เมียหวานของประธานเย็นชา - บทที่1078 ทำไมไม่ลงมือ
เดิมทีจี้จิ่งเชินคิดอยากจะค่อยๆแทรกเข้าไป เพื่อแบ่งเบาภาระความรับผิดชอบของเวินเที๋ยนเที๋ยน แต่เขาประเมินความสามารถของภรรยาตัวน้อยของตัวเองต่ำไป เพิ่งจะเข้ารับตำแหน่งวันแรก ก็รับรู้ได้ถึงเรื่องผิดปกติเหล่านั้นได้อย่างเฉียบแหลม
ทำบัญชีปลอม รายได้ถูกยักยอก การขัดแย้งกันภายในของเจ้าหน้าที่พนักงาน แม้กระทั่งมีวัตถุโบราณบางอย่างที่ถูกขโมยออกไปด้วย…..
เมื่อเวินเที๋ยนเที๋ยนก้าวเข้าไป ก็เหมือนเป็นเดินเข้าถ้ำหมาป่าไปแล้ว
จี้หยู๋ชิงขมวดคิ้ว
“แบบนี้ ทำไมคุณพ่อถึงไม่ลงมือล่ะครับ?”
ตึง!
จี้จิ่งเชินยกมือขึ้นมาแล้วเอานิ้วเคาะลงบนศีรษะของจี้หยู๋ชิง
“ถ้าหากทำได้ พ่อก็ต้องลงมืออยู่แล้ว เพียงแต่ว่า……”
เพียงแต่เวินเที๋ยนเที๋ยนให้ความสำคัญกับงานนี้มาก ยืนยันว่าจะต้องทำให้สำเร็จได้ด้วยตัวเอง ถ้าหากจี้จิ่งเชินดำเนินการเอง อาจจะถูกเวินเที๋ยนเที๋ยนจับได้เข้า
ถึงแม้เธอจะไม่พูดอะไร แต่ในใจจะต้องผิดหวังอย่างแน่นอน
ถึงแม้จะเป็นเช่นนี้ จี้จิ่งเชินเองก็ทำใจไม่ได้เช่นกัน
เพื่อไม่ให้ถูกสังเกตเห็น จึงทำได้เพียงต้องซ่อนตัวเอาไว้ทางด้านหลัง มองดูแนวโน้มของพิพิธภัณฑ์ ถ้าหากมีอะไรที่มีความเป็นไปได้ที่จะเป็นการทำร้ายเวินเที๋ยนเที๋ยน ก็จะลงมืออย่างไม่ลังเลเลยแม้แต่นิดเดียว
เพราะการล้ำเส้นเพียงหนึ่งเดียวของเขาก็มีเพียงแค่เวินเที๋ยนเที๋ยนเพียงเท่านั้น
จี้หยู๋ชิงเอียงศีรษะเล็กน้อย แล้วดิ้นกระโดดออกมาจากอ้อมแขนของจี้จิ่งเชิน
“ถ้าอย่างนั้นผมเองก็จะช่วยด้วยเหมือนกันครับ!”
ว่าแล้วก็หันหลังแล้ววิ่งไปทางด้านหลัง
“ลูกจะไปทำอะไรน่ะ?”
จี้หยู๋ชิงไม่ได้หันกลับมา
“ผมจะไปทำอาหารมื้อใหญ่ให้คุณแม่!”
ว่าแล้วก็แวบหายไปในทันทีไม่เห็นแม้แต่เงา
จี้จิ่งเชินได้ยินแล้ว กลับขมวดคิ้วขึ้นมาด้วยความสงสัยเป็นอย่างมาก
อาหารมื้อใหญ่?
ทำไมเขาถึงจำไม่ได้ว่าจี้หยู๋ชิงทำอาหารเป็นกันนะ?
เดี๋ยวตอนที่ยกออกมาเสิร์ฟ คงไม่ใช่เป็นพวกอาหารดำๆหรอกใช่ไหม?
เวินเที๋ยนเที๋ยนงีบหลับไป ตอนที่ตื่นขึ้นมานั้นท้องฟ้าก็มืดลงแล้ว
ท้องฟ้ายามค่ำคืนเหมือนกับผ้าบางๆปกคลุมท้องฟ้าที่ว่างเปล่าเอาไว้ ให้ความรู้สึกที่สวยงามอย่างสลัวๆแบบหนึ่ง
ความเหนื่อยล้าก่อนหน้านี้หายไปหมดแล้ว เวินเที๋ยนเที๋ยนจึงเดินออกมา แต่กลับเห็นพ่อบ้านรออยู่ตรงหน้าประตูอยู่แล้ว
“คุณนายครับ” พ่อบ้านหันมาโค้งตัวให้เธอเล็กน้อย ใบหน้ามีรอยยิ้มบางๆ “คุณผู้ชายรอคุณอยู่บนชั้นดาดฟ้าแล้วนะครับ”
“ตอนนี้หรือคะ?”
“ใช่ครับ เชิญคุณขึ้นไปเองได้เลยนะครับ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนหมุนตัวแล้วเดินไปทางชั้นดาดฟ้า เดินไปได้สองก้าว ก็หันกลับมาแต่ไม่พบว่าพ่อบ้านตามมาด้วย
เธอหันกลับมาด้วยความสงสัย แล้วเดินขึ้นไปตามบันไดวน
คฤหาสน์หลังนี้สร้างขึ้นมาเป็นร้อยปีแล้ว สร้างตามแบบสิ่งก่อสร้างคฤหาสน์ภายในประเทศ นอกจากจะมีหอคอยและห้องใต้ดินที่ซับซ้อนแล้ว ยังมีชั้นลอยและระเบียงชมวิวอีกด้วย
ก่อนหน้านี้เวินเที๋ยนเที๋ยนไปที่ดาดฟ้าน้อยครั้งมาก สาเหตุหลักเป็นเพราะชั้นดาดฟ้านั้นมีคนเดินผ่านไปน้อยมาก
จี้จิ่งเชินตกแต่งชั้นดาดฟ้าใหม่ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?
ทำไมเธอถึงไม่ได้สังเกตเห็นเลยแม้แต่นิดเดียว?
ผลักประตูที่แง้มอยู่แล้วเดินเข้าไป
“จี้จิ่งเชิน? พี่อยู่ไหมคะ?”
เพิ่งจะเดินเข้ามา และเห็นภาพที่อยู่ตรงหน้าแล้วเวินเที๋ยนเที๋ยนกลับเบิกตาขึ้น
“สวยจัง!”
ครั้งที่แล้วตอนเวินเที๋ยนเที๋ยนมา ที่นี่ยังมีของจุกจิกวางเอาไว้ไม่น้อย คนที่คฤหาสน์น้อยคนมากที่จะขึ้นมา
แต่ตอนนี้ ของจุกจิกเหล่านั้นได้ถูกเก็บไปหมดเรียบร้อยแล้ว ชั้นดาดฟ้าทั้งชั้นถูกเปิดโล่ง พอเงยหน้าขึ้นมาก็สามารถมองเห็นดวงดาวเต็มท้องฟ้า
สายลมพัดผ่าน จากตำแหน่งที่เธอยืนอยู่นั้น สามารถมองเห็นเมืองหลวงทั้งเมืองได้
บริเวณรอบๆดาดฟ้าปลูกต้นหญ้าดอกไม้ไว้เป็นจำนวนมาก ตอนนี้เป็นช่วงกลางฤดูร้อน ดอกไม้เบ่งบาน ส่งกลิ่นหอมจางๆลอยมา
พื้นปูด้วยหินกรวดแม่น้ำ ทางเดินเล็กๆมีต้นไม้เรียงรายอยู่สองฝั่ง โต๊ะกลมสวยปรากฏอยู่ตรงหน้า
บนโต๊ะมีสเต๊กและไวน์แดงที่เพิ่งจัดเตรียมเอาไว้วางอยู่ ผ้าเช็ดปากถูกวางซ้อนเอาไว้เป็นรูปร่างสวยงาม ผ้าปูโต๊ะสีขาวพัดพลิ้วไปตามแรงลม
จี้จิ่งเชินเดินเข้ามา ดวงตาเป็นประกายระยิบระยับด้วยรอยยิ้มที่ลึกซึ้ง
“พวกนี้พี่เตรียมเอาไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่คะ?”เวินเที๋ยนเที๋ยนมองไปรอบๆด้วยความประหลาดใจ แววตาปรากฏความสงสัยออกมา
“ตอนที่คุณกำลังยุ่งเรื่องการแข่งขันอยู่น่ะครับ แล้วก็มีตอนยุ่งๆกับการเตรียมงานที่พิพิธภัณฑ์อีก”
เวินเที๋ยนเที๋ยนหันมามองอย่างแปลกใจ “ตอนนั้นฉันไม่ได้อยู่ที่บ้านอยู่ตลอดหรอกหรือคะ? ทำไมถึงไม่เห็นล่ะ?”
ดวงตาของจี้จิ่งเชินแสดงอาการออกมาอย่างจำใจ
“เพราะคุณสนใจมากเกินไปไงครับ ถึงไม่ได้สังเกตเห็น”
ว่าแล้วเขาก็ยื่นมือออกมา พลางเอ่ย : “ขอเชิญคุณร่วมรับประทานอาหารมื้อค่ำด้วยกันได้ไหมครับ?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนถูกเขาจูงมือไป นั่งลงบนเก้าอี้แล้ว ก็ยังคงมองพิจารณาบริเวณรอบๆ
เมื่อครู่นี้ตอนที่จี้จิ่งเชินบอกว่าจะมาทานอาหารบนชั้นดาดฟ้า เธอยังรู้สึกสงสัยอยู่บ้าง คิดไม่ถึงว่าไม่เห็นเพียงไม่กี่วัน ที่นี่ก็ได้เปลี่ยนไปมากแล้ว
และเวลานี้เอง จี้หยู๋ชิงก็ถือชามข้าวต้มที่ตัวเองกับแม่ครัวทำด้วยกัน มาวางไว้ตรงหน้าของเวินเที๋ยนเที๋ยน
“คุณแม่ นี่เป็นเมนูที่หยู๋ชิงทำให้คุณแม่โดยเฉพาะเลยครับ!”
เวินเที๋ยนเที๋ยนก้มหน้าลงมองดู ในใจนั้นก็ยิ่งรู้สึกประหลาดใจมากขึ้นไปอีก
ถึงแม้ว่าจะเป็นข้าวต้มขาวธรรมดาๆ แต่ก็ยังคงทำให้เธอรู้สึกประหลาดใจอยู่ดี
จี้หยู๋ชิงทำอาหารเป็นด้วยหรือ?
ทำไมเมื่อก่อนถึงไม่เคยเห็นกัน?
“หยู๋ชิงเก่งมากเลยนะครับ!”เวินเที๋ยนเที๋ยนหยิบช้อนขึ้นมาแล้วตักชิม
ถึงแม้ว่าจะดิบไปบ้าง แต่รสชาติก็นับว่าไม่เลว
จี้หยู๋ชิงมองเธอด้วยใบหน้าที่ดูรอคอยด้วยความคาดหวัง
“อร่อยไหมครับ?”
“อร่อยครับ” เวินเที๋ยนเที๋ยนหยักหน้า
“ดีจังเลย!”
จี้หยู๋ชิงยิ่งรู้สึกดีใจมากยิ่งขึ้น แล้วเชิดหน้าขึ้นมาอย่างภาคภูมิใจ
“เอาล่ะ”จี้จิ่งเชินยกมือขึ้นมาแล้วดึงเขามาให้นั่งลงบนเก้าอี้ทางด้านข้าง “นั่งดีๆ”
จี้หยู๋ชิงยังอยากจะให้แม่ทานให้มากกว่านี้ แต่เห็นสเต๊กที่อยู่บนโต๊ะแล้ว จึงทำได้เพียงต้องยอมแล้วนั่งดีๆ
“ทานก่อนดีกว่าครับ ผมให้พวกเขาเตรียมของที่คุณชอบที่สุดเอาไว้แล้ว”
ทั้งชั้นดาดฟ้านี้ถูกเปิดออกโล่ง เวลานี้ท้องฟ้ามืดลงมากแล้ว เพียงแค่เงยหน้าขึ้นมอง ก็สามารถมองเห็นดวงดาวที่แพรวพราวบนท้องฟ้าได้
ทางด้านซ้ายเป็นภูเขาที่ทอดยาวเรียงกัน ป่าไม้เป็นพุ่มๆเขียวชอุ่มประดับสีของท้องฟ้า และมักจะได้ยินเสียงจากด้านในนั้นส่งเสียงออกมาเป็นบางครั้งบางคราว
ทางด้านขวา สามารถมองลงมาเห็นเมืองหลวงได้ทั้งเมือง แสงไฟในเมืองและยานพาหนะกลายเป็นภาพที่งดงาม แข่งกันส่องแสงสว่างกับดวงดาวบนท้องฟ้า
“งานของทางพิพิธภัณฑ์ทางนั้นราบรื่นดีไหมครับ?”ทานอาหารกันจนถึงตอนช่วงท้าย จี้จิ่งเชินจึงเอ่ยถามขึ้น
การเคลื่อนไหวของเวินเที๋ยนเที๋ยนชะงักลง
“ปัญหาเยอะมากค่ะ คงจะเป็นเพราะว่าไม่ได้มีคนมาดูแลเป็นเวลานานแล้วล่ะมั้งคะ?”
เธอขมวดคิ้วขึ้นมาเล็กน้อย แล้วนึกถึงข้อมูลเหล่านั้นที่ตัวเองเห็นมาก่อนหน้านี้
บางปัญหา เกิดขึ้นตั้งแต่ภัณฑารักษ์คนก่อนแล้ว แต่ยังไม่ได้รับการจัดการ ต่อมาจึงยิ่งเป็นการสะสมเอาไว้มากขึ้นเรื่อยๆ
วันนี้ใช้เวลาทั้งวันถึงได้ดูข้อมูลทั้งหมดจนเสร็จสิ้น และก็เข้าใจแล้วด้วยเช่นกันว่าทำไมอาจารย์ฉู่ถึงได้บอกว่างานนี้เป็นงานที่รับมือยาก
เป็นเช่นนั้นจริงๆ ถ้าหากเป็นคนอื่น หลังจากที่เห็นแล้วจะต้องรู้สึกปวดหัวมากอย่างแน่นอน
แต่ถ้าหากเปลี่ยนตัวเป็นคนอย่างจางลัยยี่ จะต้องไม่สามารถดูแลได้แน่ๆ แต่กลับจะปล่อยให้เป็นปัญหาไว้แบบนั้นน่ะสิ?
คิดแบบนี้แล้ว ที่ตัวเองรับงานนี้มา กลับเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องจริงๆ
เวินเที๋ยนเที๋ยนกำลังคิดอยู่นั้น ก็เงยหน้าขึ้นมามองจี้จิ่งเชินพลางยิ้มขึ้นเล็กน้อยแล้วพูดปลอบใจ : “แต่ไม่ต้องกังวลนะคะ ฉันทำความเข้าใจเบื้องต้นกับเรื่องราวพวกนี้แล้ว ถึงตอนนั้นก็ค่อยๆจัดการไปทีละเรื่องๆ”
“ถ้าหากต้องการความช่วยเหลือตรงไหน บอกผมได้เลยนะครับ”
“ค่ะ!”
เวินเที๋ยนเที๋ยนพยักหน้าลง แล้วหันไปมองจี้หยู๋ชิง กลับเห็นว่าเขานั่งหลับอยู่บนเก้าอี้ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว