เมียหวานของประธานเย็นชา - บทที่1108 ทำไมถึงเพิ่งมาเอาตอนนี้?
เวินเที๋ยนเที๋ยนกอดเครื่องเคลือบลายครามในมือเอาไว้แน่น รีบเปิดประตูออก แล้วเตรียมจะวิ่งออกไปทางด้านนอก
แต่พอก้าวออกไปได้เพียงก้าวเดียวนั้น กลับเห็นชายร่างสูงใหญ่สองสามคนกำลังเดินตามเจ้าของบ้านมา
ทางฝ่ายนั้นเห็นเวินเที๋ยนเที๋ยนแค่เพียงแวบเดียวก็จำเธอได้ จึงตะโกนออกมา
“นั่นเธอ! รีบไปจับตัวเธอมา!”
ทุกคนร้องออกมา แล้วรีบพุ่งตัวเข้าไป
เจ้าของบ้านที่งุนงงอยู่นั้นถูกผลักออกไป ไม่รู้เรื่องเลยว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น
เวินเที๋ยนเที๋ยนชะงักเท้าลง แล้วหันกลับวิ่งออกไปอีกทางด้านหนึ่ง
สองสามคนที่รีบตามมานั้นเห็นกล่องที่เวินเที๋ยนเที๋ยนกอดเอาไว้ นึกถึงถ้วยเครื่องเคลือบลายครามขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ใบหน้าเต็มไปด้วยความดีใจ ร้องตะโกนขึ้น : “เร็วเข้า! นั่นไงของที่อยู่ในมือเธอ!”
สองสามคนนั้นบีบเวินเที๋ยนเที๋ยนกับจี้หยู๋ชิงมาในมุมหนึ่ง
พวกเขาตามหาตัวเวินเที๋ยนเที๋ยนมานานขนาดนี้ แต่ของสิ่งนั้นอยู่ในมือของเวินเที๋ยนเที๋ยนจริงหรือเปล่า ไม่มีใครกล้ามั่นใจได้เหมือนกัน
ถึงแม้ว่าจางเชียงหนิงจะถูกจับตัวไปแล้ว แต่จะอย่างไรก็ไม่ยอมพูดออกมาเลย
ตอนนี้เห็นเครื่องเคลือบลายครามอยู่ในมือของเธอ ต้องการจะแย่งมาด้วยความลนลาน ดวงตานั้นจดจ้องอยู่ที่สิ่งที่อยู่ในมือเธอ
“ครั้งนี้เธออย่าคิดหนีเลย!”
เวินเที๋ยนเที๋ยนและจี้หยู๋ชิงติดอยู่ในมุมนั้น ก้มลงมองไปทางด้านนอก ด้วยอาการที่หนักแน่นและจริงจังมากขึ้น
ระเบียงทางด้านหนึ่งก็คือหน้าต่าง เดิมทีทั้งสองคนวางแผนเอาไว้ว่าจะหนีออกไปทางหน้าต่าง แต่คิดไม่ถึงว่าดูเหมือนกับทางฝ่ายนั้นจะคาดเดาเอาไว้ได้หมดแล้วกับความคิดในใจของพวกเธอ ทางด้านนอกเองก็มีคนยืนรออยู่สองสามคนด้วยเช่นกัน
เพียงแค่พวกเธอลงไป ก็จะถูกจับตัวได้เลย
“ทำยังไงดีครับ?”
จี้หยู๋ชิงมองดูด้วยความตื่นเต้น ตอนนี้จะข้างหน้าหรือข้างหลังก็มีแต่อันตราย จะหนีออกไปได้อย่างไรกัน?
สองสามคนที่อยู่ทางด้านหลังนั้นก็เข้ามาใกล้ทางพวกเขามากขึ้น
“เอาของที่อยู่ในมือมาให้พวกฉัน ยอมซะเถอะ เป็นศัตรูกับพวกฉันนั่นไม่ใช่การตัดสินใจที่ฉลาดนักหรอกนะ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนพลิกฝ่ามือเปิดกล่องออก แล้วหยิบเอาถ้วยเครื่องเคลือบลายครามด้านในออกมา และวางลงตรงหน้าต่างด้วยมือข้างเดียว น้ำเสียงนิ่งๆ ชี้ขาดออกมาอย่างหมดทางถอย
“อย่าเข้ามานะ ไม่อย่างนั้นฉันจะเอาของนี่โยนออกไปเดี๋ยวนี้เลย ถึงตอนนั้นแล้วใครก็ไม่สามารถหาสมบัติอันล้ำค่าได้แล้วเหมือนกัน!”
เห็นการกระทำของเธอแล้ว ทุกคนก็ล้วนแต่พากันหยุดลง แล้วมองเธออย่างตื่นเต้น
“เดี๋ยวก่อน! เธออย่าวู่วามนะ ตอนนี้เธอเองก็ไม่ใช่ว่ายังไขรหัสสมบัติล้ำค่านี่ไม่ได้ไม่ใช่หรือ?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนหันมาสบตากับจี้หยู๋ชิง
“ถึงแม้ว่าตอนนี้จะยังไขไม่ได้ แต่ขอเพียงแค่พวกแกเอาไปไม่ได้ก็พอแล้ว”
คนที่อยู่ตรงข้ามได้ยินคำพูดของจี้หยู๋ชิงแล้ว ในใจก็รู้สึกโล่งใจขึ้นมาทันที
ยังดีที่รหัสของสมบัตินี้ยังไม่ได้ถูกไขออก ถ้าหากถูกพวกเขาพบเข้าล่ะก็ ทั้งองค์กรก็คงจะจบสิ้นกันแล้ว
อาการที่แสดงออกบนใบหน้าของสองสามคนนั้นผ่อนคลายลง พลางเกลี้ยกล่อม : “เธอใจเย็นๆหน่อยนะ ถ้าหากเธอเองก็อยากจะได้สมบัติเหมือนกัน พวกเรากลับไปสามารถปรึกษากับลูกพี่ได้ ให้แบ่งให้เธอส่วนนึง”
ถึงแม้ว่าพวกเขาจะคัดลอกลวดลายบนเครื่องเคลือบลายครามสีฟ้าขาวเอาไว้แล้ว ข้อมูลต่างๆก็ทำเอาไว้อย่างละเอียด แต่ก็ไม่มีใครรู้ว่าความลับสมบัติล้ำค่านี้คืออะไร ดังนั้นเครื่องเคลือบลายครามสีฟ้าขาวนี้พวกเขาจึงไม่กล้าที่จะละทิ้งไป
การเคลื่อนไหวของเวินเที๋ยนเที๋ยนปราบพวกเขาได้ จี้หยู๋ชิงที่อยู่ข้างๆเอ่ยพูดต่อ : “ทุกคนก็พูดว่าข้างบนนี้ซ่อนความลับของสมบัติเอาไว้ แล้วรู้กันได้ยังไงครับ?”
สองสามคนนั้นมองสบตากัน ตอนแรกเริ่มนั้นไม่อยากจะพูดออกมา แต่เห็นเวินเที๋ยนเที๋ยนจะเอาเครื่องเคลือบลายครามโยนออกไปนั้น จึงรีบเอ่ยขึ้น : “ความจริงแล้วพวกเราก็ได้ยินมาจากสถาบันวิจัยเหมือนกัน”
ตอนที่เพิ่งจะหาเครื่องเคลือบลายครามสีฟ้าขาวเจอนั้น ทุกคนที่สถาบันวิจัยนั้นดีใจกันเป็นอย่างมาก วันนั้นที่ขึ้นฝั่งถูกคนอื่นๆเห็น จึงต้องเปิดเผยถึงประวัติของเครื่องเคลือบลายครามสีฟ้าขาว ประกอบกับการคาดการณ์ของพวกเขา
และไม่นาน ก็มีคนคิดได้ว่าเครื่องเคลือบลายครามสีฟ้าขาวชิ้นนี้จะเกี่ยวข้องกับเรือสมัยราชวงศ์หมิงหรือเปล่า?
เรือที่จมอยู่ใต้ทะเล เมื่อได้ยินคำนี้แล้ว สิ่งที่นึงถึงก็คือสมบัติล้ำค่าจำนวนมาก!
และยิ่งไม่ต้องพูดถึงเครื่องเคลือบลายครามสมัยราชวงศ์หมิง ไม้จันทร์แดงและเงิน ทอง เครื่องประดับ เพียงแค่หาออกมาได้ ตอนนี้มูลค่าก็เป็นสิบๆล้านแล้ว
ไม่ว่าจะเป็นใคร ก็ไม่มีทางทิ้งทรัพย์สมบัติมหาศาลแบบนี้ คนที่มีความคิดนี้ จะรีบควบคุมทีมและสถาบันวิจัยทั้งสถาบันขึ้นมา เพื่อจะขุดหาเอาข่าวคราวที่เกี่ยวกับสมบัติอันล้ำค่านี้
การพัฒนานี้แทบจะไม่ต่างจากที่เวินเที๋ยนเที๋ยนคาดการณ์เอาไว้ก่อนหน้านี้เลย
เธอหันมาสบตากับจี้หยู๋ชิง
สองสามคนนั้นหัวเราะพลางเอ่ย : “ตอนนี้เธอสามารถส่งของมาให้พวกเราได้แล้วใช่ไหม? ถึงแม้ว่าพวกเธอจะโยนของชิ้นนั้นออกไป วันนี้ก็ไปจากที่นี่ไม่ได้อยู่ดี พวกเธอคิดให้ดีนะ”
ว่าแล้ว พวกเขาก็เดินมาข้างหน้า ราวกับว่าหมดความอดทนแล้ว
เวินเที๋ยนเที๋ยนถอยหลังไปก้าวหนึ่ง
“อย่าเข้ามานะ! ถึงแม้ว่าฉันจะเอาของให้พวกแกจริงๆ แกก็จะปล่อยฉันไปรึไง? อย่ามาหลอกพวกฉันเลย”
คนๆนั้นสีหน้าเปลี่ยนขึ้นมาทันที เห็นว่าจุดประสงค์ของตัวเองนั้นถูกเปิดโปงออกมาแล้ว ก็ก้าวเข้ามา อาการที่แสดงออกมาทางใบหน้านั้นดูดุร้ายเป็นอย่างมาก
“ในเมื่อเป็นแบบนี้ ถ้าอย่างนั้นก็อย่ามาโทษว่าฉันลงมือก็แล้วกัน! ไปแย่งมา!”
ว่าแล้ว สองสามคนที่อยู่ทางด้านหลังนั้นก็พุ่งเข้ามาทางเวินเที๋ยนเที๋ยนและจี้หยู๋ชิงทันที
เวินเที๋ยนเที๋ยนที่จับเครื่องเคลือบลายครามสีฟ้าขาวเอาไว้ในมือนั้น ได้เตรียมพร้อมที่จะโยนออกไปข้างนอกได้ทุกเวลาอยู่แล้ว
สองสามคนจากทางด้านหลังนั้นเข้ามาใกล้เธอแล้ว เวินเที๋ยนเที๋ยนขมวดคิ้วขึ้น ทางฝ่ายนั้นจับแขนอีกข้างหนึ่งของเวินเที๋ยนเที๋ยนเอาไว้
ใช้แรงดึง เพื่อต้องการจะลากตัวเธอมา!
และในเวลานี้เอง เสียงดัง ปึง ก็ดังขึ้น!
หน้าต่างที่อยู่ข้างๆเวินเที๋ยนเที๋ยนนั้นแตกระเบิดขึ้นมาทันใด
ทุกคนที่ยืนอยู่ตรงข้างๆหน้าต่างนั้นพากันตกใจทั้งหมด!
เวินเที๋ยนเที๋ยนรีบหันกลับไปมอง จากนั้น ร่างสูงใหญ่ร่างหนึ่งก็พุ่งเข้ามาจากทางหน้าต่าง!
เป็นร่างที่คุ้นเคย ถึงแม้จะมองเห็นได้ไม่ชัดเจน แต่เพียงแค่แวบเดียวเวินเที๋ยนเที๋ยนก็จำได้แล้ว
จากนั้นวินาทีต่อมา คนที่ดึงตัวเวินเที๋ยนเที๋ยนเอาไว้จู่ๆก็ลอยออกไป แล้วกลิ้งไปที่พื้นอยู่หลายตลบจนชนเข้ากับกำแพงถึงได้นิ่งลงในที่สุด
และวินาทีต่อมา มือหนึ่งก็ประคองอยู่บนเอวของเธอ โอบเอาไว้เบาๆ แล้วกอดเธอเอาไว้
กลิ่นที่คุ้นเคย และยังมีการเคลื่อนไหวที่คุ้นเคยนั่นอีก จู่ๆก็พรั่งพรูออกมาในหัวใจ
เวินเที๋ยนเที๋ยนเงยหน้าขึ้นมา แววตาของเธอตกอยู่ในดวงตาของจี้จิ่งเชิน
เห็นคนตรงหน้าแล้ว เวินเที๋ยนเที๋ยนรู้สึกอึ้งไปพักหนึ่ง จากนั้นก็บ่นออกมาอย่างไม่พอใจ
“ทำไมพี่ถึงเพิ่งจะมาเอาตอนนี้?”
จี้จิ่งเชินยกยิ้มเล็กน้อย “ไม่ได้ช้าไป ไม่ใช่หรือครับ?”
ในช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดพอดีจริงๆ
เวินเที๋ยนเที๋ยนรู้สึกสงสัยว่าเขาจะคอยแอบมองดูพวกเธออยู่ตลอดหรือเปล่ากัน เพราะถึงอย่างไรความสามารถอย่างจี้จิ่งเชินเป็นไปไม่ได้เลยที่เพิ่งจะมาหาพวกเธอเจอเอาในตอนนี้
“พี่หาพวกเราเจอตั้งแต่เมื่อไหร่คะ?”
เห็นว่าเธอมองทะลุการกระทำของตัวเองแล้ว มุมปากของจี้จิ่งเชินนั้นจึงเป็นรอยหยักที่ลึกมากยิ่งขึ้น
“คุณว่ายังไงล่ะครับ?”
ขณะที่กำลังพูดอยู่นั้น คนที่เพิ่งจะถูกถีบลอยออกไปเมื่อครู่นี้กำลังจะลุกขึ้นมา เห็นจี้จิ่งเชินที่จู่ๆปรากฏตัวขึ้นมานั้น ก็ขมวดคิ้วขึ้น
“แกเป็นใคร? รีบไสหัวออกไปเดี๋ยวนี้!”
แววตาของจี้จิ่งเชินเยือกเย็น มองไปอย่างเย็นชา ราวกับมีดที่ชุบเลือดเอาไว้อย่างไรอย่างนั้น
“คนที่จะต้องไสหัวออกไปควรจะเป็นแกมากกว่า”
ภาษาต่างประเทศที่ไหลรื่น ทำให้คนๆนั้นถึงกับอึ้งไป จากนั้นอาการที่แสดงออกมาบนใบหน้านั้นก็เปลี่ยนไปอย่างดูดุร้าย ตะโกนเรียกคนอื่นๆให้พุ่งเข้าไป
แต่ยังไม่ทันได้เข้าใกล้ ข้างๆก็มีเสียงดังขึ้นมาอีก หน้าต่างบริเวณรอบๆนั้นจู่ๆก็ถูกพังออก
คนกลุ่มหนึ่งบุกเข้ามา แล้วล้อมรอบพวกเขาเอาไว้