เมียหวานของประธานเย็นชา - บทที่1081 หัวหน้าสวุไห่เฉิน
หลายคนหยิบแบบรายงานผลขึ้นมา เมื่อเห็นตัวเลขบนนั้นแล้วต่างก็ขมวดคิ้ว
“แต่ว่า……ต่อให้เป็นแบบนี้ ก็มีความเป็นไปได้อย่างอื่น”
ไม่ว่าอย่างไรพวกเขาก็ยังไม่เชื่อว่าเพื่อนร่วมงานที่อยู่ด้วยกันทั้งวันเช้าจรดเย็นจะทำเรื่องแบบนี้ได้ลง
“มีความเป็นไปได้อย่างอื่นจริงๆ แต่ที่ฉันพูดคือความเป็นไปได้นี้มีความเป็นไปได้มากที่สุด”
เธอมองหลายคนตรงหน้าแล้วเอ่ย “สองสามวันหลังจากนี้ฉันจะดำเนินการตรวจสอบเรื่องนี้ หวังว่าถึงตอนนั้นแล้วทุกคนจะให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่ ไม่ว่าอย่างไร วัตถุโบราณหายไปก็ไม่ใช่เรื่องเล็กๆ”
ทุกคนจึงได้แต่พยักหน้า
เมื่อทุกคนกลับไปแล้ว สวุไห่เฉินกลับอยู่ต่อแล้วเอ่ยสอบถาม “ภัณฑารักษ์เวิน คุณคิดจะตรวจสอบอย่างไร?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนมองข้อมูลในมือ
“แม้ว่าวงจรปิดของสามเดือนก่อนหน้านี้จะหายไปแล้ว แต่คลิปวงจรปิดของเมื่อวานตอนเย็นฉันเอากลับมาได้ แค่ตรวจสอบพนักงานทุกคนที่เข้าไปในพิฑิธภัณฑ์ในคืนนั้น ก็น่าจะได้อะไรบ้าง”
สวุไห่เฉินได้ยินดังนั้นก็ขมวดคิ้ว ครุ่นคิดแล้วเอ่ย “เรื่องนี้ส่งให้ผมทำไม่ดีกว่าเหรอ”
ตั้งแต่เวินเที๋ยนเที๋ยนเข้ามาที่พิพิธภัณฑ์ สวุไห่เฉินก็ดูแลเป็นเธออย่างดี เป็นรุ่นพี่ที่ใจดีจริงๆ
ยิ่งไปกว่านั้นเขายังเป็นหัวหน้าที่มีประสบการณ์มากที่สุด น่าจะไม่มีปัญหาอะไร
เวินเที๋ยนเที๋ยนพยักหน้าแล้วเอ่ย “วงจรปิดของวันนั้นมีมากเกินไป คุณให้คนอื่นมาช่วยตรวจสอบด้วยก็ได้”
“ครับ”
สวุไห่เฉินรับเอาคลิปวงจรปิดจากเธอมาแล้วจึงหมุนตัวจากไป
เวินเที๋ยนเที๋ยนหยิบเอาเอกสารข้อมูลพนักงานของพิพิธภัณฑ์ทั้งหมดในมือออกมา
ปัจจุบันพิพิธภัณฑ์มีพนักงานมากกว่าหนึ่งร้อยคน แต่ว่ามีเพียงไม่กี่คนที่มีลูกกุญแจและสามารถเข้าใกล้คลังเก็บพัสดุได้
ตอนบ่ายสวุไห่เฉินเอาใบรายชื่อที่รวบรวมได้ มายื่นให้ตรงหน้าเวินเที๋ยนเที๋ยน
“จากการตรวจสอบของผม คนที่เข้าไปในพิพิธภัณฑ์แห่งชาติมีแค่สามคนนี้”
ทั้งสามคนล้วนเป็นคนในสำนักงาน ก่อนหน้านี้เวินเที๋ยนเที๋ยนก็เคยเจอพวกเขามาแล้วหลายครั้ง เฉินหยุนก็เป็นหนึ่งในนั้น
เวินเที๋ยนเที๋ยนพยักหน้า “รบกวนคุณแล้ว”
ถ้าเธอทำเองคนเดียว คงต้องใช้เวลาดูอยู่นานกว่าจะเสร็จ
“ไม่เป็นไร” สวุไห่เฉินเอ่ยยิ้มๆ “แค่หาหัวขโมยคนนั้นให้เจอเร็วๆ ก็พอ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนพยักหน้า “น่าจะเป็นหนึ่งในพวกเขา ฉันจะไปคุยกับพวกเขาเอง”
เมื่อสวุไห่เฉินกลับไปแล้ว เวินเที๋ยนเที๋ยนก็ถือใบรายชื่อไปหาทั้งสามคน
เมื่อวานทั้งสามคนมาที่พิพิธภัณฑ์แห่งชาติจริงๆ แต่พวกเขาต่างพูดว่าลืมของตัวเองไว้จึงกลับมาเอา
เฉินหยุนกลับมาที่นี่เป็นคนสุดท้ายเพราะของในคลังเก็บของมักจะหายไป จึงรู้สึกไม่สบายใจเลยกลับมาตรวจสอบอีกครั้ง
เวินเที๋ยนเที๋ยนเอ่ยถาม “หมายความว่าตอนที่คุณกลับมาตรวจสอบครั้งที่สอง ของในคลังยังอยู่ครบถ้วนใช่ไหม?”
เฉินหยุนพยักหน้า
“ใช่แล้ว ฉันยังตรวจสอบตั้งสองครั้งกว่าจะวางใจแล้วกลับไป แต่คิดไม่ถึงว่าวันต่อมาเมื่อเปิดประตูคลังเก็บของก็พบว่าของหายไปอีกแล้ว ฉันไม่รู้จริงๆ ว่าเกิดอะไรขึ้น”
เวินเที๋ยนเที๋ยนขมวดคิ้ว รู้สึกว่าน่าสงสัยมากยิ่งขึ้น
ตามข้อมูลที่สวุไห่เฉินให้เธอมาก่อนหน้านี้ ในทั้งสามคนที่กลับมาที่พิพิธภัณฑ์แห่งชาติ คนสุดท้ายก็คือเฉินหยุน
ถ้าตอนที่เธอมาของยังอยู่ครบ แล้วใครเป็นคนเอาไปกันแน่?
หรือว่าจะเป็นอย่างที่คนอื่นพูดจริงๆ เป็นไปได้มากว่าจะเป็นยามรักษาความปลอดภัยหรือพนักงานทำความสะอาด หรือจะว่าเป็นคนนอกที่บุกเข้ามา?
เวินเที๋ยนเที๋ยนครุ่นคิดแล้วเอ่ยถาม “ตอนที่คุณมาเห็นความผิดปกติอะไรไหม?”
“ก็ไม่มีอะไรผิดปกติ……”
เฉินหยุนครุ่นคิดแล้วรีบเอ่ย “ใช่แล้ว ตอนที่ฉันกลับออกไปเห็นหัวหน้าสวุไห่เฉินด้วย ไม่รู้ว่าเขาจะเห็นความผิดปกติตรงไหนไหม คุณลองถามเขาดูสิ”
“สวุไห่เฉิน?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนมองเธออย่างแปลกใจ
เฉินหยุนเอ่ย “ใช่แล้ว ตอนฉันออกไปเห็นเขากำลังเข้ามาพอดี แต่ว่าระยะห่างค่อนข้างไกล ฉันทักทายเขาแล้วแต่ดูเหมือนเขาจะไม่เห็นฉัน”
เวินเที๋ยนเที๋ยนได้ยินดังนั้นก็ขมวดคิ้ว เมื่อวานสวุไห่เฉินก็กลับมาที่พิพิธภัณฑ์แห่งชาติ แล้วทำไมเขาถึงไม่บอกเธอ?
เธอมองเฉินหยุนที่อยู่ตรงหน้าแล้วเอ่ย “เรียบร้อยแล้ว คุณกลับไปได้”
เฉินหยุนพยักหน้าแล้วพูดขึ้นอย่างลังเล
“คุณเวิน คุณคิดว่าคนในพิพิธภัณฑ์เป็นคนทำเรื่องนี้จริงๆ เหรอ?”
“มีความเป็นไปได้มาก”
เฉินหยุนถอนหายใจออกมา สายตาฉายแววผิดหวังแล้วหมุนตัวออกไป
เวินเที๋ยนเที๋ยนถือรายชื่อในมือ แล้วเดินไปทางสำนักงานของหัวหน้าสวุไห่เฉิน
ทันทีที่เปิดประตูเข้าไปก็เห็นสวุไห่เฉินกำลังคุยโทรศัพท์กับใครบางคนอยู่ เมื่อเห็นเวินเที๋ยนเที๋ยนปรากฏตัวกะทันหัน ก็ดูเหมือนตกใจแล้วรีบวางสายไป
เมื่อเงยหน้าขึ้น นัยน์ตาก็ฉายแววตื่นตระหนกเล็กน้อยแล้วรีบยิ้มออกมา
“มีอะไรเหรอ? เกิดเรื่องอะไรขึ้น? เจอตัวคนร้ายแล้ว?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนส่ายหน้า
“ฉันตรวจสอบทั้งสามคนในรายชื่อที่คุณให้มาแล้ว คนสุดท้ายที่มาที่พิพิธภัณฑ์แห่งชาติคือเฉินหยุน แต่เธอบอกว่าตอนที่เธอมาเพื่อตรวจสอบของในคลังเก็บของ ตอนนั้นยังไม่มีของชิ้นไหนหายไปแม้แต่ชิ้นเดียว”
“อย่างนี้นี่เอง” สวุไห่เฉินขมวดคิ้วอย่างไม่แน่ใจเล็กน้อย “ถ้าอย่างนั้นใครเป็นคนเอาไปกันแน่?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนมองสีหน้าของเขาอยู่ตลอด แล้วลองพูดหยั่งเชิง
“ถึงแม้เฉินหยุนจะไม่ได้สังเกตเห็นความผิดปกติอะไร แต่เธอบอกฉันว่าตอนเธอกำลังจะกลับเห็นคุณสวุไห่เฉินอยู่ในพิพิธภัณฑ์”
เมื่อได้ยินดังนั้นสีหน้าของสวุไห่เฉินก็เปลี่ยนไปทันที ตาเบิกกว้างขึ้นอย่างรวดเร็ว รูม่านตาหดตัวลงฉับพลันด้วยความตื่นตระหนก
“เธอเห็นผม? เห็นตอนไหน?”
“ตอนที่เธอกำลังจะกลับ คุณก็เข้ามาพอดี แต่ว่าดูเหมือนคุณจะไม่เห็นเธอ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนสายตาจับจ้องสวุไห่เฉินที่อยู่ตรงหน้าอย่างไม่ละสายตา เอ่ยถาม “ฉันให้คุณดูคลิปการตรวจตราทั้งหมดแล้วบอกฉันว่ามีใครมาที่พิพิธภัณฑ์แห่งชาติบ้าง ทำไมคุณถึงไม่บอกว่าคุณเองก็มา?”
สวุไห่เฉินยิ้มกระอักกระอ่วนเล็กน้อย
“ความจริงแล้วเมื่อวานผมมาจริงๆ มาตรวจสอบของในคลังเช่นกัน ตอนนั้นผมไม่เห็นเฉินหยุน ก่อนเอารายชื่อให้คุณน่าจะลืมเพิ่มชื่อตัวเองเข้าไป”
เขายิ้มอย่างสดใส
“ยิ่งแก่ยิ่งเลอะเลือนจริงๆ ถ้าคุณสงสัย สามารถตรวจสอบคลิปดูอีกครั้งก็จะรู้”
“จุดนี้ฉันจะตรวจสอบด้วยตัวเอง”
เวินเที๋ยนเที๋ยนพูดพลางหมุนตัวกลับไปเลื่อนดูคลิปการก่อนหน้านี้
เป็นอย่างที่คิดไว้จริงๆ กล้องวงจรปิดถ่ายติดคนที่เข้าไปในพิพิธภัณฑ์เมื่อวานทั้งหมดสี่คน และคนสุดท้ายที่เข้าไปก็คือหัวหน้าสวุไห่เฉิน
แต่ข้อแตกต่างเพียงอย่างเดียวก็คือ หัวหน้าสวุไห่เฉินไม่ได้ไปที่คลังเก็บพัสดุ แต่เข้าไปยังห้องที่อยู่ข้างๆ แทน
เวินเที๋ยนเที๋ยนจึงเรียกทุกคนมา แล้วบอกเรื่องที่พบกับพวกเขา
“ตอนเฉินหยุนตรวจสอบครั้งสุดท้าย ของยังไม่ได้หายไปและหลังจากเธอแล้วจนถึงเช้าวันต่อมา คนที่เข้ามาในพิพิธภัณฑ์ ก็มีเพียงหัวหน้าสวุไห่เฉินแค่คนเดียวแล้ว”