เมียหวานของประธานเย็นชา - บทที่774 เธอปฏิบัติการแล้ว
บทที่774 เธอปฏิบัติการแล้ว
“ไปลองทดสอบเตียงของห้องนอนเที๋ยนเที๋ยนไงว่าสบายหรือเปล่า”
ได้ยินแล้ว เวินเที๋ยนเที๋ยนก็เบิกตาขึ้น
พลางเอ่ยขึ้นอย่างรีบร้อน : “แต่พี่เพิ่งจะรับปากฉันเมื่อกี้เองนะ……”
“ใช่ ผมรับปากคุณ ตอนที่อยากจะพักผ่อนก็จะให้คุณพัก แต่เที๋ยนเที๋ยนจะพักผ่อนตอนกลางคืนนี่ ตอนนี้ยังช่วงบ่ายอยู่ ก็ไม่ได้ขัดแย้งกันนี่ครับ”
ว่าแล้วนั้น เขายังถอนหายใจออกมาราวกับว่าตัวเองไม่ได้รับความเป็นธรรม ทำเป็นต้องได้รับความประนีประนอมอย่างไรอย่างนั้น
“เพื่อเป็นการดูแลเวลาการพักผ่อนของเที๋ยนเที๋ยน ผมก็ทำได้แค่เพียงต้องปรับเปลี่ยนเวลาใหม่ แต่ผมก็ไม่ถือนะ”
ท่าทางที่ได้เปรียบและอวดฉลาด อุ้มเวินเที๋ยนเที๋ยนขึ้นไปยังด้านบน
เวินเที๋ยนเที๋ยนหน้าแดง แล้วดิ้นอยู่พักหนึ่ง ก็ไม่ได้ต่อต้านอะไรอีก
ทั้งสองคนเพิ่งจะออกไปจากห้องรับแขก ส่วนอีกทางมุมหนึ่งนั้น หลิวเหม่ยหลันก็เดินออกมา
หลังจากที่แน่ใจแล้วว่าช่วงสองสามวันนี้จี้จิ่งเชินจะพักอยู่ที่คฤหาสน์ตระกูลหล่อนแห่งนี้ เธอถึงได้หันกลับเข้าห้องไป
พอเข้ามาแล้วนั้น ก็เอ่ยพูดขึ้นกับหล่อนเจียนีที่กำลังอ่านนิตยสารอยู่ : “ได้ยินมาว่าสองสามวันนี้จี้จิ่งเชินจะพักอยู่ที่นี่ โอกาสของแกมาแล้วนะ” หล่อนเจียนีได้ยินแล้ว ดวงตาเป็นประกายขึ้นมาเล็กน้อย
“มาแล้ว? เมื่อกี้นี้คุยกับหลวนจื่อเรียบร้อยแล้ว เธอจะช่วยหนูลงมือเอง”
“ถ้าอย่างนั้นก็ดี” หลิวเหม่ยหลันเอ่ยขึ้นมาอย่างระวังตัว : “ครั้งที่แล้วแกออกไปแล้วไปที่ใจกลางเมืองถูกเวินเที๋ยนเที๋ยนจับได้ เชื่อว่าผ่านไปอีกไม่กี่วัน อีกไม่นานเธอก็จะต้องสืบได้ว่าแกอยู่ที่นี่ จะต้องเร่งมือเข้านะ”
“แม่วางใจเถอะ ไม่มีปัญหาหรอก” หล่อนเจียนีเอ่ยพูดขึ้นอย่างมั่นใจ : “หลวนจื่อคนนี้น่ะโง่ ตอนนี้ก็ฟังแต่คำสั่งหนูทั้งหมดแล้ว เธอคิดไม่ถึงแน่ๆว่าตัวเองคิดอยากจะไปสร้างความสัมพันธ์จับคู่ให้กับเวินเที๋ยนเที๋ยนและจี้จิ่งเชิน แต่สุดท้ายกลับถูกเอาเปรียบ”
คิดมาถึงตรงนี้แล้ว เธอก็ยิ้มออกมาอย่างพอใจ แล้วปิดนิตยสารในมือลง พลางเงยหน้าขึ้นมาพูดกับหลิวเหม่ยหลัน : “แม่ ทางนี้ก็เริ่มลงมือได้แล้ว ทั้งสองฝั่งลงมือพร้อมกัน ถึงจะสามารถได้ผลลัพธ์ออกมาดีที่สุด”
“ไม่มีปัญหาหรอก แม่จะไปตอนนี้แหล่ะ”
วันรุ่งขึ้น ตอนที่เวินเที๋ยนเที๋ยนกับจี้จิ่งเชินอยู่ที่บ้านนั้น จู่ๆหลวนจื่อก็มาเยี่ยมเยียน
ก่อนหน้านี้ไม่ได้รับข่าวว่าเธอจะมา เวินเที๋ยนเที๋ยนที่ได้ยินฉวีผิงมารายงานนั้น ก็รู้สึกประหลาดใจอยู่บ้าง แต่ก็ไปต้อนรับเธอเข้ามาอยู่ดี
เธอมองไปยังด้านหลังของหลวนจื่อ
“มาคนเดียวหรือ? แล้วหมินอันเกอล่ะ?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนกังวลว่าเธอจะมีอันตรายระหว่างทาง
แต่ประโยคนี้หลวนจื่อได้ยินแล้วกลับเปลี่ยนเป็นอีกความหมายนึง
เวลานี้ในใจของเธอนั้นรู้สึกแต่เพียงว่าเวินเที๋ยนเที๋ยนกับหมินอันเกอนั้นมีความสัมพันธ์ที่ไม่สามารถบอกใครได้ เพียงแค่ได้ยินชื่อหมินอันเกอออกมาจากปากเวินเที๋ยนเที๋ยน ก็สงสัยว่าเธอถามก็เพื่ออยากจะหาโอกาสอยู่กับหมินอันเกอตามลำพังหรือเปล่า
คิดแล้ว รอยยิ้มบางๆบนใบหน้าของเธอก็อดที่จะแข็งทื่อขึ้นมาไม่ได้ พลางเอ่ยอธิบาย : “วันนี้หมินอันเกอมีงาน ฉันมาเอง ได้ยินว่าจี้จิ่งเชินอยู่ที่นี่ก็เลยมาดูน่ะ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนรู้สึกแปลกใจ เนื่องจากความสัมพันธ์ของหลวนจื่อกับเขาไม่ได้ลึกซึ้งมาก ตั้งใจมาดูเป็นพิเศษแบบนี้ ทำให้รู้สึกคาดไม่ถึงจริงๆ
แต่หลวนจื่อเป็นเพื่อนของเธอ เวินเที๋ยนเที๋ยนรู้ว่าเธอเป็นห่วงตัวเอง จึงยิ้มแล้วเอ่ยขึ้น : “สองสามวันนี้ที่บริษัทไม่ยุ่งน่ะ จี้จิ่งเชินก็เลยมาพักที่นี่ ตอนนี้อยู่ข้างใน วันนี้เธอมา พอดีเลยอยู่ทานมื้อเย็นด้วยกันกับพวกเรานะ”
ว่าแล้ว ยังเอ่ยพูดขึ้นมาเป็นพิเศษ : “วางใจได้ ทางหมินอันเกอเดี๋ยวฉันจะบอกเขาเอง”
เวินเที๋ยนเที๋ยนหวังดี แต่หลวนจื่อกลับส่ายหน้าอย่างระแวดระวัง
“ไม่ต้องหรอก เดี๋ยวฉันติดต่อเขาเอง”
น้ำเสียงที่ดูลุกลี้ลุกลน เวินเที๋ยนเที๋ยนรู้สึกแปลกๆ จึงมองเธอ
“เอาอย่างนั้นก็ได้ ฉันเป็นห่วงว่าหมินอันเกอกลับมาไม่เจอเธอ ก็อาจจะตามหาตัวเธออีก ครั้งที่แล้วจู่ๆเธอก็ออกไปแบบนั้น หมินอันเกอตกใจมากจริงๆนะ”
“เหรอ? ขอโทษด้วยจริงๆนะ ต่อไปฉันจะไม่ทำแล้ว” ในใจของหลวนจื่อยังคงกังวล จึงเอ่ยขึ้นอย่างขอไปที
เวินเที๋ยนเที๋ยนพาเธอเข้ามา เห็นจี้จิ่งเชินกำลังนั่งอยู่ในห้องรับแขก ใช้คอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊คควบคุมทุกอย่างของบริษัทจากทางไกล
หลวนจื่อมองเขา แล้วอดที่จะมองเขาอยู่หลายๆครั้งไม่ได้
ไม่รู้ว่าถ้าหากจี้จิ่งเชินรู้เรื่องทั้งหมดระหว่างเวินเที๋ยนเที๋ยนกับหมินอันเกอจะมีปฏิกิริยาอย่างไร?
เขาชอบเวินเที๋ยนเที๋ยนขนาดนี้ ถ้าหากพบว่าตัวเองถูกหลอก จะต้องโมโหมากอย่างแน่นอน
ก่อนหน้านี้หล่อนเจียนีพูดถูก ถ้าหากถูกจับได้ หมินอันเกอคงจะตกอยู่ในอันตราย
หลวนจื่อคิดแล้ว รู้สึกว่าตัวเองตัดสินใจถูกแล้ว
แบบนี้ไม่เพียงแค่เป็นการช่วยเหลือตัวเอง แต่ยังเป็นการช่วยเวินเที๋ยนเที๋ยนอีกด้วย
เมื่อคิดเช่นนี้แล้ว หลวนจื่อก็รู้สึกวางใจขึ้นมาในทันที
เธอเดินไปพลางเอ่ยขึ้น : “จี้จิ่งเชินเองก็ทานข้าวที่นี่ใช่ไหม?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนพยักหน้าลง ไม่รู้ว่านึกไปถึงอะไร ใบหน้าของเธอแดงขึ้นมาเล็กน้อย
แล้วรีบเอ่ยขึ้น : “วันนี้เธอมาพอดีเลย ฉันเพิ่งจะเรียนทำอาหารเป็นอีกสองสามอย่าง เธอเองก็อยู่ทานด้วยกันสิ”
เดิมทีครั้งนี้หลวนจื่อก็จะมาทานข้าวอยู่แล้ว จึงพยักหน้าลง
“เดี๋ยวฉันช่วยเธอเตรียมนะ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนรีบเอ่ยขึ้น : “ไม่ต้องหรอก เธอพักอยู่ข้างๆจะดีกว่านะ”
แต่หลวนจื่อกลับมีความมุ่งมั่นเป็นอย่างมาก ว่าจะต้องช่วยให้ได้
เวินเที๋ยนเที๋ยนไม่มีวิธีอื่น จึงทำได้เพียงยินยอม แล้วสั่งกำชับ : “ถ้าอย่างนั้นก็ได้ แต่เธอจะต้องระวังให้มากๆนะ ถ้าหากได้รับบาดเจ็บขึ้นมา หมินอันเกอจะต้องไม่ปล่อยฉันไปแน่ๆ”
ได้ยินแล้ว หลวนจื่อกลับยิ้มไม่ออก จึงทำได้เพียงพยักหน้าลง แล้วเดินเข้าไปในครัวพร้อมกับเธอ
จู่ๆได้ยินว่าวันนี้หลวนจื่อจะมาทานข้าวด้วยกันที่นี่ แม่ครัวจึงเตรียมตัวกับเวินเที๋ยนเที๋ยนด้วยความดีใจ และยังเตรียมอาหารที่หลวนจื่อชอบเอาไว้เป็นพิเศษอีกด้วย
เห็นท่าทางที่ดูยุ่งๆกันของพวกเขาแล้ว ในใจของหลวนจื่อรู้สึกตื่นเต้นอยู่บ้าง
เธอเช็คแผนการของตัวเองในใจ ว่าจะไม่ทำให้เกิดผลกระทบต่อเวินเที๋ยนเที๋ยนแล้ว ถึงได้วางใจในที่สุด
เห็นเวินเที๋ยนเที๋ยนกำลังปรุงข้าวต้มอย่างตั้งอกตั้งใจ เธอจึงเดินเข้าไป
“อันนี้ทำให้ใครน่ะ?”
ปริมาณข้าวต้มน้อยมาก คงจะไม่ใช่พวกเธอสองสามคนทานได้
เวินเที๋ยนเที๋ยนได้ยินแล้ว ใบหน้าก็มีความรู้สึกเขินอายขึ้นมาเล็กน้อย
“อันนี้ให้จี้จิ่งเชินน่ะ เขาชอบข้าวต้มปลาที่ฉันทำ อาหารเย็นนี้มีเยอะแล้ว ฉันทำเอาไว้เพียงแค่ของเขาคนเดียว เธอจะทานด้วยไหม?”
“ไม่ต้องหรอก”
หลวนจื่อเอ่ยขึ้นอย่างในใจมีแผน
เธอเดินไปรอบๆข้าวต้มหม้อนั้น ผ่านไปซักพักหนึ่ง จนกระทั่งแม่ครัวเรียกไป เธอจึงรีบเดินเข้ามาแล้วเอายาที่อยู่ในกระเป๋าออกมา แล้วโยนลงไปในหม้อสองเม็ด
หลวนจื่อเอาช้อนคนด้วยความตื่นเต้น
และเพิ่งจะทำทั้งหมดนี่เสร็จนั้น เวินเที๋ยนเที๋ยนก็เดินกลับมาแล้ว
เห็นหลวนจื่อกำลังช่วยอยู่ จึงรีบเอ่ยขึ้น : “เธอดูอยู่ตรงนั้นก็พอ มีฉันอยู่ทั้งคน”
หลวนจื่อได้ยินเสียงของเธอ หัวใจก็เต้นแรงขึ้นมาทันที
“ไม่เป็นไรหรอก แค่ทำข้าวต้มเอง ไม่มีปัญหาอะไรอยู่แล้ว”
แม่ครัวที่อยู่ข้างๆจึงเอ่ยพลางหัวเราะขึ้น : “คุณหลวน คุณยังไม่รู้ คุณจี้น่ะทานแค่ข้าวต้มที่คุณเขาเป็นคนทำเท่านั้น ต่อให้ฉันทำออกมาเหมือนกันทุกอย่าง รสชาติก็แทบจะเหมือนกัน แค่เขาได้กลิ่นก็สามารถแยกออกได้แล้ว แล้วเขาก็จะไม่ทานเลยแม้แต่คำเดียว”
หลวนจื่อได้ยินแล้ว จึงทำได้เพียงเก็บมือลงไป
“ในเมื่อเป็นแบบนี้ ถ้าอย่างนั้นเธอก็มาทำดีกว่านะ”
เธอถอยไปทางด้านหลังสองสามก้าว
เวินเที๋ยนเที๋ยนเดินเข้ามาด้วยใบหน้าที่แดงๆ
“จริงๆแล้วก็ไม่ได้โอเวอร์ขนาดนี้หรอกนะ จี้จิ่งเชินคงจะสามารถได้กลิ่นรสชาติในนั้นมากกว่ามั้ง?”
หลวนจื่อที่อยู่ข้างๆได้ยินแล้ว กลับรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาบ้างแล้ว
เธอใส่ยาลงไปสองเม็ด ถึงแม้ว่าดูแล้วจะไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงอะไร แต่ไม่รู้ว่าจี้จิ่งเชินจะได้กลิ่นหรือเปล่า…..