เมียหวานของประธานเย็นชา - บทที่778 ฉันเข้าใจผิด
บทที่778 ฉันเข้าใจผิด
หลวนจื่อฟังด้วยความตกตะลึง และไม่อยากจะเชื่อ
“ทำไมเป็นแบบนี้ไปได้?”
หมินอันเกอเอ่ยขึ้นอย่างงงๆ : “ทำไมถึงไม่อยากเชื่อ? คุณไม่เชื่อคำพูดของผมใช่ไหม?”
“ไม่…..”
หลวนจื่อส่ายหน้า : “แต่ทั้งๆที่ฉันเห็นว่าวันนั้นคุณกับเที๋ยนเที๋ยนไปเลือกแหวนด้วยกัน…..”
หมินอันเกอได้ยินแล้ว แววตาก็ปรากฏความประหลาดใจออกมา
คิดไม่ถึงเลยว่าเรื่องที่เขาตั้งใจวางแผนเอาไว้เป็นพิเศษมาโดยตลอดนี้ จะถูกจับได้ตั้งแต่แรกแล้ว และยังสร้างความเข้าใจผิดครั้งใหญ่ขนาดนี้อีกด้วย
เขาถอนหายใจออกมา แล้วยิ้มอย่างเจื่อนๆ : “นั่นเป็น……”
เพิ่งอยากจะอธิบาย หลวนจื่อกลับแย้งขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
“คุณอย่าบอกฉันนะว่านั่นเป็นแหวนที่จะใช้ในงานแต่งงานของเวินเที๋ยนเที๋ยนกับจี้จิ่งเชิน นิสัยอย่างจี้จิ่งเชิน เขาไม่มีทางยอมให้คนอื่นไปเลือกแหวนกับเวินเที๋ยนเที๋ยนแน่”
หมินอันเกออึ้งไป เมื่อครู่นี้เขาคิดจะพูดแบบนี้จริงๆ แต่เห็นว่าตัวเองปิดบังเธอไม่ได้แล้ว ใบหน้าจึงปรากฏรอยยิ้มออกมาอย่างช่วยไม่ได้
เห็นอาการของเขาแล้ว หลวนจื่อรู้สึกกลัวขึ้นมาทันที หัวใจที่เพิ่งจะฟื้นฟูขึ้นมานั้นจมดิ่งลงไปอีกครั้ง
เป็นอย่างที่ตัวเองคิดแบบนั้นจริงๆใช่ไหม?
เธอคิดจะสะบัดหมินอันเกอออก แต่อีกฝ่ายหนึ่งนั้นกลับจับมือเธอเอาไว้แน่น
หมินอันเกอเอ่ยพูดขึ้นอย่างหนักแน่น : “แหวนคู่นั้นไม่ได้เลือกให้กับจี้จิ่งเชินกับเที๋ยนเที๋ยนจริงๆครับ”
หลวนจื่อได้ยินแล้ว จึงหลับตาลง รอยยิ้มนั้นเปลี่ยนไปอย่างเจ็บปวด
“ฉันรู้ตั้งแต่แรกแล้ว……”
เธออยากจะทำให้ตัวเองหลุดจากการผูกมัดนี้ของหมินอันเกอ แต่อีกฝ่ายนั้นกลับหยิบกล่องเล็กๆใบหนึ่งออกมาจากกระเป๋ากางเกง
และวินาทีต่อมานั้นเขาก็คุกเข่าลง
หลวนจื่อส่งเสียงร้องออกมาด้วยความตกใจ
หมินอันเกอเงยหน้าขึ้น มองหลวนจื่อที่อยู่ตรงหน้า
“แหวนนี้ไม่ได้เลือกมาเพื่อจี้จิ่งเชินกับเที๋ยนเที๋ยนจริง แต่เพื่อคุณต่างหาก…..”
“หลวนจื่อ คุณแต่งงานกับผมนะครับ?”
หลวนจื่อได้ยินคำพูดของหมินอันเกอแล้ว เบิกตาขึ้นมาอย่างไม่อยากจะเชื่อ
เธอรู้สึกช็อคมาก หรือแม้กระทั่งสงสัยว่าตัวเองฟังผิดหรือเปล่า
“คุณว่าอะไรนะคะ?”
หมินอันเกอจับมือหลวนจื่อเอาไว้อย่างเป็นทางการ แล้วเอ่ยพูดขึ้นซ้ำอีกครั้ง : “แต่งงานกับผมได้ไหมครับ?”
มุมปากของเขาปรากฏรอยยิ้มขึ้นเล็กน้อย
“ถึงแม้ว่าระหว่างเราสองคนจะมีการเข้าใจผิดกันมาบ้าง ถึงแม้ว่าจะผ่านมาแล้วสิบกว่าปี แต่ผมหวังว่าตอนนี้จะยังไม่สายเกินไป”
เขาพูดออกมาช้าเป็นพิเศษ เว้นวรรค เพื่อให้หลวนจื่อสามารถได้ยินอย่างชัดเจนทุกประโยคและทุกคำ
หลวนจื่อเบิกตากว้างขึ้น
“ไม่ใช่เพราะลูกใช่ไหมคะ?”
ถึงแม้ว่าในใจของเธอจะรู้สึกสงสัย แต่ดวงตาของเธอนั้นก็อดที่จะมีน้ำตาคลอขึ้นมาไม่ได้
เธออยากจะแน่ใจอีกซักครั้งว่าหมินอันเกอไม่ได้เป็นเพราะเด็กคนนี้ แล้วก็ไม่ได้เป็นเพราะต้องทนกล้ำกลืนเพื่อรักษาหน้าเธอเอาไว้ ถึงได้พูดแบบนี้ออกมา
มุมปากของหมินอันเกอยกขึ้นเล็กน้อย ใบหน้าปรากฏรอยยิ้มอบอุ่นขึ้นมา แล้วจับมือเธอเอาไว้แน่น
พลางเอ่ยขึ้นมาอย่างเด็ดเดี่ยว : “ผมคิดว่า คงจะไม่ใช่หรอกครับ”
คำตอบเบาๆ เป็นการเพิ่มความมั่นใจอีกครั้งในเรื่องที่อยู่ในใจของหลวนจื่อทำให้เธอไม่กล้าแม้แต่จะคิด
เธอหายใจเข้าลึกๆ
“ถ้าอย่างนั้นเป็นเพราะ……”
เสียงของเธอกำลังสั่น แม้แต่นิ้วมือของเธอเองก็สั่นเทาอย่างควบคุมไม่ได้เช่นกัน
“เพราะว่าผมอยากอยู่กับคุณไปตลอดชีวิตยังไงล่ะครับ” หมินอันเกอเอ่ยออกมาตรงๆ กลัวว่าจะเป็นเหมือนครั้งที่แล้วอีก ที่ตัวเองพูดออกมาไม่ชัดเจน แล้วจะทำให้หลวนจื่อต้องมาเข้าใจผิดอีก
หมินอันเกอยืนยันอีกครั้งอย่างหนักแน่น
หลวนจื่อได้ยินแล้ว หายใจเข้าลึกๆ
“ไม่ได้โกหกฉันอีกใช่ไหม?”
หลวนจื่อก้มหน้าลง สายตามองไปในดวงตาของหมินอันเกอ
ดวงตาสีน้ำตามเข้ม มองเพียงแค่แวบเดียว ก็สามารถรู้ความคิดในใจของเธอได้ทั้งหมดแล้ว
ความสงสัยในใจของหลวนจื่อนั้นหายวับไปทันที
เธอพยักหน้าลง
และที่เพิ่งจะขยับศีรษะลงนั้น น้ำตาก็ไหลลงมาเองโดยไม่ได้ตั้งใจ
“แต่งค่ะ” หลวนจื่อเอ่ยขึ้น
รอยยิ้มที่มุมปากของหมินอันเกอยกขึ้นสูงอีกครั้ง
เขาจับมือของหลวนจื่อเอาไว้เบาๆ แล้วเอาแหวนเพชรที่อยู่ในมือสวมลงไปอย่างระมัดระวัง
หลังจากที่สวมเสร็จแล้วนั้น เขากลับยังไม่ได้ลุกขึ้นมาเลย แต่ก้มหน้าลง จับมือของหลวนจื่อ แล้วบรรจงจูบลงบนนิ้วนางของเธอด้วยความจริงใจ
จูบลงบนแหวนเพชรแล้ว เขาถึงได้เงยหน้าขึ้นมา
หลวนจื่อมองใบหน้าของเขา แล้วทันใดนั้นเองก็นึกถึงเรื่องที่ตัวเองถูกหล่อนเจียนีหลอกขึ้นมาได้ ไม่คิดว่าจะวางยาจี้จิ่งเชินไปแล้วแบบนั้น
ถึงแม้จะไม่รู้ว่าทำไมหล่อนเจียนีถึงต้องทำแบบนี้ แต่ในเมื่อทั้งหมดนี้เป็นเรื่องที่สร้างขึ้นมา ถ้าอย่างนั้นพวกเวินเที๋ยนเที๋ยนก็อาจจะมีอันตราย
ตัวเธอเองเข้าใจเวินเที๋ยนเที๋ยนกับหมินอันเกอผิด……
เธอรีบเก็บมือตัวเองเข้ามา ใบหน้าตื่นตกใจเสียจนทำอะไรไม่ถูก
“เป็นอะไรไปครับ?” หมินอันเกอเอ่ยถามเธออย่างงงๆ
แววตาของหลวนจื่อนั้นมีความรู้สึกกลัวขึ้นมา จึงเอ่ยขึ้นอย่างร้อนรน : “ฉันทำเรื่องผิดพลาดเรื่องหนึ่งเอาไว้……ไม่ได้ ตอนนี้ฉันจะต้องรีบโทรไปบอกเที๋ยนเที๋ยน”
หมินอันเกอได้ยินแล้วแต่กลับไม่เข้าใจ
“คุณทำอะไรผิดพลาดครับ?”
หลวนจื่อไม่ได้เอ่ยพูด แต่กลับรีบหยิบโทรศัพท์มือถือแล้วกดโทรออกไปยังตระกูลหล่อนทันที
เสียงโทรศัพท์ดังอยู่นาน แล้วถึงได้มีคนรับสายขึ้น
“สวัสดีครับ คฤหาสน์ตระกูลหล่อนครับ”
คงจะเป็นพ่อบ้าน
หลวนจื่อรู้สึกตื่นเต้น จึงรีบเอ่ยขึ้นอย่างร้อนใจ : “ฉันหลวนจื่อนะคะ พ่อบ้านฉวีผิง เที๋ยนเที๋ยนกับจี้จิ่งเชินพวกเขาไม่เป็นอะไรใช่ไหมคะ?”
พ่อบ้านไม่รู้ว่าหลวนจื่อรู้เรื่องจี้จิ่งเชินได้อย่างไร แต่ก็ยังคงบอกไป : “ตอนนี้คุณผู้ชายขังตัวเองเอาไว้ในห้อง ไม่ยอมออกมาเลยครับ ส่วนคุณเวินยังรอคุณหมออยู่ทางด้านนอก”
“หมอ?” หลวนจื่อขมวดคิ้วขึ้น พลางเอ่ยถามด้วยความประหลาดใจ : “เธอไม่ได้เข้าไปหรือคะ?”
“ครับ พอดีเกิดเรื่องนิดหน่อย จึงต้องรอให้คุณหมอมาช่วยแก้ปัญหาน่ะครับ”
หลวนจื่อได้ยินแล้ว ยิ่งรู้สึกกลัวมากขึ้น แล้วสูดหายใจเข้า
“ให้เที๋ยนเที๋ยนมารับสายหน่อยได้ไหมคะ? ฉันมีเรื่องจะบอกเธอ”
แต่ฉวีผิงกลับลังเลอยู่พักหนึ่ง ตอนนี้หัวใจของเวินเที๋ยนเที๋ยนอยู่ที่จี้จิ่งเชินแล้ว ไม่รู้ว่าทำไมหลวนจื่อจะต้องให้เวินเที๋ยนเที๋ยนมารับสายด้วย
เห็นว่าเขาไม่ตอบรับ หลวนจื่อจึงเอ่ยขึ้น : “ขอร้องล่ะค่ะ เป็นเรื่องที่สำคัญมาก ฉันจำเป็นที่จะต้องบอกกับเที๋ยนเที๋ยนเอง ไม่อย่างนั้นอาจจะเกิดเรื่องขึ้นมาจริงๆก็ได้”
ได้ยินน้ำเสียงที่จริงจังของเธอเช่นนี้แล้ว ฉวีผิงถึงได้พยักหน้าลง
“ได้ครับ คุณรอซักครู่นะครับ ผมจะไปตามคุณหนูให้”
ว่าแล้ว เขาก็รีบไปเรียกเวินเที๋ยนเที๋ยนมา
เวินเที๋ยนเที๋ยนคิดว่าหลวนจื่อมีของตกหล่นเอาไว้ในตระกูลหล่อนเสียอีก เธอเดินไปพลางถามเช็คกับฉวีผิงอย่างร้อนใจ
“หมอคงใกล้จะถึงแล้วใช่ไหม?”
“ครับ เมื่อครู่นี้ผมเช็คกับทางคุณหมอแล้ว อีกประมาณยี่สิบนาทีคงจะถึงแล้วครับ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนพยักหน้าลง แล้วถึงได้รับสายของหลวนจื่อพลางเอ่ยถาม : “มีอะไรหรือเปล่า? หลวนจื่อ?”
เมื่อครู่ได้ยินบทสนทนาของเวินเที๋ยนเที๋ยนกับพ่อบ้านแล้ว ในใจของหลวนจื่อก็ยิ่งรู้สึกผิด
“เที๋ยนเที๋ยน ฉันจำเป็นต้องบอกเธอเรื่องนึง ทั้งหมดนี่เป็นความผิดของฉันเอง เป็นเพราะฉันฟังคำหลอกลวงมอมเมาของหล่อนเจียนี คิดว่าเธอกับหมินอันเกอจะมีอะไรกัน……ขอโทษจริงๆนะ วันนั้นฉันเพียงแค่เห็นพวกเธออยู่ด้วยกัน ก็เลยเข้าใจผิด”
เวินเที๋ยนเที๋ยนได้ยินแล้วรู้สึกสับสน เอ่ยขึ้นอย่างงงๆ : “เธอเข้าใจผิดเรื่องอะไร?