เมียหวานของประธานเย็นชา - บทที่1088 ก็มีประธานแบบนี้
ในข้อเสนอครั้งนี้ของเวินเที๋ยนเที๋ยน นิทรรศการกินระยะเวลาหนึ่งเดือน เวลายาวนานขนาดนั้นก็เพียงพอที่จะทำให้กิจการของบริษัทเอ็มไอกรุ๊ปถึงขึ้นระเบิดได้
ทุกคนพยักหน้าอย่างพอใจ แปลกใจเล็กน้อยที่เวินเที๋ยนเที๋ยนคิดแผนงานที่ดีขนาดนี้ออกมาได้
น่าจะเพราะก่อนหน้านี้เคยทำงานในบริษัทมากก่อน ถึงได้วางแผนชี้เป้ามาที่บริษัทได้แบบนี้
จี้จิ่งเชินยกมุมปากขึ้นเล็กน้อยจนปรากฏมุมโค้งที่แทบจะไม่สังเกตเห็น สายตากวาดมองตัวเวินเที๋ยนเที๋ยน
เห็นท่าทางภูมิอกภูมิใจของอีกฝ่าย มุมโค้งที่มุมปากก็เพิ่มขึ้นอีกเล็กน้อย แล้วลุกขึ้นยืนมองทุกคน
“ในเมื่อตกลงแล้ว ถ้าอย่างนั้นก็ดำเนินการตามแผนงานเถอะ”
เขาแบ่งหน้าที่งานให้อีกหลายคน สายตาวกกลับไปมองที่ตัวเวินเที๋ยนเที๋ยนอีกครั้งแล้วเอ่ย “เรื่องที่เหลือ ผมจะคุยกับภัณฑารักษ์เวินเอง”
เมื่อทุกคนได้ยินดังนั้นก็แสดงรอยยิ้มที่เข้าใจกันดีออกมา
เวินเที๋ยนเที๋ยนจึงให้เฉินหยุนกลับไปก่อน แล้วเดินตามจี้จิ่งเชินออกจากห้องประชุมไปที่ห้องห้องทำงาน
เมื่อเข้าประตูมาแล้วจึงเอ่ย “แผนงานที่ฉันทำยังมีปัญหาอะไรอีกเหรอ?”
เมื่อพูดจบก็เงยหน้าขึ้นมองจี้จิ่งเชิน
แต่ยังไม่ทันเห็นใบหน้าของอีกฝ่าย วินาทีต่อมาก็ถูกผลักเบาๆ แล้วกดลงกับประตู
เวินเที๋ยนเที๋ยนรู้สึกประหม่าขึ้นมาเล็กน้อยจึงรีบเอ่ย “คุณจะทำอะไร? ตอนนี้เป็นเวลาทำงานของบริษัท คุณเรียกฉันมาคุยงานไม่ใช่เหรอ?”
“ตอนนี้ก็กำลังคุยเรื่องงานอยู่” จี้จิ่งเชินเอ่ย
เวินเที๋ยนเที๋ยนได้ยินดังนั้นก็เลิกคิ้วขึ้น
“คุยงานด้วยท่าทางแบบนี้?”
“แล้วใครบอกว่าไม่ได้?”
จี้จิ่งเชินทับลงบนตัวเธอเบาๆ แล้วเอ่ยอย่างจริงจัง “เรื่องแผนงานร่วมงานครั้งนี้ เรื่องสถานที่และขอบเขตปัญหายังคงต้องพิจารณาใหม่อีกครั้ง”
เวินเที๋ยนเที๋ยนเห็นเขายังคงกอดเธอไว้และคุยเรื่องงานไปด้วยแล้ว ก็รู้สึกจนใจขึ้นมาทันที
“ทุกครั้งที่คุณคุยเรื่องร่วมงานล้วนเป็นแบบนี้เหรอ?”
“แน่นอนว่าไม่ใช่ นี่เป็นสิทธิพิเศษของคุณคนเดียว”
เวินเที๋ยนเที๋ยนได้ยินดังนั้นก็หน้าร้อนขึ้นมาทันที รีบเอ่ย “ฉันกำลังคุยเรื่องธุรกิจกับคุณอยู่”
“ผมรู้ ไม่อย่างนั้นคุณก็คงไม่เสนอจะร่วมงาน ทั้งยังไม่ประสงค์ออกนาม”
เวินเที๋ยนเที๋ยนได้ยินดังนั้นจึงเอ่ยขึ้นมาทันที “คุณรู้ตั้งแต่ตอนไหนว่าฉันเป็นคนเขียนแผนงานนั้น?”
“รู้ตั้งแต่เห็นแผนงาน”
เวินเที๋ยนเที๋ยนเบิกตากว้าง เอ่ยอย่างตกใจ “เป็นไปได้อย่างไร? บนนั้นไม่ได้เขียนชื่ออะไรเลย และไม่ได้เปิดเผยข่าว ก็เพื่อหลีกเลี่ยงคนรู้มาจากฉัน”
จี้จิ่งเชินนัยน์ตาเจือความขบขัน มองผู้หญิงที่กำลังงงงวยอยู่ตรงหน้าอย่างอ่อนโยนและไม่ละสายตา
เอ่ยแค่ “เป็นถึงสามี แน่นอนว่าต้องรู้ว่าเป็นคุณ”
“ล้อเล่นอีกแล้ว!”
เวินเที๋ยนเที๋ยนก้มลงเล็กน้อย มุดออกมาจากอ้อมแขนของเขาแล้วเอ่ย “งานนิทรรศการครั้งนี้ ยังมีบางจุดที่ฉันคิดวิธีแก้ปัญหาไม่ออกจริงๆ”
จี้จิ่งเชินหันมา สายตาตามติดอยู่ที่เธอ
ยกริมฝีปากขึ้นแล้วเอ่ยอย่างใจกว้าง “ให้ผมเสนอแผนงาน? แน่นอนว่าได้ แต่ว่าผมจะให้คุณง่ายๆ แบบนี้อย่างนั้นเหรอ?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนมองเขาอย่างตกใจ ไม่คิดว่าจี้จิ่งเชินจะพูดแบบนี้
“นี่เป็นการร่วมงานของบริษัทเอ็มไปกรุ๊ปและพิพิธภัณฑ์ เกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ของบริษัท”
จี้จิ่งเชินโบกมือไปมา
“แล้วอย่างไร?”
ราวกับว่าเขาไม่ได้ใส่ใจปัญหาเรื่องนี้
เวินเที๋ยนเที๋ยนขมวดคิ้ว เห็นว่าอีกฝ่ายมั่นใจว่าตนเองจะต้องขอร้องเขาอย่างแน่นอนก็ขมวดคิ้วทันที
แต่ก็ไม่มีทางเลือกอื่น จึงได้แต่เดินเข้าไป
“คุณจะเอาอะไร?”
จี้จิ่งเชินกอดอก เอนตัวพิงผนังด้านหลังเล็กน้อย มองเวินเที๋ยนเที๋ยนอย่างไม่สะทกสะท้าน แล้วยกนิ้วชี้ขึ้นแตะที่ริมฝีปากของตัวเอง
“หนึ่งจูบแลกกับหนึ่งคำตอบ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนเอ่ยอย่างโกรธๆ “ไม่เคยเจอประธานแบบนี้อย่างคุณมาก่อนเลย……”
“ตอนนี้ก็เจอแล้วไม่ใช่เหรอ?”
จี้จิ่งเชินไม่รู้สึกว่าการกระทำแบบนี้ของตัวเองไม่เหมาะสมตรงไหน
เวินเที๋ยนเที๋ยนจนใจ ครั้งนี้เธอทำเพื่อพิพิธภัณฑ์แห่งชาติ หลายคนกำลังทำงานหนัก
เธอรอให้กิจกรรมครั้งนี้ผ่านไปก่อน ให้พิพิธภัณฑ์สามารถกลับมาอยู่ในสายตาของผู้คนได้อีกครั้ง
เวินเที๋ยนเที๋ยนเงียบไปครู่หนึ่ง แล้วจึงเดินเข้าไป
ยังไม่ทำอะไร ใบหน้าก็เริ่มซับสีแดงขึ้นมาแล้วเอ่ยถาม “เกี่ยวกับงานด้านโฆษณา คุณมีความคิดเห็นอะไรไหม?”
จี้จิ่งเชินไม่ยอมเอ่ยปาก เอาแต่แตะที่ริมฝีปากของตัวเอง
“เจ้าเล่ห์เกินไปแล้ว!”
เวินเที๋ยนเที๋ยนบ่นเสียงเบา แต่ก็เขย่งเท้าขึ้น หลับตาลงแล้วจูบลงไปที่ริมฝีปากของเขาอย่างรวดเร็ว
เมื่อกำลังจะผละออก ทันใดนั้นก็มีมือข้างหนึ่งมารวบกอดเอวเธอเอาไว้แน่น ไม่ให้เวินเที๋ยนเที๋ยนมีโอกาสถอยแม้แต่น้อย
จี้จิ่งเชินพลิกตัวด้วยความรวดเร็ว ทั้งสองคนจึงสลับตำแหน่งกัน เวินเที๋ยนเที๋ยนถูกกดลงบนผนังและจูบอย่างลึกล้ำ
เดิมเป็นเพียงแค่จูบบางเบา กลับถูกจี้จิ่งเชินเพิ่มความล้ำลึกอย่างไม่สิ้นสุด ตรึงตราอบอุ่น สองมือลูบไล้บนเอวเบาๆ
เวินเที๋ยนเที๋ยนรู้สึกว่าร่างกายอ่อนปวกเปียก แทบจะยืนไม่ไหว ได้แต่พึ่งกำลังแขนของอีกฝ่ายถึงฝืนประคองต่อไปได้
ผ่านไปเนิ่นนาน ในที่สุดจี้จิ่งเชินก็ปล่อยเธอ แต่ก็ไม่ได้ถอยออกมา และยังคงกอดไว้แน่น
เวินเที๋ยนเที๋ยนเกาะข้อมือของเขา สูดเอาอากาศบริสุทธิ์ ริมฝีปากถูกจูบแดงเรื่อ บนแก้มก็ยิ่งซับสีแดงก่ำ
เธอเงยหน้าขึ้นอย่างไม่พอใจ ถลึงตาใส่จี้จิ่งเชิน แต่แสงที่สะท้อนเต็มดวงตานั้นกลับไม่มีอานุภาพอะไรเลย
มุมปากจี้จิ่งเชินยกสูงขึ้น สายตาปรากฏความพึงพอใจ เผยความอ่อนโยนล้ำลึกให้เห็น
“เกี่ยวกับด้านการโฆษณา ผมเขียนวิธีดีๆ ไว้แล้ว เดี๋ยวจะเอาให้คุณ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนมองอย่างไม่พอใจแล้วพูดด้วยความประหลาดใจ “คุณรู้อยู่แล้วว่าฉันจะถามอะไร!”
จี้จิ่งเชินก้มหน้าลงเล็กน้อย เอ่ยใกล้ใบหูของเธอด้วยเสียงแหบต่ำ และน่าดึงดูด
“ใครใช้ให้ผมเป็นสามีของคุณล่ะ?”
“แล้ว……”
เขายกมือข้างหนึ่งขึ้นค้ำไว้กับผนัง ขังเวินเที๋ยนเที๋ยนไว้ในระหว่างอกของตัวเอง แล้วก้มมองเธอ “ตอนนี้คำถามที่สองคืออะไร?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนรีบส่ายหน้า
เธอรู้แล้วว่าจี้จิ่งเชินคาดเดาถึงเรื่องต่างๆ ไว้แล้ว ถึงได้ถามเธอแบบนี้
ต่อให้ตัวเองไม่พูด อีกฝ่ายก็น่าจะมีแผนงานออกมาแล้ว
เธอก้มตัวลงแล้วมุดออกมาทางใต้แขนของจี้จิ่งเชิน
“ฉันไม่หลงกลคุณหรอก”
จี้จิ่งเชินเดินเข้ามา เอ่ยด้วยน้ำเสียงไม่ได้เนิบนาบเกินไป
“เป็นถึงผู้บริหารของบริษัทเอ็มไอกรุ๊ป ถ้าหากลูกหนี้ไม่ยอมชำระเงินตามจำนวน ก็สามารถเพิ่มแรงกดดันในการเรียกร้องเงินได้”
พูดจบ ก็จับมือเวินเที๋ยนเที๋ยนแล้วดึงเธอเข้ามาเบาๆ แล้วกดลงบนโต๊ะทำงาน
วินาทีต่อมาก็บดจูบเธอย่างล้ำลึก
สายตาเจือด้วยรอยยิ้มได้ดั่งใจ โอบเอวไว้ด้วยสองมือ ไม่ให้โอกาสเวินเที๋ยนเที๋ยนปฏิเสธ
ความโลภคนทำธุรกิจ ต้องไม่ยอมให้ตนเองเสียเปรียบอย่างแน่นอน จึงทวงกลับมาทั้งหมด
เวินเที๋ยนเที๋ยนจับข้อมือของจี้จิ่งเชินไว้แน่น ไม่รู้ว่าควรผลักออกหรือดึงเข้ามาดี ค่อยๆ ตกอยู่ในภวังค์ความเคลิบเคลิ้ม
ในห้องทำงานเงียบลง มีเพียงเสียงแผ่วเบาดังลอยมา
ในตอนนั้นเอง ในที่สุดเวินเที๋ยนเที๋ยนก็นึกขึ้นได้ บางทีตั้งแต่แรกเริ่มที่ตนเองยื่นข้อเสนอร่วมงานมา และเข้ามาคุยเรื่องแผนงานด้วยตัวเอง ทุกอย่างอาจจะเป็นแผนการที่จี้จิ่งเชินวางเอาไว้แล้ว