เมียหวานของประธานเย็นชา - บทที่1073 อยากทำตามความฝันของตัวเอง
จางอันโย่วเป็นนักออกแบบ ก่อนหน้านี้ได้ประกาศผลงานบางส่วนไปแล้วและมีชื่อเสียง แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจมาเรียนกับปรมาจารย์หูหลิน
ถึงแม้จะมีสายเลือดต่างชาติ แต่ก็เติบโตที่ประเทศนี้ ทั้งสองคนเข้ากันได้เป็นอย่างดี
“ก่อนหน้านี้ผมเคยได้ยินมาว่าวิชาของปรมาจารย์หูหลิน มีประโยชน์มาก คิดแล้วคิดอีก ก็รู้สึกว่าควรจะอาศัยโอกาสนี้มาเรียนรู้ ถึงอย่างไรก็จะได้เป็นการเตรียมตัวเอาไว้ก่อนเพื่อจะได้ทำงานให้เร็วขึ้นได้”
หลวนจื่อพยักหน้า อย่างเข้าใจ
“การออกแบบของคุณก่อนหน้านี้ฉันเคยเห็นแล้วนะคะ ในนั้นมีอยู่สองสามแบบที่มีความเป็นเอกลักษณ์มาก ฉันชอบมากๆเลยค่ะ”
จางอันโย่วเอ่ยขึ้น : “ใช่ไหม? คุณชอบชุดไหนครับ? ผมสามารถส่งแบบให้คุณดูได้นะ”
หลวนจื่อรีบโบกมือขึ้นมา
“ไม่ต้องหรอกค่ะ ของลับแบบนี้เก็บเอาไว้จะดีกว่านะ”
จางอันโย่วยิ้มพลางเอ่ย : “สำหรับคุณแล้วไม่ต้องป้องกันหรอกครับ”
หลวนจื่อโบกมือ
“เพราะถึงยังไงฉันเองก็อยากเป็นนักออกแบบเหมือนกัน ถึงตอนนั้นเราก็คงได้เจอกันบนเวทีนะคะ”
“ผมเคยเห็นโชว์ก่อนหน้านี้ของคุณ แต่เสื้อผ้าชุดที่คุณออกแบบกลับไม่เคยได้เห็นที่ไหนมาก่อนเลยนี่ครับ รู้สึกรอคอยมากจริงๆ”
หลวนจื่อรู้สึกเขินอายอยู่บ้าง
“ความจริงแล้วฉันไม่ค่อยเข้าใจเรื่องการออกแบบซักเท่าไหร่หรอกค่ะ”
ขณะที่ทั้งสองคนกำลังพูดคุยกันอยู่นั้น จางอันโย่วก็เงยหน้าขึ้นมาแล้วมองไปยังทิศทางทางบ้านของเธอ จากนั้นกลับขมวดคิ้วขึ้นมา
“เป็นอะไรไปคะ?” หลวนจื่อเอ่ยถามขึ้น
สายตาของจางอันโย่วแสดงออกมาอย่างระมัดระวัง
“มีคนยืนอยู่ตรงหน้าบ้านของคุณตลอดเลยครับ ช่วงนี้มีพวกหัวขโมยปรากฏตัวออกมาไม่น้อยเลย ระวังหน่อยจะดีกว่า”
หลวนจื่อได้ยินแล้ว จึงเงยหน้าขึ้นไปมองด้วยความสงสัย และเห็นร่างสูงใหญ่ของคนๆหนึ่งยืนอยู่ตรงหน้าประตูบ้านของเธอจริงๆ เขาสวมใส่เสื้อโค้ทสีดำ ก้มหน้าลงเล็กน้อย สวมหมวก สามารถมองเห็นคางสวยๆได้
ถึงแม้ว่าจะเห็นเพียงแค่มุมเดียวนั้น แต่เธอก็ยังคงจำได้อย่างรวดเร็ว
ใบหน้าของโดว์โดว์ที่อยู่ข้างๆแสดงความดีใจออกมา แล้วขาสั้นๆก็รีบวิ่งเข้าไปหา
“คุณพ่อ โดว์โดว์คิดถึงคุณพ่อจังค่ะ!”
โดว์โดว์รีบพุ่งเข้าไปหา แล้วเข้าไปอยู่ในอ้อมกอดของหมินอันเกอ
หมินอันเกออุ้มเธอขึ้นมา อาการที่แสดงออกมาบนใบหน้าแยกไม่ออกว่าเป็นอารมณ์ไหน แววตาที่เคร่งขรึมมองไปยังร่างของหลวนจื่อ
พลางอุ้มโดว์โดว์แล้วเดินเข้ามา ด้วยพลังที่น่าตกตะลึง
ทันใดนั้นเอง หลวนจื่อก็รู้สึกกลัวขึ้นมา
ก่อนที่จะจากมานั้น เธอไม่ได้บอกหมินอันเกอถึงการติดสินใจของตัวเอง รอจนถึงก่อนออกเดินทางหนึ่งวัน ถึงได้ทิ้งจดหมายเอาไว้หนึ่งฉบับไว้บนโต๊ะ เหมือนกับเป็นการหนีมาอย่างไรอย่างนั้น
ตามแผนของเธอแล้ว ตอนนี้หมินอันเกอกำลังถ่ายทำภาพยนตร์อยู่อีกหนึ่งสัปดาห์ถึงจะสิ้นสุดลง
ตอนนั้น ตัวเองที่อยู่ทางนี้ก็คงจะสงบเรียบร้อยดีแล้ว ต่อให้หมินอันเกอจะตามมาก็คงจะทำอะไรไม่ได้แล้วเช่นกัน
แต่คิดไม่ถึงเลยว่าเธอเพิ่งจะมาถึงที่นี่ได้สองวัน หมินอันเกอก็มาหาแล้ว
เธอตกตะลึงอยู่ตรงที่เดิม มองชายหนุ่มที่เดินเข้ามาทางตัวเอง แล้วรู้สึกกินปูนร้อนท้องขาดความมั่นใจขึ้นมาทันที
แววตาของหมินอันเกอมองอยู่ที่ร่างของเธอตลอด ถึงแม้จะไม่ได้เอ่ยพูด แต่แววตานั้นกลับมีความสงสัย
หมินอันเกอยืนอยู่ตรงหน้าของเธอ สายตามองไปยังจางอันโย่วที่อยู่ข้างๆ พลางเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา : “เขาเป็นใคร?”
หลวนจื่อกังวลว่าเขาจะเข้าใจผิด จึงเอ่ยขึ้น : “เขาชื่อจางอันโย่ว เป็นนักเรียนของปรมาจารย์หูหลินเหมือนกัน”
จางอันโย่วพยักหน้าลง รู้ถึงสถานะของหมินอันเกอ
“คุณเป็นสามีของหลวนจื่อใช่ไหมครับ? สวัสดีครับ”
เขายื่นมือออกมา แต่หมินอันเกอกลับมองเขาอย่างระวังตัว แล้วหันไปมองหลวนจื่อ
“ผมมีเรื่องจะคุยกับคุณ”
ควรจะมาก็ต้องมาอยู่แล้ว
หลวนจื่อพยักหน้า เดาได้ตั้งแต่แรกแล้วว่าจะเป็นแบบนี้ จึงหันไปพูดกับจางอันโย่ว : “ขอโทษทีนะคะ วันนี้รบกวนคุณแล้ว คุณกลับไปก่อนเถอะค่ะ ฉันกับเขามีเรื่องที่ต้องคุยกัน”
จางอันโย่วรู้สึกได้ถึงว่าสถานการณ์ระหว่างทั้งสองคนนั้นดูผิดปกติ จึงมองเธออย่างกังวล
“ไม่มีปัญหาอะไรจริงๆใช่ไหมครับ?”
เขากังวลว่าระหว่างทั้งสองคนนั้นจะเกิดความขัดแย้งอะไรกันขึ้น แต่ประโยคนี้กลับทำให้หมินอันเกอที่อยู่ตรงหน้าขมวดคิ้วขึ้น ดวงตาปรากฏความโมโหออกมาอย่างชัดเจน
“ฉันไม่เป็นไรหรอกค่ะ คุณกลับไปก่อนเถอะ”
หลวนจื่อพยักหน้าให้เขา จางอันโย่วถึงได้หันหลังกลับออกไป
หลวนจื่อก้มหน้าลงเล็กน้อย พลางเอ่ยพูดขึ้น : “เรื่องครั้งนี้ฉันสามารถ……”
ยังไม่ได้พูดจบ จู่ๆหมินอันเกอก็ยกมือขึ้นมาจับข้อมือเธอเอาไว้ แล้วพาหันหลังกลับไป
หลวนจื่อตามอยู่ทางด้านหลังของเขาด้วยความประหลาดใจ
“คุณจะทำอะไรคะ?”
หมินอันเกอก้าวเดินไปไม่หยุด เดินไปทางด้านหน้าอย่างรวดเร็ว
“ผมให้พี่เจี้ยนจองตั๋วเอาไว้แล้ว ตอนนี้พวกเราจะกลับไปกันเลย”
หลวนจื่อได้ยินคำพูดนี้แล้ว สีหน้าก็เปลี่ยนไป รีบสะบัดมือเขาออก
“ฉันไม่กลับ ในจดหมายฉันบอกคุณเอาไว้ชัดเจนหมดแล้ว ไม่ใช่ง่ายๆที่ฉันได้รับโอกาสนี้มา ฉันอยากจะเรียนออกแบบที่นี่”
หมินอันเกอขมวดคิ้ว แล้วหันไปมองยังโดว์โดว์ที่อยู่ข้างๆ น้ำเสียงเบาลงมาบ้าง
“โดว์โดว์ ลูกขึ้นรถไปก่อน รอพ่อกับแม่คุยกันเสร็จแล้ว จะรีบตามขึ้นไปดีไหมครับ?”
โดว์โดว์มองคนตรงหน้า แล้วก็หันหลังขึ้นรถไป
พอประตูรถปิดลง หมินอันเกอก็เอ่ยพูดขึ้น : “ผมไม่ยอม อยู่ในประเทศก็ไม่ใช่ว่าเรียนได้เหมือนกันหรอกหรือ? อีกทั้งเรื่องสำคัญขนาดนี้ ทำไมไม่บอกผมก่อนล่วงหน้า?”
“เราเป็นสามีภรรยากัน คุณจะต้องรอให้ตัวคุณเองจากมาแล้ว ใช้วิธีแบบนั้นเพื่อบอกผมอย่างนั้นใช่ไหม? คุณคิดบ้างหรือเปล่าว่าผมจะรู้สึกยังไง?”
หลวนจื่อก้มหน้าลง ด้วยความดื้อรั้นเป็นอย่างมาก
“ฉันรู้ว่าวิธีนี้ไม่ดีเท่าไหร่ แต่ฉันเองก็มีความลำบากใจของตัวเองเหมือนกัน”
สายตาของหมินอันเกอมองไปยังร่างของเธอ เหมือนกับเป็นเรื่องสำคัญ ที่กดดันให้หลวนจื่อยิ่งรู้สึกโทษตัวเอง
แต่นี่เป็นการตัดสินใจของเธอ จะต้องยืดหยัดต่อไปให้ได้
“ทิ้งไว้เพียงแค่จดหมายฉบับเดียว พาโดว์โดว์หายไปอีก นี่คือความลำบากใจของคุณอย่างนั้นหรือ?”
หลวนจื่อกำหมัดแน่น ปลายนิ้วจิกลงบนฝ่ามือ
“ถ้าหากก่อนที่ฉันจะจากมาถ้าฉันถามคุณก่อน คุณจะยอมไหม?”
“ผม!”
พอหมินอันเกอเอ่ยพูดขึ้นนั้นเสียงของเขาก็หยุดลงอย่างกะทันหัน
เขาไม่ยอม
ในสถานการณ์เช่นนี้ เขาจะให้หลวนจื่อไปจากตัวเองได้อย่างไร ไปเรียนออกแบบที่ต่างประเทศเพียงลำพัง?
เขาแทบอยากจะให้หลวนจื่อสิ้นสุดเรื่องงาน แล้วพักผ่อนอยู่ที่บ้าน จะให้เธอต้องมาเหนื่อยแบบนี้ได้อย่างไรกัน?
หลวนจื่อมองอาการบนใบหน้าของเขาแล้ว ก็เดาในสิ่งที่หมินอันเกอคิดอยู่ในใจได้แล้ว จึงส่ายหน้าออกมาอย่างผิดหวัง
“เห็นไหมคะ ฉันรู้ตั้งแต่แรกแล้ว ถ้าหากฉันพูดกับคุณ คุณจะต้องไม่ยอมอย่างแน่นอน เพราะฉะนั้นฉันถึงได้ทำก่อนแล้วค่อยมาบอกคุณทีหลังไงคะ มาที่นี่ก่อนแล้วถึงได้ค่อยบอกคุณ”
หมินอันเกอขมวดคิ้วขึ้น ด้วยความโมโหหงุดหงิด
“ต่อให้เป็นแบบนี้ คุณเองก็ควร……”
“หมินอันเกอ” ยังพูดไม่จบ หลวนจื่อกลับเรียกเขา ขัดคำพูดของเขาขึ้นมา “ฉันเองก็อยากจะทำตามความฝันของตัวเอง ฉันเองก็มีสิ่งที่ฉันอยากจะทำ ฉันแต่งงานกับคุณ ไม่ใช่ว่าจะต้องให้ฉันคอยอยู่แต่บ้านตลอดนะคะ”
“ฉันอยากจะทำตามความฝันของตัวเอง อยากเป็นเหมือนกับเที๋ยนเที๋ยน ทำอาชีพของตัวเองให้ประสบความสำเร็จ คุณเข้าใจไหม?”
เสียงของหลวนจื่อสูงขึ้นมาเล็กน้อย มีความตื่นเต้นกับความใฝ่ฝันต่ออนาคตของตัวเอง
หมินอันเกอยังคงยืนกราน : “ในประเทศก็มีอาจารย์และโรงเรียนที่เหมือนกันนี่ครับ”
“นั่นมันไม่เหมือนกันค่ะ หมินอันเกอ ทั้งๆที่คุณก็รู้ถึงความแตกต่างนี้ ทั้งๆที่คุณเองก็รู้ว่าสำหรับคนๆนึงแล้วความฝันเป็นสิ่งที่สำคัญมากขนาดไหน คุณเข้าใจมันดีกว่าทุกคนอีกไม่ใช่หรือ?”
แน่นอนว่าหมินอันเกอรู้ แต่จะให้หลวนจื่อไปจากตัวเอง แล้วต้องมาต่อสู้ดิ้นรนอยู่ต่างประเทศคนเดียว จะให้เขาวางใจได้อย่างไร?