เมียหวานของประธานเย็นชา - บทที่776 ใช้ประโยชน์จากจุดอ่อน
บทที่776 ใช้ประโยชน์จากจุดอ่อน
กระดุมเสื้อผ้าถูกปลดออกเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
อุณหภูมิภายในห้องถูกปรับจนพอดี แต่เนื่องจากอุณหภูมิสูงที่ร้อนรุ่มจากร่างของจี้จิ่งเชินนั้น ทำให้เวินเที๋ยนเที๋ยนมีเหงื่อเม็ดเล็กๆผุดขึ้นมา
ริมฝีปากและนิ้วมือของจี้จิ่งเชินนั้นกำลังร่ายรำอยู่บนเรือนร่างของเธอ การสัมผัสในทุกๆครั้ง ราวกับเป็นการจุดเปลวไฟขึ้นมาแผดเผาสติสัมปชัญญะของเวินเที๋ยนเที๋ยน
แต่สุดท้ายแล้วเส้นตายในใจกลับเอ่ยเตือนไม่หยุด ไม่สามารถเคลิบเคลิ้มได้อีก
จี้จิ่งเชินจับมือของเธอเอาไว้ แล้วพรมจูบลงไปอย่างต่อเนื่อง
เวินเที๋ยนเที๋ยนรู้สึกตกใจกับการเคลื่อนไหวของเขา จึงร้องออกมาด้วยความตกใจ ลุกขึ้นมาอย่างรวดเร็ว แล้วผลักจี้จิ่งเชินออก
“ไม่ได้ เป็นแบบนี้ต่อไปไม่ได้แล้วนะคะ”
แต่เวลานี้จี้จิ่งเชินกลับถูกฤทธิ์ยาควบคุมไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เขาหายใจหอบถี่อย่างต่อเนื่อง ในดวงตานั้นมีเพียงแค่เวินเที๋ยนเที๋ยนแค่เพียงคนเดียวเท่านั้น เหมือนกับสิงโตที่กำลังล่าสัตว์อยู่อย่างไรอย่างนั้น
เวินเที๋ยนเที๋ยนรู้สึกตกใจเสียจนทึ่งกับสีหน้าท่าทางของเขา
เธอก้าวถอยหลังไปอย่างรวดเร็ว แล้วตะโกนออกมาอย่างเปล่าประโยชน์ : “จี้จิ่งเชิน พี่ต้องใจเย็นๆนะ”
ถอยไปจนถึงมุมเตียง แต่จี้จิ่งเชินก็ยังคงเดินเข้ามา
เขาดึงเสื้อเชิ้ตบนร่างตัวเองออก กระดุมหลุดกระเด็นออกมา
จี้จิ่งเชินเดินเข้ามาด้วยร่างกายที่เปลือยเปล่าโดยไม่แม้แต่จะมองอะไรทั้งนั้น เรือนร่างที่สมบูรณ์แบบทำให้การบีบบังคับนี้ไม่สามารถที่จะต่อต้านได้เลย
เวินเที๋ยนเที๋ยนอดที่จะกลั้นหายใจไม่ได้ เธอหดตัวลงอยู่ในมุมนั้น
มือยาวของจี้จิ่งเชินเมื่อจับตัวเธอได้แล้วนั้น ก็ดึงเวินเที๋ยนเที๋ยนเข้ามา กดเอาไว้ใต้ร่างตัวเอง
มือทั้งสองข้างถูกกดเอาไว้ข้างลำตัว จี้จิ่งเชินจูบลงทั่วใบหน้าของเธอ พลางเอ่ยพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ
“เที๋ยนเที๋ยน ผมรักคุณ”
“เที๋ยนเที๋ยน รักคุณนะครับ”
พูดออกมาครั้งแล้วครั้งเล่า เวินเที๋ยนเที๋ยนก็ใจอ่อนแล้ว
เห็นท่าทางที่ดูเป็นทุกข์ทรมานเช่นนี้ของจี้จิ่งเชิน ทำให้เธออดที่จะใจอ่อนไม่ได้ มือที่ต่อต้านอยู่นั้นกลับจับเสื้อผ้าของเขาเอาไว้แน่น
“แต่…..”
เธอไม่รู้ว่าควรจะเอ่ยพูดขึ้นมาอย่างไร อยากจะช่วยจี้จิ่งเชินจัดการกับความทรมานนี้ แต่กลับทำไม่ได้
เวินเที๋ยนเที๋ยนขมวดคิ้วขึ้นมาอย่างกลุ้มใจ น้ำตาคลออยู่ในดวงตาอย่างไม่รู้ตัว
จี้จิ่งเชินที่กำลังก้มลงจูบเธออยู่นั้นจูบลงบนดวงตาของเวินเที๋ยนเที๋ยน รสชาติความขมและฝาดจางๆนี้ ทำให้เขาฟื้นคืนสภาพขึ้นมาบ้าง
เงยหน้าขึ้นมาแล้วมองไปยังดวงตาของเวินเที๋ยนเที๋ยน
“เที๋ยนเที๋ยน”
เขาเอ่ยขึ้นมาเบาๆ แล้วขมวดคิ้วขึ้น
เวินเที๋ยนเที๋ยนน้ำตาคลอ
“ขอโทษนะคะ วันนี้ไม่ได้จริงๆ ฉันช่วยพี่ตามคุณหมอมาดีไหม?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนเจ็บปวดมาก แม้แต่ตัวเธอเองนั้นก็ไม่รู้เช่นกันว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น
จี้จิ่งเชินถูกวางยาในเวลานี้ จึงกลายเป็นมีท่าทางแบบในตอนนี้
เมื่อเห็นน้ำตาในดวงตาของเธอแล้ว จี้จิ่งเชินจึงค่อยๆได้สติขึ้นมา เขาขมวดคิ้ว
มองดูสภาพตัวเองในตอนนี้ ใบหน้าปรากฏความโมโหหงุดหงิดขึ้นมา
สถานการณ์ของเวินเที๋ยนเที๋ยนเขาเองก็รู้ดี เมื่อวานนี้ก็ได้ยินด้วยเช่นกัน
“ขอโทษนะครับ”
เขากัดฟันพลางเอ่ยขึ้น แล้วเก็บมือตัวเองกลับมาอย่างยากลำบาก แล้วใช้แรงทั้งหมดที่มีตั้งใจที่จะลุกขึ้นมา
ฟ้าคงรู้ว่าเมื่อมือของตัวเองวางลงบนร่างของเวินเที๋ยนเที๋ยน ตอนที่ผิวสัมผัสกันนั้น ยาในร่างกายของเขาก็จะออกฤทธิ์ ความสั่นเทาที่มีนั้นทำให้รู้สึกหวั่นไหวมากแค่ไหน
แต่จี้จิ่งเชินอดทนเอาไว้
ความปลอดภัยของเวินเที๋ยนเที๋ยน สำคัญกว่าทุกอย่าง แม้จะเป็นตัวเองก็ตาม
ดวงตาเธอแดงก่ำ มือทั้งสองข้างกำหมัดแน่น บนหลังมือเป็นเพราะใช้แรงมากเกินไปจึงทำให้มีเส้นเลือดผลุดขึ้นมา
เขาใช้แรงทั้งหมดที่มีในการระงับ และควบคุมการกระทำของตัวเองเอาไว้
กัดฟันพลางเอ่ยขึ้น : “ผมไปห้องน้ำก่อนนะ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนพยักหน้าลงด้วยความตื่นตระหนก ในดวงตานั้นยังมีน้ำตาคลออยู่
หัวใจของจี้จิ่งเชินนั้นรู้สึกเจ็บปวด อดที่จะยกมือขึ้นมาลูบผมยาวเป็นลอนเล็กน้อยของเวินเที๋ยนเที๋ยนไม่ได้
“ขอโทษนะ”
เพียงแค่สัมผัสเช่นนี้ ก็ราวกับเป็นการราดน้ำมันลงในเปลวไฟที่อยู่ในใจของเขา ไฟลุกโชนขึ้นมาในทันที
เขาใช้ความตั้งใจที่สุดในชีวิตตัวเอง ชักมือกลับมา
“ผมไปอาบน้ำก่อนนะครับ”
ว่าแล้วก็รีบหันกลับไปอย่างรวดเร็ว
เพื่อเป็นการให้ตัวเองรีบออกห่างจากเวินเที๋ยนเที๋ยนไปนั้น เขาจึงไปที่ห้องรับรองแขก
ทิ้งเวินเที๋ยนเที๋ยนเอาไว้ในห้อง รู้สึกโล่งใจจากความรู้สึกหวาดกลัวที่ยังคงหลงเหลืออยู่ในใจ
แต่เมื่อนึกถึงท่าทางที่ดูทรมานของจี้จิ่งเชินเมื่อครู่นี้นั้น ก็รู้สึกเจ็บปวดราวกับมีดกรีดอย่างไรอย่างนั้น แล้วจึงรีบใส่เสื้อผ้าลุกขึ้นมา ในใจทั้งรู้สึกซาบซึ้งและสงสารจับใจ
สุดท้ายแล้วจี้จิ่งเชินก็มีสติขึ้น ควบคุมความวู่วามของตัวเอง เพียงเพราะว่าเขาไม่อยากจะให้ตัวเองต้องมาเจ็บตัว
เวินเที๋ยนเที๋ยนรีบเดินลงมาจากทางด้านบน เตรียมที่จะให้พ่อบ้านเรียกคุณหมอมา
และตอนที่เธอกำลังรีบเดินลงไปนั้น หล่อนเจียนีที่รออยู่ในมุมหนึ่งนั้นก็เดินออกมา
เธอมองไปยังทิศทางที่เวินเที๋ยนเที๋ยนเดินไป ใบหน้าปรากฏรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมา
หลังจากนั้น ก็หันหลังเดินกลับไปยังห้องรับรองแขกห้องที่จี้จิ่งเชินเข้าไปเมื่อครู่นี้
เปิดประตูออก ได้ยินเสียงน้ำดังขึ้นมา แน่ใจว่าเป็นจี้จิ่งเชินอยู่ในนั้น
มองไปทางระเบียงด้านนอก และแน่ใจว่าไม่มีคนแล้วนั้น จึงล็อคประตูลงอีกครั้ง แล้วเดินไปทางห้องน้ำ
จี้จิ่งเชินใช้ความตั้งใจมากที่สุดในชีวิต ออกมาจากเวินเที๋ยนเที๋ยน แล้วหาห้องรับรองแขกเข้ามาอาบน้ำล้างตัว
แต่ถึงจะเป็นเช่นนี้ ในหัวของเขาก็ยังคงมีแต่ท่าทางของเวินเที๋ยนเที๋ยนเมื่อครู่นี้ลอยขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง สลัดไปไม่หลุดเลย
เมื่อนึกถึงก็ทำให้อุณหภูมิร่างกายของเขานั้นสูงขึ้น แม้ว่าจะราดน้ำเย็นไปแล้วก็ยังไม่สามารถผ่อนคลายลงได้
น้ำเย็นๆสาดลงบนร่างกาย แต่กลับไม่สามารถดับไฟในร่างกายของเขาให้มอดลงไปได้
และเวลานี้เอง เสียงปึงดังขึ้น ทันใดนั้นเองไฟในห้องก็ดับลง บริเวณรอบๆตกอยู่ในความมืดสนิท
จี้จิ่งเชินหันกลับมา มองไปทางประตู
ประตูห้องน้ำถูกเปิดออก มีคนเดินเข้ามา
จี้จิ่งเชินขมวดคิ้วขึ้น
“ใครน่ะ?”
เขาเอ่ยถามขึ้น หลังจากนั้นก็มีมือนุ่มๆวางลงบนแขนของเขา
“เที๋ยนเที๋ยน?” น้ำเสียงของเขาอ่อนโยนขึ้นมาในทันที
เวลานี้ที่ตระกูลหล่อน นอกจากฉวีผิงกับแม่ครัวแล้ว ก็เหลือเพียงแค่เวินเที๋ยนเที๋ยนคนเดียวเท่านั้น
เธอไปแล้วกลับมาใหม่อย่างนั้นหรือ?
“โทรศัพท์แล้วหรือครับ?”
จี้จิ่งเชินเอ่ยถาม แต่อีกฝ่ายนั้นกลับไม่ตอบ แต่กลับเอามือมาแนบอยู่ตรงหน้าอกของเขา แล้วค่อยๆเข้ามาใกล้มากขึ้น
จี้จิ่งเชินขมวดคิ้ว รู้สึกได้ถึงความผิดปกติที่ดูเลือนรางนี้ แต่ก็ไม่ได้สืบเสาะอะไรต่อ
แต่เมื่อนึกถึงสภาพร่างกายของเวินเที๋ยนเที๋ยนในเวลานี้แล้ว จึงรีบถอยหลังออกไปก้าวหนึ่ง
“ตอนนี้ไม่ได้นะครับ เที๋ยนเที๋ยน”
ทางฝ่ายนั้นไม่ยอมตอบคำถามเขาเลย แต่กลับจับมือของเขาเอาไว้แน่น แล้วเข้ามาชิด ใช้การกระทำของตัวเองแสดงออกถึงทุกสิ่ง
จี้จิ่งเชินดูแลใส่ใจกับร่างกายของเธอ นึกขึ้นได้ว่าตอนนี้เวินเที๋ยนเที๋ยนไม่สามารถเปียกน้ำได้ จึงรีบปิดน้ำเอาไว้
แต่ทางฝ่ายนั้นก็ยังคงเข้ามาใกล้เขาอย่างต่อเนื่อง ไม่ได้สนใจเลยว่าเสื้อผ้าตัวเองจะเปียกไปด้วย
จี้จิ่งเชินรั้งที่ไหล่ของเธอเอาไว้อย่างเบามือ
“เดี๋ยวก่อนครับ เที๋ยนเที๋ยน”
เขาไม่รู้ว่าทำไมจู่ๆเวินเที๋ยนเที๋ยนถึงได้เปลี่ยนใจขึ้นมา
แต่อีกฝ่ายนั้นกลับไม่ได้คิดเช่นนี้ กอดเขาเอาไว้ด้วยความเร่าร้อน
ในความมืดนี้ จี้จิ่งเชินไม่สามารถมองเห็นท่าทางของอีกฝ่ายหนึ่งได้เลย แต่ความสงสัยที่อยู่ในใจกลับทำให้เขาต้องขมวดคิ้วขึ้นมา
ทางด้านหนึ่ง เวินเที๋ยนเที๋ยนรีบมายังห้องรับแขก แต่หาไปรอบหนึ่งแล้วกลับหาฉวีผิงและแม่ครัวไม่เจอ
จึงหยิบโทรศัพท์ในห้องโถงขึ้นมา เตรียมจะโทรเรียก แต่เมื่อหยิบขึ้นมาแล้วนั้น ในสายกลับไม่ได้ยินเสียงสายไม่ว่างที่คุ้นเคยดังออกมา
เธอมองหาอย่างละเอียดถึงได้พบว่าสายโทรศัพท์ขาดแล้วนั่นเอง