เมียหวานของประธานเย็นชา - บทที่1039 ในบ้านนี้ใครเป็นเจ้านาย?
รอให้อารมณ์ของจี้จิ่งเชินผ่อนคลายลงแล้ว เวินเที๋ยนเที๋ยนถึงได้หันไปมองเขาอย่างกังวล
“พี่ไม่เป็นอะไรใช่ไหมคะ?”
จี้จิ่งเชินมองไปทางด้านหลังของจี้หยู๋ชิงแวบหนึ่ง
เด็กนี่ดูเหมือนจะรู้ว่าตัวเองทำผิด จึงไม่กล้าหันหน้ามาเลย แต่หันหลังให้เขาอย่างขาดความมั่นใจ
“ผมไม่เป็นไรครับ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนเขย่งปลายเท้า ยกมือขึ้นช่วยเขาลูบตรงที่ที่ถูกจี้หยู๋ชิงจับ
“เอาล่ะค่ะ นวดซะหน่อย ก็ไม่เจ็บแล้ว”
จี้จิ่งเชินเห็นน้ำเสียงที่ดูโอ๋จี้หยู๋ชิงแล้วก็โกรธเสียจนยิ้มออกมา แล้วดึงมือเวินเที๋ยนเที๋ยนเอาไว้ จับอยู่ในฝ่ามือ
“คุณเห็นผมเป็นหยู๋ชิงหรือครับ?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนแลบลิ้น
และฉากนี้ก็ถูกพวกนักข่าวถ่ายบันทึกเอาไว้ได้
เมื่อสังเกตเห็นแสงแฟลชแล้ว เวินเที๋ยนเที๋ยนถึงนึกขึ้นได้ว่ารอบๆข้างนั้นยังมีคนอื่นๆอยู่ด้วย
“เรากลับกันก่อนเถอะค่ะ ไม่อย่างนั้นจะถูกพวกนักข่าวล้อมเอาไว้อีก”
จี้จิ่งเชินเงยหน้าขึ้นมา มองไปทางนักข่าวที่เตรียมอยากจะพุ่งเข้ามาสัมภาษณ์อย่างเต็มที่พวกนั้น
แววตาที่เย็นชา เหมือนกับปลายมีดอันแหลมคม
ทุกคนขนลุกซู่ขึ้นมาทันที ไม่กล้าเข้ามาอีก และหยุดอยู่ตรงที่เดิม
“ไปเถอะครับ”
จี้จิ่งเชินถึงได้ดึงตัวเวินเที๋ยนเที๋ยนออกไป บรรดานักข่าวที่อยู่ทางด้านหลัง ไม่มีใครกล้าเข้าไปแม้แต่คนเดียว
ตลอดเวลาที่ออกมาจากสนามแข่งขันนั้น จี้หยู๋ชิงก็ยังคงหลบอยู่ในอ้อมกอดของเวินเที๋ยนเที๋ยนอยู่ตลอด ไม่กล้าแม้กระทั่งจะเงยหน้าขึ้นมาเสียด้วยซ้ำ
ข้อแรกคือรู้สึกว่าเมื่อครู่ที่ตัวเองตกใจขนาดนั้น ช่างเป็นที่น่าขายหน้ายิ่งนัก
ข้อที่สองตอนที่ตัวเองรู้สึกกลัวเมื่อครู่นี้ แล้วจับผมของจี้จิ่งเชินเอาไว้แน่น พ่อจะต้องโกรธมากอย่างแน่นอน
จี้จิ่งเชินจะมองความคิดที่อยู่ในใจเขาไม่ออกได้อย่างไร ร่างที่ดื้อรั้น ได้เขียนอารมณ์ของตัวเองเอาไว้แล้ว
เขายกมือขึ้น แล้วจับเสื้อผ้าของจี้หยู๋ชิง ดึงตัวเขาไป
“แม่ฮะ!”
ในสายตาของจี้หยู๋ชิงปรากฏความตื่นตกใจออกมา ยื่นมือเล็กๆนั่นจะคว้าไปทางเวินเที๋ยนเที๋ยน แต่กลับถูกจี้จิ่งเชินดึงตัวไป อุ้มเอาไว้
“ยังจะแกล้งอะไรกันอีก?พ่อต่างหากที่ควรจะต้องเป็นคนโกรธน่ะ?”
จี้หยู๋ชิงเงยหน้าขึ้นมามองเขาแวบหนึ่ง ใบหน้าแดงขึ้นมาเล็กน้อยเนื่องจากรู้สึกอาย
จ้องมองอยู่พักหนึ่ง ถึงได้เอ่ยขึ้นมา
“พ่อฮะ ขอโทษฮะ”
จี้จิ่งเชินเหลือบมองเขา พลางทำเสียงฮึดฮัด
“นับว่าลูกรู้ว่าต้องทำอะไร วันนี้ก็ลงโทษให้ลูกนั่งข้างหน้าคนเดียวก็แล้วกันนะ”
ว่าแล้ว ก็จับเขาวางลงบนเก้าอี้สำหรับทารกที่คนขับรถเตรียมเอาไว้ก่อนหน้านี้
จี้หยู๋ชิงยังไม่ได้มีปฏิกิริยาตอบกลับ ตัวเองก็ถูกล็อกให้นั่งลงทางด้านหน้าเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เขาเบิกตาขึ้น ทำได้เพียงมองเวินเที๋ยนเที๋ยนกับจี้จิ่งเชินขึ้นไปนั่งตรงเบาะหลัง
เห็นทั้งสองคนพูดคุยกันอย่างแนบชิดผ่านทางกระจกมองหลังก็ทำหน้ามุ่ยด้วยความไม่พอใจขึ้นมาในทันที
ตั้งใจชัดๆ!
ตั้งใจแน่ๆ!
จี้หยู๋ชิงหงุดหงิด
แต่คนขับรถที่อยู่ข้างๆกลับรู้สึกว่าท่าทางแบบนี้ของเขานั้นน่ารัก มองจี้หยู๋ชิงที่อยู่ตรงหน้าตลอด
ก่อนหน้านี้เขาก็อยากจะได้ใกล้ชิดกับคุณชายน้อยเช่นนี้ แต่ก็ไม่มีโอกาสมาโดยตลอด ขากลับครั้งนี้ นับว่าสามารถพูดคุยกันได้แล้ว
“คุณชายน้อย”
เขาหันมามองจี้หยู๋ชิงที่อยู่ข้างๆ แล้วปรากฏรอยยิ้มที่คิดว่าเป็นมิตรมากที่สุดออกมา
จี้หยู๋ชิงเงยหน้าขึ้นมามองเขา แล้วหยิบเอาหนังสือภาพที่เคยวางอยู่บนรถก่อนหน้านี้ขึ้นมา แล้วตั้งใจดู
คนขับรถเห็นฉากนี้แล้ว ก็มีอาการแข็งทื่อในทันที เปลี่ยนเป็นรู้สึกหดหู่ขึ้นมา แทบร้องไม่ออก
คิดไม่ถึงเลยว่าโอกาสดีๆขนาดนี้ คุณชายน้อยจะไม่ยอมคุยกับตัวเองแบบนี้
และเป็นอย่างนั้นจริงๆที่ออกมาพิมพ์เดียวกันกับคุณผู้ชาย แม้แต่นิสัยก็เหมือนกันมากอีกด้วย
เขาปาดน้ำตาในใจเงียบๆ เข้าเกียร์ แล้วขับออกไป
ช่วงสองสามวันนี้ที่มีการแข่งขัน พ่อบ้านและแม่ครัวถึงแม้จะไม่ได้ไปชมที่สนามแข่ง แต่ก็ไม่เคยพลาดเลย
ดูการถ่ายทอดการแข่งขันที่ห้องรับแขกอยู่ทุกวัน
เมื่อเวินเที๋ยนเที๋ยนกลับมาที่คฤหาสน์ ทุกคนก็ได้เตรียมพิธีการต้อนรับเอาไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
และเพิ่งจะเดินเข้ามานั้น จู่ๆเสียงพลุกระดาษก็ดังขึ้นดอกไม้ลอยหล่นลงมาจากทางด้านบน
“ยินดีด้วยนะคะคุณนายที่ชนะการแข่งขันครั้งนี้!”
ภายในห้องรับแขกนั้นเต็มไปด้วยลูกโป่ง และแม้แต่ตรงหน้าเธอนั้นก็มีเค้กก้อนหนึ่งเตรียมเอาไว้อยู่อีกด้วย
เวินเที๋ยนเที๋ยนพูดไม่ออก
“ฉันเพียงแค่เข้ารอบสุดท้ายเท่านั้นเองนะคะ ยังไม่จบเสียหน่อย”
แม่ครัวยิ้มพลางเอ่ย : “ในใจของพวกเรา คุณนายเก่งมากๆเลยค่ะ ชนะติดต่อกันมาหลายรอบแล้ว!”
“ใช่ๆ!”
พ่อบ้านยืนอยู่ข้างๆด้วยใบหน้าที่ปลื้มอกปลื้มใจ พลางเอ่ยขึ้นด้วยอย่างภาคภูมิใจ : “สองสามวันมานี้พ่อบ้านคนอื่นๆเห็นผม ก็ถามผลถึงเรื่องเกี่ยวกับคุณนาย ผมออกจากบ้านนี่เดินเชิดหน้าเลยครับ!”
คนกลุ่มนี้เอ่ยพูดขึ้นกันด้วยความตื่นเต้น
เวินเที๋ยนเที๋ยนยิ้มออกมา
“ฉันเข้าใจความหวังดีของทุกคน ขอบคุณนะคะ”
“อีกอย่างไม่ได้มีเพียงแค่นี้นะคะ”
แม่ครัวเอ่ยพูดอย่างดีใจ : “ฉันยังเตรียมอาหารที่คุณนายชอบที่สุดเอาไว้ด้วย คุณรีบมาเถอะค่ะ เลี้ยงฉลองให้ตัวเองเสียหน่อย”
ดวงตาของเวินเที๋ยนเที๋ยนเป็นประกาย ถูกสองสามคนกรูกันพาเข้าไปด้านใน
ส่งเสียงออกมาด้วยความกระตือรือร้น เหลือเพียงแค่จี้จิ่งเชินและจี้หยู๋ชิงสองคนที่อยู่ตรงที่เดิม
บ้านหลังนี้ ใครเป็นนายกันแน่?
ตั้งแต่ที่พวกเขาเข้ามา ก็ไม่มีใครเห็นพวกเขาอยู่ในสายตาเลย
แต่เมื่อเผชิญหน้ากับสถานการณ์เช่นนี้แล้ว ทั้งสองคนเองก็ทำได้เพียงแค่มองสบตากันเท่านั้น
แล้วเดินตามไปอย่างเลี่ยงไม่ได้
เมื่อเดินเข้ามาในห้องอาหารแล้ว ก็ได้กลิ่นหอมของอาหารอย่างที่คิดไว้ ล้วนแต่เป็นสิ่งที่เวินเที๋ยนเที๋ยนชอบเต็มโต๊ะไปหมด
พ่อบ้าน แม่ครัวและคนสวนอีกสองสามคน กรูเข้ามาหาเวินเที๋ยนเที๋ยน เสิร์ฟอาหาร รินน้ำให้เธอ คึกคักเป็นอย่างมาก
จี้หยู๋ชิงและจี้จิ่งเชินมองดูอาหารที่อยู่บนโต๊ะ ถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่เลือกทาน แต่ทำไมอาหารมากมายขนาดนี้กลับไม่มีสิ่งที่พวกเขาชอบอยู่เลยกัน?
“อ๋า อ้า! ของผมล่ะฮะ?”
จี้หยู๋ชิงเอ่ยถามขึ้นอย่างสงสัย
เมื่อแม่ครัวได้ยินแล้ว ก็ยิ้มออกมาอย่างอบอุ่นยิ่งขึ้น แล้วรีบเข้ามาหาพลางเอ่ย : “ฉันเองก็เตรียมข้าวต้มที่คุณชายน้อยชอบมากที่สุดเอาไว้เหมือนกันค่ะ ตอนแข่งขันเมื่อครู่นี้ คุณชายน้อยเองก็คอยเชียร์ให้กำลังใจคุณนายอยู่ตลอด ลำบากแย่เลย? มาค่ะ มาทานซักหน่อยดีกว่า”
จี้หยู๋ชิงพยักหน้าลงอย่างเห็นด้วยเป็นอย่างมาก
ใช่แล้ว เขาคอยเชียร์แม่อยู่ตลอด ลำบากมากเลย
และแม้แต่จี้หยู๋ชิงก็ถูกพาตัวไปแล้ว จึงเหลือเพียงแค่จี้จิ่งเชินคนเดียวที่ยืนอยู่ที่เดิม
เห็นว่าไม่มีใครสนใจตัวเองแล้ว จึงขมวดคิ้วขึ้นมาทันที
“ของฉันล่ะ?”
สองสามคนนั้นหันมา ด้วยใบหน้าที่ตำหนิ
พ่อบ้าน : “คุณผู้ชายครับ คุณโตขนาดนี้แล้ว อย่าเลือกทานสิครับ”
แม่ครัว : “ขอโทษทีนะคะ เพราะว่าฉันมัวแต่ทำอาหารที่คุณนายชอบ ไม่มีเวลาทำให้คุณเลย”
คนสวน : “คุณผู้ชายอย่าขี้เหนียวเลยนะครับ”
ได้ยินคำพูดของสองสามคนนี้แล้ว สีหน้าของจี้จิ่งเชินก็ดูอึมครึมขึ้นมา เส้นเลือดผุดขึ้นมาบนหน้าผาก
แต่เห็นพวกเขาเริ่มเตรียมตัวกันเพื่อเวินเที๋ยนเที๋ยนมาตั้งแต่แรกแบบนี้ อาหารทุกอย่างก็คิดมาเพื่อเวินเที๋ยนเที๋ยน ต่อให้เป็นความไม่พอใจมากแค่ไหนก็หายวับไปทันทีเหมือนกัน
ช่างเถอะ
เขานั่งลงแล้วเตรียมจะรับประทานอาหาร
แต่เมื่อเห็นคนที่คอยแต่พัวพันอยู่กับเวินเที๋ยนเที๋ยนตลอดนั้น จึงขมวดคิ้วขึ้นมาในทันที
“เอาล่ะ ไปทำงานกันได้แล้ว”
พ่อบ้านรินน้ำผลไม้ให้กับเวินเที๋ยนเที๋ยนแก้วหนึ่ง พลางเอ่ย : “งานของผมเสร็จหมดแล้วครับคุณผู้ชาย”
แม่ครัว : “ฉันก็เหมือนกันค่ะ”
คนสวน : “ผมด้วยครับ”
………..