เมียหวานของประธานเย็นชา - บทที่1098 แย่งภรรยาออกมาจากงานที่อยู่ในมือ
หลวนจื่อนิ่งอึ้งไปพักหนึ่ง แล้วละสายตาออกมา
เวลานี้ หมินอันเกอถึงได้เอ่ยพูดขึ้นเบาๆ : “ถ้าหากผมบอกว่า อยากจะอยู่ที่บ้านของคุณ จะได้หรือเปล่าครับ?”
หลวนจื่อหน้าแดง แล้วถึงได้พยักหน้าลงเล็กน้อย
ผ่านไปซักพักหนึ่ง ก็กลัวว่าการเคลื่อนไหวของตัวเองนั้นจะดูน้อยเกินไป จนทางฝ่ายนั้นมองไม่เห็น ถึงได้เอ่ยพูดเสริมขึ้นเบาๆ
“อืม”
ถึงแม้ว่าจะเบามาก แต่หมินอันเกอที่ยืนอยู่ข้างๆนั้นก็ยังคงได้ยิน
มุมปากของเขายกขึ้นเล็กน้อย แสงไฟข้างทางสลัวๆ ส่องลงมาบนร่างของพวกเขา ทำให้ดูอบอุ่นเป็นพิเศษ
เขาอุ้มโดว์โดว์ขึ้นมาด้วยมือข้างเดียว ส่วนอีกข้างหนึ่งนั้นก็จับมือหลวนจื่อเอาไว้ สิบนิ้วสอดประสานกัน แล้วพาเธอเดินไปข้างหน้า
“คุณพ่อคะ พรุ่งนี้พวกเรามาเที่ยวด้วยกันอีกได้ไหมคะ?”โดว์โดว์เงยหน้าขึ้นมองเขาพลางเอ่ยถาม
“ไม่มีปัญหาครับ”
เสียงของหมินอันเกอนั้นเต็มไปด้วยความอ่อนโยน
หลวนจื่อได้ยินแล้ว อดที่จะพูดขึ้นมาเบาๆไม่ได้ : “พรุ่งนี้ยังมาอีกหรือคะ? ฉันอาจจะมีงาน”
“ไม่เป็นไรครับ ผมจะช่วยคุณเอง อีกอย่างไม่ใช่เพียงแค่ไปเที่ยวด้วยกันนะ ลูกเองก็จะไปเรียนด้วยกันด้วยดีไหมครับ?”
หลวนจื่อได้ยินแล้ว ยังไม่ทันได้คัดค้าน โดว์โดว์ก็ดีใจยกมือขึ้นมาแล้ว
“ดีค่ะ! เยี่ยมไปเลย!”
หลวนจื่อเห็นบทสนทนาทั้งสองคนแล้ว จึงทำได้เพียงแค่ยิ้มออกมาอย่างจนใจเพียงเท่านั้น
ช่างเถอะ ถ้าเขาอยากจะอยู่ ก็ให้เขาอยู่หลายวันหน่อยแล้วกัน ปรมาจารย์หูหลินทางนั้นดูเหมือนกับจะต้อนรับการมาของเขาเช่นกัน
อีกทางด้านหนึ่ง เวินเที๋ยนเที๋ยนกำลังยุ่งมากเสียจนไม่สามารถปลีกตัวได้
เนื่องจากว่ารายการ《วัตถุโบราณแห่งชาติ》รายการนี้ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก ถึงแม้ว่าถึงตอนนี้การออกอากาศจะสิ้นสุดไปแล้ว แต่ก็ยังคงมีแฟนคลับจำนวนไม่น้อยที่เข้ามาดู
และเนื่องจากรายการนี้ ทำให้คนจำนวนมากรู้จักประวัติศาสตร์ของประเทศ และยังมีสมบัติล้ำค่าที่ตกทอดมาจากในช่วงประวัติศาสตร์อีกด้วย ทุกๆอย่างล้วนแต่ควรค่าแก่การรักษาทะนุถนอมเอาไว้ยิ่งนัก
คนที่มายังพิพิธภัณฑ์นับวันก็ยิ่งมากขึ้นเป็นประวัติการณ์
เพื่อให้ผู้คนได้เข้าใจถึงความรู้ของวัตถุโบราณให้พิถีพิถันมากขึ้น เวินเที๋ยนเที๋ยนยังจัดให้มีคนบรรยายเป็นพิเศษอีกด้วย เพื่อทำตามความคิดเห็นของท่านจางและท่านเปิง ความหมายลึกซึ้งแต่ใช้ภาษาที่เข้าใจง่าย ต่อให้เป็นเด็กก็จะฟังเข้าใจ
ตอนแรกเริ่มที่สุด คนที่เข้ามาชมพิพิธภัณฑ์แห่งชาติ ส่วนมากแล้วจะเป็นวัยกลางคนหรือผู้สูงอายุเสียเป็นส่วนมาก แต่ตอนนี้อายุเฉลี่ยที่เข้ามาชมนั้นลดลงไปมาก อายุสิบกว่าหรือยี่สิบกว่าก็มากยิ่งขึ้นด้วย
อีกทั้งไม่เพียงแค่พิพิธภัณฑ์แห่งชาติเพียงเท่านั้น โรงเรียนที่เวินเที๋ยนเที๋ยนรู้จักนั้น คุณครูที่มีความเชี่ยวชาญในการบูรพาวัตถุโบราณก็พากันโทรมาหาเธอด้วยเช่นกัน
นับตั้งแต่หลังจากที่รายการออกอากาศไป ก็มีนักเรียนจำนวนไม่น้อยที่มาถามความรู้เกี่ยวกับทางด้านนี้ ราวกับต้องการจะสอบความชำนาญทางด้านนี้ ขอบเขตของการรับสมัครนักเรียนใหม่ก็ขยายมากขึ้นเป็นอีกหลายเท่า
แน่นอนว่าที่ดีใจที่สุด ก็คือท่านจางและท่านเปิงนั่นเอง
เพียงแต่ภายนอกท่านเปิงดูแล้วจะมีความจริงจังเป็นอย่างมาก หลังจากที่เห็นคนจำนวนมากขนาดนี้มาลงชื่อในเวลาเดียวกันแล้ว จึงเอ่ยพูดขึ้นมาอย่างไม่พอใจ : “คนพวกนี้อารมณ์เป็นเด็กๆ อาจจะผ่านไปไม่กี่วันก็ยอมแพ้แล้ว”
แต่เวินเที๋ยนเที๋ยนกลับมองเห็นว่าอารมณ์ของพวกเขานั้นไม่เลวเลย
เดิมทีความเชี่ยวชาญของการบูรณะซ่อมแซมวัตถุโบราณนี้ก็มีคนเรียนน้อยอยู่แล้ว คนจำนวนไม่น้อยที่กำลังกังวลว่าเทคนิคทางด้านนี้อาจจะไม่มีผู้สืบทอดต่อ
ตอนนี้เห็นคนจำนวนมากขนาดนี้ให้ความสนใจ อาชีพนี้จะเกิดขึ้นมาใหม่อีกครั้ง ทุกคนก็ล้วนพากันดีใจเป็นอย่างมาก
ทั้งหมดนี้ ล้วนแต่เป็นรายการ《วัตถุโบราณแห่งชาติ》ที่เวินเที๋ยนเที๋ยนคิดขึ้นและผลที่ได้มาทั้งหมด
แม้กระทั่งซีซั่นแรกของรายการเพิ่งจะจบลงนั้น ก็มีบริษัทและสถานีโทรทัศน์จำนวนไม่น้อยมาหาเวินเที๋ยนเที๋ยน อยากจะร่วมงานการถ่ายทำซีซั่นต่อไปกับเธอ
เวินเที๋ยนเที๋ยนรีบปรึกษาหารือเรื่องงานต่อไปกับอาจารย์สองสามท่านของพระราชวังโบราณ ถึงแม้ว่าเวลาจะกระชั้นชิดและค่อนข้างยุ่งก็ตาม แต่ทางด้านคุณภาพนั้นกลับไม่กล้าที่ประมาทเลยตั้งแต่ไหนแต่ไรอยู่แล้ว จะต้องทำให้ดียิ่งกว่าซีซั่นแรกอย่างแน่นอน และยิ่งจะต้องดึงดูดคนให้มากขึ้นอีกด้วย
ตั้งแต่ตอนแรกเริ่มที่รับงานภัณฑารักษ์นี้ เธอก็ยุ่งมากเสียจนไม่สามารถแยกตัวออกไปทำอย่างอื่นได้เลย พลางจะต้องเตรียมงานของรายการ《วัตถุโบราณแห่งชาติ》ซีซั่นสอง และยังต้องบริหารดูแลสถานการณ์ของพิพิธภัณฑ์ แทบอยากจะแบ่งหนึ่งวันออกเป็นสองส่วนเอาไว้ใช้
เพิ่งจะเลิกงานจากพิพิธภัณฑ์กลับมา จากนั้นก็ได้รับสายจากทางทีมผู้ผลิต ว่าขั้นตอนในการถ่ายทำรายการนั้นเกิดปัญหาขึ้นเล็กน้อย
เวินเที๋ยนเที๋ยนไม่ทันแม้กระทั่งจะได้พักเลยเสียด้วยซ้ำ ก็หันหลังเดินไปด้านนอกแล้ว
“เดี๋ยวก่อนครับ”
ยังไม่ได้ออกไปนั้นกลับถูกจี้จิ่งเชินดึงตัวเอาไว้
จี้จิ่งเชินขมวดคิ้วขึ้น อาการที่แสดงออกมีความจริงจังเป็นอย่างมาก มองเธออย่างไม่พอใจนัก
“อะไรคะ?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนหันมามองจี้จิ่งเชินอย่างงงๆ
ชายหนุ่มขมวดคิ้วขึ้นมามากขึ้นกว่าเดิม จนจะสามารถฆ่ายุงตายได้ตัวนึงอยู่แล้ว
“ไม่ให้ออกไปนะครับ กลับไปพักผ่อนซะ”
“แต่ว่า……”
เวินเที๋ยนเที๋ยนรู้สึกลังเลอยู่บ้าง “การถ่ายทำรายการทางนั้นดูเหมือนจะเกิดปัญหาขึ้นนะคะ ฉันต้องไปดู”
“ไม่ให้ไปครับ”
จี้จิ่งเชินดึงมือเธอเอาไว้แน่น น้ำเสียงแข็งกร้าว แล้วพาเวินเที๋ยนเที๋ยนให้หันกลับไปยังคฤหาสน์ทันที แล้วหยิบเอากระจกมาวางไว้ตรงหน้าของเธอ
“คุณดูคุณตอนนี้สิครับ ไม่ใช่ว่าให้คุณพักผ่อนดีๆหรอกหรือ?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนรับกระจกมาดู จากนั้นก็รู้สึกตกใจตัวเองในกระจก
สีหน้าซีดขาว ริมฝีปากแตกดูแล้วตกอยู่ในสถานการณ์ที่ดูจนตรอกยิ่งนัก
ช่วงนี้เธอยุ่งเรื่องงานอยู่ตลอด ไม่ได้สังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงของร่างกายตัวเองเลย
ถึงแม้ว่าจี้จิ่งเชินและจี้หยู๋ชิงจะคอยเตือนเธออยู่ตลอดว่าให้เธอพักผ่อน แต่เรื่องมากมายขนาดนี้ที่เธอจะต้องไปทำ จะมีเวลาพักผ่อนได้อย่างไร?
และเพิ่งจะเตรียมล้มตัวลงนอน คนที่พิพิธภัณฑ์ก็โทรมา กำลังเตรียมจะกินข้าว ทางผู้ผลิตรายการทางนั้นก็เกิดเรื่องขึ้น จะให้เธอไม่ไปเองก็คงไม่ได้
วิ่งไปมาเป็นเวลานานขนาดนี้ ไม่แปลกเลยที่ร่างกายจะแย่ลง
จี้จิ่งเชินถอนหายใจออกมา แล้วพาเธอเดินขึ้นไปยังด้านบน เข้าไปในห้องนอน น้ำเสียงแข็งกร้าวเป็นอย่างมาก
“วันนี้พักผ่อน ไม่ต้องออกไปไหนอีกนะครับ”
“แล้วทางกองถ่ายทางนั้น……”
“ผมจัดการเอง” จี้จิ่งเชินเอ่ยขึ้นมาตรงๆ
เวินเที๋ยนเที๋ยนยังรู้สึกลังเล แต่กลับเห็นแววตาที่เฉียบขาดของฝ่ายนั้นแล้ว จึงทำได้เพียงอดทนเอาไว้
แล้วเอ่ยออกมาแค่เพียงว่า : “หลังจากที่ฉันตื่นมาแล้ว พี่ค่อยบอกสถานการณ์ทางนั้นนะคะ”
จี้จิ่งเชินพยักหน้า แล้วช่วยห่มผ้าให้เธอ
เวินเที๋ยนเที๋ยนที่เพิ่งจะเอ่ยพูดไปนั้น แต่ความรู้สึกง่วงก็พรั่งพรูออกมาทันที ยังไม่ทันได้เอ่ยอะไรอีก ก็ผล็อยหลับไปแล้ว
จี้จิ่งเชินยืนอยู่ข้างๆ มองดูท่าทางของเธอแล้ว จึงถอนหายใจออกมาโดยปราศจากเสียงใดๆ
ไม่รู้ว่าก่อนหน้านี้การตัดสินใจช่วยเรื่องการถ่ายทำรายการของเวินเที๋ยนเที๋ยนนั้นถูกหรือเปล่า ทั้งๆที่อยากจะช่วยเธอแบ่งเบาภาระความรับผิดชอบ แต่สุดท้ายกลับทำให้เธอต้องมาเหนื่อยแบบนี้
จี้จิ่งเชินขมวดคิ้วขึ้น นิ้วมือไล้ไปตามใบหน้าของเวินเที๋ยนเที๋ยนอย่างเบามือ
เป็นอย่างนี้ต่อไปอีก ร่างกายของอีกฝ่ายนั้นจะต้องยิ่งแย่ลงอย่างแน่นอน
ตั้งแต่ที่เวินเที๋ยนเที๋ยนรับตำแหน่งภัณฑารักษ์ของพิพิธภัณฑ์แห่งชาติ ในช่วงเวลาสั้นๆเพียงครึ่งปี ก็ผอมลงไปไม่น้อยแล้ว
ทุกครั้งตอนที่กอดเธอ ทำให้จี้จิ่งเชินเป็นกังวล
อีกทั้งเวลายาวนานขนาดนี้ ไม่ได้พักผ่อนเลยอีกด้วย
คิดมาถึงตรงนี้แล้ว จี้จิ่งเชินจึงมั่นใจในความคิดที่อยู่ภายในใจของตัวเอง
ในเมื่อเป็นแบบนี้ ถ้าอย่างนั้นก็อาศัยโอกาสช่วงที่เวินเที๋ยนเที๋ยนพักผ่อนอีกครั้งก็แล้วกัน
จำต้องช่วงชิงเอาภรรยาของเขาออกมาจากงานให้ได้ ไม่เช่นนั้นผู้หญิงคนนี้ก็จะไม่รู้จักดูแลตัวเองแบบนี้ไปตลอด