรรค์ขึ้นไปถึงตรงจุดที่สูงสุดแล้ว นายจะมองเห็นดาวได้อย่างไรกันล่ะ?
อีกทั้งเขายังอยากจะหาบ้านของตัวเองจากท่ามกลางบ้านหลายหลังนี่อีกด้วย
ในใจจี้หยู๋ชิงนั้นรู้สึกเสียดายอยู่บ้าง
จี้จิ่งเชินราวกับจะเดาความคิดของเขาได้ จึงเอ่ยขึ้น : “เดี๋ยวรอให้ถึงตรงจุดที่สูงสุดก่อน แล้วพ่อจะปล่อยเรา”
จี้หยู๋ชิงที่ทำตัวเป็นศัตรูมาตลอดนั้นไม่ได้โต้แย้ง พยักหน้าลงอย่างว่าง่าย
เวินเที๋ยนเที๋ยนมองดูมือคู่นั้นของจี้หยู๋ชิงที่จับคอเสื้อของจี้จิ่งเชินเอาไว้แน่นอยู่ตลอดแล้วก็ยิ้มออกมาอย่างไม่รู้ตัว
ถึงแม้ปกติแล้วจี้หยู๋ชิงจะบ่นว่าจี้จิ่งเชิน แล้วจะทะเลาะกับเขาอยู่บ่อยๆ แต่ในใจนั้นก็เชื่อเขาและไม่สามารถแยกออกจากเขาได้เช่นกัน
ขณะที่กำลังคิดอยู่นั้น มือของตัวเองก็ถูกเขาจับเอาไว้ สิบนิ้วประสานเข้าหากัน
เวินเที๋ยนเที๋ยนเงยหน้าขึ้นมา แล้วปะทะเข้ากับดวงตาที่ลึกซึ้งของจี้จิ่งเชิน
มองเห็นเงาของตัวเองจากในแววตานั้น
เธอยิ้มออกมา ไม่ได้เอ่ยพูดอะไร แล้วเอนตัวพิงไหล่ของเขา มองดูทิวทัศน์ที่ไกลออกไป ปรากฏตรงหน้าขึ้นมาทีละนิดๆในตอนนี้
ชิงช้าสวรรค์ค่อยๆเคลื่อนที่สูงขึ้น ไปถึงยังจุดที่สูงที่สุด
จี้จิ่งเชินเอามือที่ปิดอยู่ตรงตาของจี้หยู๋ชิงออก
ตอนแรกนั้น เขายังคงหลับตาไม่กล้าลืมตาดู
จี้จิ่งเชินจึงเอ่ยขึ้น : “ลืมตาได้แล้ว ไม่ต้องคิดถึงว่าข้างล่างจะมีอะไร เงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าก็พอแล้ว”
จี้หยู๋ชิงได้ยินแล้ว ก็ลืมตาขึ้นมาอย่างระมัดระวัง
เมื่อเห็นดวงดาวที่เปล่งแสงอยู่นอกหน้าต่างแล้ว ก็เบิกตาโตขึ้นมาทันที พลางอ้าปากค้าง
“ว้าว–”
ต่อให้เป็นจี้หยู๋ชิงที่มีความสงบนิ่งมาก เวลานี้ก็อดที่จะส่งเสียงอุทานออกมาไม่ได้เช่นกัน
แท้ที่จริงแล้วท้องฟ้ายังสวยงามได้ขนาดนี้เชียวหรือ ราวกับว่าดวงดาวเหล่านั้นอยู่ตรงหน้า เพียงแค่ยื่นมือออกไป ก็จะสามารถหยิบเอามาใส่กระเป๋าได้อย่างไรอย่างนั้น
อีกทั้งคำพูดที่จี้จิ่งเชินบอกเมื่อครู่นี้ก็ยังมีประโยชน์มากอีกด้วย เพียงแค่ไม่ก้มหน้าลงไปมอง ไม่ต้องจินตนาการว่าข้างล่างนั้นคืออะไร ก็ไม่รู้สึกกลัวแล้ว
นึกถึงที่เวินเที๋ยนเที๋ยนพูดเอาไว้ ว่าจะสามารถมองเห็นบ้านได้จากตรงนี้ เขาก็รีบหาอย่างรวดเร็ว
เวลานี้สายตาของจี้จิ่งเชินไม่ได้มองออกไปยังดวงดาวบนท้องฟ้า แต่จ้องมองเวินเที๋ยนเที๋ยนอยู่ตลอด
ดวงตาคู่นั้นอ่อนโยนเหมือนกับน้ำ
เขาจับมือเวินเที๋ยนเที๋ยนเบาๆ พลางเอ่ยขึ้น : “ตอนที่ผมมา ได้ยินเขาว่ากันว่าถ้าหากจูบกันบนจุดที่สูงสุดตอนที่อยู่บนชิงช้าสวรรค์แล้ว ก็จะสามารถเป็นการให้คำสัญญาในชาติหน้า ให้เราอยู่ด้วยกันตลอดไป”
“พี่เชื่อไหมคะ?” เวินเที๋ยนเที๋ยนมองเขา
จี้จิ่งเชินไม่เชื่อเรื่องเล่าลือเหล่านี้มาตลอดอยู่แล้ว
คิดไม่ถึงว่าจี้จิ่งเชินจะพยักหน้าลง
“ผมเชื่อครับ”
ว่าแล้วเขาก็ก้มตัวลงมาเล็กน้อย แล้วบรรจงจูบลงบนริมฝีปากของเวินเที๋ยนเที๋ยนอย่างเนิ่นนาน
ส่วนจี้หยู๋ชิงที่กำลังพยายามหาบ้านของตัวเองอยู่นั้น ก็ไม่ได้รับรู้เลยว่าทั้งสองคนที่อยู่ข้างหลังนั้นกำลังทำอะไรกันอยู่
หาไปรอบหนึ่งแล้วหาไม่เจอ จึงหันหน้ามาอย่างผิดหวังโดยไม่รู้ตัว
“แม่ครับ หาไม่……”
เขายังพูดไม่จบ พอหันกลับมาก็เห็นการเคลื่อนไหวที่ทั้งสองคนคลอเคลียกันแล้ว ก็เบิกตาโตขึ้นมา ด้วยความตกตะลึง
และเวลานี้เอง จี้จิ่งเชินก็ยกมือขึ้นมา แล้วจับหน้าของเขาหันกลับไป ไม่ให้ลูกเห็น
จี้หยู๋ชิงทำหน้ามุ่ย แล้วทำได้เพียงต้องหาทิศทางบ้านของตัวเองในความมืดนี้ต่อไป
หูผึ่งเพื่อฟังการเคลื่อนไหวจากทางด้านหลัง
แต่!
ไม่ใช่บอกว่าเพียงแค่จูบกันตอนที่อยู่ตรงจุดที่สูงสุดเท่านั้นเองไม่ใช่หรือ?
ทำไมชิงช้าสวรรค์แทบจะลงมาแล้วถึงยังไม่เสร็จกันอีก?
พ่อที่ดื้อดึงคนนี้ จะต้องตั้งใจลวนลามแม่อย่างแน่นอน!
เขาคิดอย่างรู้สึกไม่พอใจ หันกลับมาแล้วรีบแทรกมุดเข้าไประหว่างสองคนเพื่อขัดขวางจูบนี้ของพวกเขา
จี้จิ่งเชินเห็นเขาที่จู่ๆโผล่เข้ามา ก็กัดฟันอย่างหงุดหงิด
“จี้หยู๋ชิง เราทำอะไรน่ะ?”
จี้หยู๋ชิงไม่สนใจเขา แล้วดึงมือของเวินเที๋ยนเที๋ยนพลางชี้ออกไปทางด้านนอก
“บ้าน อยู่ที่ไหนครับ?”
เขาเอ่ยถาม
เวินเที๋ยนเที๋ยนหน้าแดง เกือบจะลืมไปแล้วว่าจี้หยู๋ชิงก็อยู่ข้างๆด้วย จึงรีบอุ้มเขาขึ้นมา แล้วมองหาไปด้วยกัน
จากตรงนี้ สามารถมองเห็นมุมหนึ่งของคฤหาสน์จากไกลๆได้ มีแสงสว่างจากไฟสาดส่องออกมาเล็กน้อย
“ตรงนั้นไงครับ”
จี้หยู๋ชิงยื่นหน้าไปมอง จนแทบจะแนบกับกระจกอยู่แล้ว
จี้จิ่งเชินนั้นรู้สึกกลัดกลุ้มอยู่ในใจ
ในใจคิดวางแผนเป็นครั้งที่108 ว่าจะไล่เด็กคนนี้ไปได้ตอนไหนกัน
และพอชิงช้าสวรรค์เคลื่อนลงมาแล้วนั้น เวินเที๋ยนเที๋ยนกับจี้จิ่งเชินก็พาจี๋หยู๋ชิงออกไปอย่างรวดเร็ว
ส่วนคู่รักที่ตามหลังพวกเขาอยู่นั้นเมื่อเห็นท่าทางของทั้งสามคนแล้ว ก็นึกขึ้นมาได้ในที่สุด
ผู้หญิงรีบเอ่ยขึ้น : “ฉันนึกออกแล้ว! คนนั้นไม่ใช่เวินเที๋ยนเที๋ยนหรอกหรือ? ทำไมเมื่อกี้ฉันถึงลืมไปได้นะ? สองสามวันนี้ยังมีการเข้าร่วมการแข่งขันซ่อมแซมวัตถุโบราณด้วย! ฉันเองก็เคยดูเหมือนกัน! คิดไม่ถึงเลยว่าเธอกับสามีจะรักกันขนาดนี้”
ผู้ชายที่อยู่ข้างๆเงยหน้าขึ้นมามองเบื้องหลังทั้งสามคนนั้นพลางเอ่ยขึ้น : “เราก็เป็นแบบนั้นได้เหมือนกันนะ”
เอ่ยพูดขึ้นด้วยเสียงเบาๆสลัวๆเป็นอย่างมาก แต่หญิงสาวก็ยังคงได้ยิน
เธอยิ้มออกมาอย่างดีใจ แล้วจับมือของชายหนุ่มเอาไว้
“กลับกันเถอะ”
อีกไม่กี่วัน การแข่งขันซ่อมแซมวัตถุโบราณก็จะเริ่มต้นอย่างเป็นทางการแล้ว
คนที่เข้าร่วมการแข่งขันรอบแรกก็คือจางลัยยี่
เวินเที๋ยนเที๋ยนมาดูการแข่งขันของทั้งสองคน
ระดับการซ่อมแซมของจางลัยยี่ตอนอยู่ในประเทศนั้นนับว่าเป็นระดับสุดยอดเช่นกัน ตลอดการแข่งขันดูแล้วฝีมือยอดเยี่ยมมาก แล้วก็ได้รับชัยชนะมาในที่สุด เข้าสู่รอบชิงแชมป์
แต่สำหรับตรงจุดนี้ อาจารย์ฉู่ยังคงรู้สึกไม่วางใจอยู่บ้าง
ถ้าหากจางลัยยี่ชนะเป็นที่หนึ่ง ก็คงจะดี แต่ถ้าหากเขากับนิวมั้นมีข้อตกลงอะไรกันจริงๆ ก็คงจะแย่เช่นกัน
เขามองไปยังเวินเที๋ยนเที๋ยน “ความหวังเดียวก็อยู่กับเธอแล้วนะ”
ได้ยินแล้ว เวินเที๋ยนเที๋ยนก็ก้มหน้าลงดูข้อมูลในมือของตัวเอง
นึกไปถึงคนนั้นที่จะแข่งขันกับเขาแล้ว ในใจก็รู้สึกเป็นกังวลขึ้นมาทันที
ถึงแม้ว่าก่อนหน้านี้เธอจะรู้ ว่าอาจารย์ฟ่านมาในการแข่งขันนี้ แต่คิดถึงว่าจะเข้าร่วมการแข่งขันรอบสุดท้ายนี้ด้วย และยังแบ่งอยู่ในทีมเดียวกันกับตัวเองอีกด้วย
อาจารย์ฟ่าน ก่อนหน้านี้เป็นนักบูรพาวัตถุโบราณที่พิพิธภัณฑ์พระราชวังแห่งชาติ มีความสัมพันธ์ไม่ดีกับท่านเปิงซักเท่าไหร่
ก่อนหน้านี้เวินเที๋ยนเที๋ยนเคยเข้าร่วมรายการหนึ่ง คนๆนี้เล่นแง่ และยังเคยเกิดความขัดแย้งอีกด้วย
แต่ในการแข่งขันครั้งหนึ่งนั้น หลังจากที่ลูกศิษย์ของอาจารย์ฟ่านอย่างหลีเจียเวยแพ้ให้กับเวินเที๋ยนเที๋ยนแล้ว อาจารย์ฟ่านก็ไม่ปรากฏตัวต่อหน้าสาธารณชนอีก
ไม่คิดว่าครั้งนี้ เธอจะเข้าร่วมการแข่งขันด้วย
อีกทั้ง ยังมาในฐานะของทีมต่างประเทศอีกด้วย