เมียหวานของประธานเย็นชา - บทที่1101 เครื่องเคลือบลายครามสีฟ้าขาวที่น่ามหัศจรรย์
“ช่วยฉัน…..”
เวินเที๋ยนเที๋ยนก้มลงมองคนตรงหน้าด้วยความประหลาดใจ “คุณ…….”
และเพิ่งจะเอ่ยออกมานั้น ก็มีคนสองสามคนที่พุ่งมาจากกลุ่มคนนั้น แล้วมองไปบริเวณรอบๆ
เมื่อเห็นคนที่อยู่ตรงหน้าเวินเที๋ยนเที๋ยนแล้วก็รีบวิ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว แล้วจับตัวเขาขึ้นมา
คนๆนั้นยังไม่ทันแม้กระทั่งจะต่อต้านเลยเสียด้วยซ้ำ ก็ถูกดึงขึ้นมาแล้วลากตัวไปแล้ว
“เดี๋ยวก่อน!”
เวินเที๋ยนเที๋ยนรีบเรียกพวกเขาเอาไว้ แววตาดุดัน
หลายคนหันมามองดูด้วยสายตาดุร้าย
ผู้ชายสองสามคนตรงหน้านี้ดูเหมือนกับจะเป็นคนพื้นที่ สวมชุดดำทั้งตัว รูปร่างสูงใหญ่ผิดปกติ ใบหน้าเต็มไปได้หนวดเครา ดูก้าวร้าวโหดร้ายยิ่งนัก
เวินเที๋ยนเที๋ยนตกใจกับท่าทางของพวกเขา โดยทางฝ่ายนั้นไม่ได้สนใจเธอเลย แล้วพาคนๆนั้นออกไป และหายลับไปในท่ามกลางฝูงคนนั้น
เธอขมวดคิ้ว และขณะที่กำลังจะตามไปนั้น ก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นมาจากทางด้านหลัง
“คุณแม่!”
เวินเที๋ยนเที๋ยนหันไป เห็นจี้หยู๋ชิงเดินมาจากทางด้านหลัง
เมื่อครู่นี้เขาตามหาแล้วรอบหนึ่ง กว่าจะได้เจอเวินเที๋ยนเที๋ยน จึงรีบเดินมาอย่างโล่งใจ
“คุณแม่ ไม่เป็นอะไรใช่ไหมครับ?”
“อืม”
ในใจของเวินเที๋ยนเที๋ยนนั้นมีความลังเลอยู่บ้าง แล้วหันไปมองยังทิศทางที่คนเหล่านั้นเดินไป กลับไม่พบแม้แต่เงาใดๆแล้ว
คนในท้องที่รูปร่างสูงใหญ่เหล่านั้น และแม้แต่คนมีอายุผมดำตาดำคนนั้นก็พากันหายวับไปกันหมดแล้ว ราวกับไม่เคยปรากฏตัวขึ้นมาเลยอย่างไรอย่างนั้น
จี้หยู๋ชิงเห็นถึงลักษณะสีหน้าท่าทางบนใบหน้าของเธอผิดปกติไป จึงเข้ามาใกล้ๆด้วยความสงสัย แล้วมองตามไปยังทิศทางที่เวินเที๋ยนเที๋ยนมองไป กลับไม่รู้เลยว่าเธอกำลังมองอะไรอยู่
เอ่ยถามด้วยความสงสัย : “คุณแม่กำลังมองอะไรอยู่ครับ?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนส่ายหน้า “เมื่อกี้นี้เหมือนมีคนอยากจะให้แม่ช่วยเขา แต่ไม่รู้ว่าเรื่องอะไร……”
ขณะที่พูดอยู่ ทันใดนั้นเองก็นึกถึงห่อผ้าที่คนมีอายุคนนั้นทิ้งเอาไว้ในหลุม จึงรีบเดินไปแล้วนั่งยองๆลงแล้วคลำหาอยู่ในความมืดนั่น
จี้หยู๋ชิงมองอย่างไม่เข้าใจ “คุณแม่ หาอะไรอยู่ครับ?”
“เมื่อกี้คนนั้นทิ้งอะไรเอาไว้ตรงนี้ คงจะอยู่แถวๆนี้สิถึงจะถูก…..”
เธอรีบพลิกดู แล้วดวงตาก็เป็นประกายขึ้นมาทันใด แล้วดึงกระเป๋าสะพายหลังสีกากีใบหนึ่งออกมาจากร่องระบายน้ำที่อยู่ข้างๆถนนออกมา
ไม่ผิดแน่ นี่เป็นของที่ชายคนนั้นทิ้งเอาไว้ตรงนี้
“ข้างในมีอะไรหรือครับ?” จี้หยู๋ชิงยื่นหน้ามาด้วยความสงสัย
ทั้งสองคนเอามือไปเปิดกระเป๋าใบนั้นด้วยกัน กลับพบว่าด้านในนั้นเป็นเพียงแค่ถ้วยใบหนึ่ง
และเพิ่งจะหยิบออกมานั้น เวินเที๋ยนเที๋ยนก็อดที่จะร้องออกมาไม่ได้
ถ้วยใบนี้ไม่คิดว่าจะเป็นเครื่องเคลือบลายครามสีฟ้าขาว!
ต่อให้จะอยู่ภายใต้แสงสลัวๆจากไฟถนน ก็เปล่งประกายระยิบระยับตาออกมา เห็นแล้วไม่ใช่สิ่งของธรรมดาๆ ดูแล้วเก่าแก่เป็นอย่างมาก
นี่คงไม่ใช่….
ในหัวของเวินเที๋ยนเที๋ยนนั้นมีความคิดหนึ่งลอยขึ้นมา แล้วรีบพลิกถ้วยใบนั้น และเป็นอย่างที่คิดทางด้านล่างนั้นสามารถมองเห็นช่วงเวลาที่ผลิตเครื่องเคลือบลายครามสีฟ้าและสีขาวเอาไว้จริงๆ ไม่คิดว่าจะเป็นช่วงพันกว่าปีก่อน!
จากการพิจารณาเบื้องต้นแล้ว เครื่องเคลือบลายครามสีฟ้าขาวนี้มีความเป็นไปได้มากที่จะเป็นของจริง แต่ทำไมถึงได้ถูกผู้ชายคนนั้นเอาใส่กระเป๋ามาได้แบบนี้กัน?
หรือว่าทางฝ่ายนั้นจะไม่รู้มูลค่าของถ้วยเครื่องเคลือบลายครามสีฟ้าขาวใบนี้อย่างนั้นหรือ?
เวินเที๋ยนเที๋ยนขมวดคิ้วเข้าหากัน ในใจนั้นเต็มไปด้วยความสงสัย
หรือว่าคนเหล่านั้นที่ตามเขามา ก็เพื่อจะแย่งชิงเครื่องเคลือบลายครามที่อยู่ในมือเขาไปกัน?
เวินเที๋ยนเที๋ยนนึกถึงความเป็นไปได้นี้แล้ว ก็รีบลุกขึ้นยืน
“ไม่ได้ ฉันจะต้องรีบหาตัวคนๆนั้นเจอให้ได้โดยเร็ว”
คนนั้นดูแล้วเหี่ยวแห้งซีดเซียว ราวกับว่าไม่ได้พักผ่อนมาเป็นเวลานาน
มองไปรอบๆ ตามไปยังทิศทางที่คนเหล่านั้นเดินไปแล้วพลางเอ่ยขึ้น : “จะต้องหาคนเมื่อกี้นี้ให้เจอ เขาตกอยู่ในอันตราย”
จี้หยู๋ชิงตามอยู่ทางด้านหลังของเธอ เดินผ่านไปยังกลุ่มคนที่กำลังสนุกสนานรื่นเริงกันอยู่
หลังจากที่รู้การคาดคะเนของเวินเที๋ยนเที๋ยนแล้ว คิ้วของจี้หยู๋ชิงนั้นก็ขมวดเข้าหากัน ด้วยความรู้สึกกังวลและมีอาการที่จริงจัง
“ถ้าหากเป็นแบบนี้จริงๆ เราก็ยิ่งจะไปหาเขาไม่ได้นะครับ”
“ทำไมครับ?”
จี้หยู๋ชิงเอ่ยพูดขึ้นมาอย่างนิ่งๆ : “ถ้าหากเรื่องราวเป็นอย่างที่คุณแม่คาดเดาเอาไว้จริงๆ ทางฝ่ายนั้นจะต้องมีอิทธิพลในพื้นที่บ้างอยู่แล้ว แต่โอกาสแบบนี้ลงมือจับตัวคนไป ดูแล้วจะต้องมีการตัดสินใจที่มุ่งมั่นกับสิ่งของมีค่าชิ้นนี้ ตอนนี้พวกเขาจับตัวคนไปได้แล้ว ตอนที่กลับไปแต่กลับพบว่าไม่เจอของ จะต้องกลับมาหาอีกอย่างแน่นอนครับ”
เขามองเวินเที๋ยนเที๋ยนอย่างกังวล
“ถ้าหากเวลานี้คุณแม่กลับไปอีก พวกเขาอาจจะจับตัวคุณแม่ก็ได้นะครับ”
ขณะที่กำลังพูดอยู่นั้น เวินเที๋ยนเที๋ยนหันหน้าไป แล้วจู่ๆก็เห็นใบหน้าที่คุ้นเคยของสองสามคนนั้นปรากฏขึ้นมาที่ถนนอีกทางด้านหนึ่ง
นั่นก็คือคนในท้องที่สองสามคนนั้นที่เพิ่งจะตามตัวของชายวัยกลางคนคนนั้นนั่นเอง!
พวกเขากำลังกวาดตามองไปรอบๆ มองหาไปพลาง แล้วเดินมาทางที่เจอเวินเที๋ยนเที๋ยนเมื่อครู่นี้อีกด้วย
กลับมาหาเธออย่างที่คิดไว้จริงๆ เหมือนกับที่จี้หยู๋ชิงพูดเอาไว้ไม่มีผิด!
จี้หยู๋ชิงรีบจับตัวเธอเอาไว้
“คุณแม่ครับ เรารีบหลบก่อนดีกว่า”
ทั้งสองคนรีบหลับเข้าไปในอาคารที่อยู่ข้างๆ
จี้หยู๋ชิงนั้นระมัดระวังและรอบคอบเป็นอย่างมาก ก่อนจะออกมานั้นเขาได้รับปากจี้จิ่งเชินเอาไว้แล้ว ว่าจะต้องดูแลเวินเที๋ยนเที๋ยนให้ดี จะไม่ให้เธอต้องได้รับบาดเจ็บอย่างเด็ดขาด
หลบอยู่ในอาคาร พลางเงี่ยหูฟังความเคลื่อนไหวทางด้านนอกไปด้วย
เพียงแต่ตอนนี้ทุกคนนั้นล้วนแต่กำลังสนุกสนานรื่นเริงกันอยู่ เสียงเพลงและเสียงเอะอะข้างนอกนั้น ทำให้ไม่สามารถได้ยินเสียงอะไรได้เลย
แต่แบบนี้ก็นับว่าเป็นข้อดีกับพวกเขาเช่นกัน ทางฝ่ายนั้นคงจะไม่สามารถตามหามาถึงที่นี่ได้เร็วหรอก
เพียงแต่…..
จี้หยู๋ชิงมองดูเวลาอย่างร้อนใจ เกือบจะถึงเวลาสามชั่วโมงที่จี้จิ่งเชินนัดเอาไว้แล้ว ถึงเวลานั้นแม้แต่เรือก็จะต้องออกเดินทางอีกครั้งด้วยเช่นกัน
ถ้าหากพวกเขาไม่รีบไปตามเวลา มีความเป็นไปได้มากว่าจะถูกทิ้งไว้บนเกาะเล็กๆนี่
จี้หยู๋ชิงลุกขึ้นยืนอย่างร้อนใจ
“พวกเขาคงจะไปกันแล้วมั้งครับ?”
ว่าแล้วก็จะเดินออกไปยังด้านนอก
แต่เพิ่งจะเดินไปได้เพียงก้าวเดียวนั้น เวินเที๋ยนเที๋ยนก็รีบดึงเขาเอาไว้
“เดี๋ยวก่อนลูก ยังออกไปตอนนี้ไม่ได้”
“แต่ว่าถ้าไม่ไปอีกเรือก็จะออกแล้วนะครับ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนส่ายหน้าด้วยความมุ่งมั่นเป็นอย่างมาก แววตาหนักแน่น
“รออีกซักพัก”
และเวลานี้เองนั้น จู่ๆทางด้านนอกก็มีเสียงฝีเท้าดังขึ้น
จี้หยู๋ชิงรีบถอยกลับไปทันที แล้วหลบอยู่ในมุมนั้น
แล้วรออีกพักหนึ่ง จนกระทั่งทางด้านนอกไม่มีอะไรแล้ว ทั้งสองคนถึงได้เดินออกมาในที่สุด
พวกเขาเลี่ยงจากกลุ่มคน แล้วรีบวิ่งไปยังทิศทางของท่าเรือนั้นอย่างรวดเร็ว แต่กว่าจะมาถึงท่าเรือได้นั้นกลับพบว่าเรือสำราญที่พวกเขานั่งมานั้นหายไปแล้ว
“ทำอย่างไรดีครับ?”
จี้หยู๋ชิงมองมาอย่างร้อนรน ไม่เห็นแม้แต่เงาของเรือสำราญแล้ว
พวกเขาถูกทิ้งเอาไว้บนเกาะเล็กๆแห่งนี้แล้ว
ในตัวนั้นก็ไม่ได้พกเงินเอาไว้มาก อีกทั้งยังมีคนที่กำลังตามหาตัวพวกเขาอยู่อีก พวกเขาจะรอให้คนมาช่วยบนเกาะนี้ได้อย่างไรกัน?
และเวลานี้เอง เวินเที๋ยนเที๋ยนก็จับมือเขาเอาไว้ พลางเอ่ย : “ที่นี่อันตรายเกินไป เรากลับกันก่อนนะลูก”
ที่ท่าเรือนี้ว่างเปล่าเป็นอย่างมาก เนื่องจากว่าเรือได้ออกไปแล้ว สภาพแวดล้อมบริเวณรอบๆจึงไม่มีที่บดบังได้
ถ้าหากคนพวกนั้นมาปรากฏตัวตรงบริเวณใกล้ๆนี้ จะต้องเจอพวกเขาอย่างแน่นอน จึงจำเป็นที่จะต้องรีบออกไปจากตรงนี้
“ไม่ต้องห่วงนะลูก” เห็นแววตาที่ดูเป็นกังวลของจี้หยู๋ชิงแล้ว เวินเที๋ยนเที๋ยนจึงเอ่ยปลอบใจขึ้นมา : “จี้จิ่งเชินจะต้องพบว่าพวกเราไม่ได้ขึ้นเรือไปด้วยเร็วๆนี้แน่ แล้วก็จะตามหาพวกเรา เชื่อในตัวคุณพ่อนะ”
จี้หยู๋ชิงเงยหน้าขึ้นมา สายตามองไปยังร่างของเวินเที๋ยนเที๋ยน แล้วถึงได้พบว่าตัวเองได้หวาดกลัวไปก่อนแล้ว แต่เวินเที๋ยนเที๋ยนกลับวิเคราะห์สถานการณ์ในตอนนี้ได้อย่างสงบนิ่งเสียอย่างนั้น