เมียหวานของประธานเย็นชา - บทที่786 ความปรารถนาของคุณเป็นจริงแล้ว
บทที่786 ความปรารถนาของคุณเป็นจริงแล้ว
หล่อนเหลือยพูดจบแล้วนั้น ส่ายหน้าอย่างไม่ได้สนใจสีหน้าของหล่อนเจียนีที่กำลังซีดเซียวอยู่
“ต่อไปแกก็ระวังให้ดีแล้วกัน”
หลังจากนั้นก็หันหลังกลับออกไป
“คุณปู่! คุณปู่!”
หล่อนเจียนีอยากจะเรียกเขาเอาไว้ แต่หล่อนเหลือยไม่ได้หันกลับมาอีกเลย เดินตรงออกไปแทน
และนี่เองเธอถึงได้รู้ว่าที่หล่อนเหลือยเอ่ยพูดขึ้นมาเมื่อครู่นี้ล้วนแต่เป็นเรื่องจริงทั้งสิ้น!
และเมื่อรับรู้ถึงจุดนี้แล้ว หล่อนเจียนีนั่งลงบนพื้นด้วยสีหน้าที่ซีดเซียว
หันมามองเวินเที๋ยนเที๋ยน แววตานั้นเต็มไปด้วยความระวังตัว พลางรีบเอ่ยขึ้น : “เมื่อกี้เธอรับปากคุณปู่ฉันแล้ว ว่าจะไม่กลั่นแกล้งฉันอีก!”
เวินเที๋ยนเที๋ยนมองดูท่าทางของเธอพลางเอ่ยขึ้น : “เธอวางใจเถอะ ในเมื่อฉันรับปากเขาแล้ว ก็จะไม่กลับคำหรอก เพียงแต่แค่ครั้งนี้ครั้งเดียวเท่านั้นนะ ครั้งต่อไปถ้าหากเธอทำผิดอีก ใครก็คงจะช่วยเธอไม่ได้แล้ว”
สีหน้าของหล่อนเจียนีดูแย่มาก ให้ความรู้สึกเหมือนกับเพิ่งจะรอดชีวิตจากภัยพิบัติอย่างไรอย่างนั้น
หลิวเหม่ยหลันที่อยู่ข้างๆเดินเข้ามา แล้วประคองเธอขึ้นมา
“เจียนี เราไปกันเถอะ”
ไม่ใช่เรื่องง่ายๆที่จะเชิญตัวหล่อนเหลือยมาได้ หลิวเหม่ยหลันจึงคิดเพียงแค่อยากจะรีบพาตัวหล่อนเจียนีออกไปก่อน
แต่หล่อนเจียนีกลับดึงเธอเอาไว้ พลางเอ่ยขึ้นมาอย่างไม่ยอม : “ไม่ค่ะ หนูจะอยู่ที่นี่ ตอนนี้พวกเราจะไปที่ไหนได้อีก? หนูไม่อยากไปเร่ร่อนข้างถนน หนูก็เป็นคนของตระกูลหล่อน แน่นอนว่าก็สามารถอยู่ที่นี่ได้เหมือนกัน”
“แต่ว่า…..”
หลิวเหม่ยหลันรู้สึกลังเลอยู่บ้าง มองไปยังเวินเที๋ยนเที๋ยนที่อยู่อีกทางด้านหนึ่ง
เวินเที๋ยนเที๋ยนไม่ได้เอ่ยพูดอะไร แต่หล่อนเจียนีกลับสะบัดหลิวเหม่ยหลัน แล้วเดินเข้าไปด้านใน โดยจะทำอย่างไรก็ไม่ยอมออกไป
ต่อให้จนถึงตอนนี้แล้ว เธอเองก็ไม่ยอมเลิกราแผนที่อยู่ในใจของตัวเองเช่นกัน
ฉวีผิงเดินเข้ามาด้วยความกังวล แล้วเอ่ยถามเวินเที๋ยนเที๋ยนขึ้น : “คุณหนูจะไล่เธอออกไปไหมครับ?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนส่ายหน้า
“ไม่ต้องหรอก ให้เธออยู่ในสายตานี่แหล่ะ ถึงจะสามารถเฝ้าดูการเคลื่อนไหวของเธอได้ ไม่ให้เธอได้มาเล่นลูกไม้อะไรได้อีก ถ้าหากเธอกล้าลงมือ จะได้จับตัวเธอมาได้เลย”
“ครับ คุณหนู”
“เที๋ยนเที๋ยน” เสียงของหมินอันเกอดังขึ้น
เวินเที๋ยนเที๋ยนหันกลับมา น้ำเสียงเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด : “ขอโทษด้วยนะ ไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น”
“ไม่เป็นไรค่ะ ไม่ใช่ความผิดของคุณหรอก”
หมินอันเกอฝืนยิ้มออกมา เนื่องจากไม่ใช่เพียงแค่เที๋ยนเที๋ยน แม้แต่ตัวเอง ก็ถูกข่มขู่ไปด้วย จึงต้องยอมรับการตัดสินใจนี้ไปโดยปริยาย
“ปัญหาที่เขาพูดมาทั้งหมด ความจริงแล้วผมก็เป็นกังวลอยู่มาก ต่อให้ไม่มีคุณ ผมเองก็จะเลือกคำตอบเดิม”
“ถ้าอย่างนั้นหลวนจื่อ…..”
“เรื่องนี้ผมจะบอกเธอ ต่อไปผมจะอยู่ข้างๆเธอตลอด จะไม่ให้เกิดเรื่องอะไรขึ้นกับหลวนจื่อแล้ว” หมินอันเกอเอ่ยพูดขึ้นมาอย่างตัดสินใจ
“ถ้าอย่างนั้นฉันก็วางใจค่ะ”
หลังจากที่ส่งเขากลับแล้วนั้น เวินเที๋ยนเที๋ยนกลับขมวดคิ้วขึ้นมา
เธอยังคงรู้สึกกังวลอยู่บ้าง หล่อนเจียนีกับหลิวเหม่ยหลันทั้งสองคนที่ยังคงยืนหยัดว่าจะอยู่ที่ตระกูลหล่อนนี้ ถ้าหากลงมือขึ้นมา ก็คงจะเป็นเหตุการณ์ที่เกิดบ่อยเสียจนเป็นเรื่องยากที่จะป้องกันได้
เวินเที๋ยนเที๋ยนคิดแล้ว จึงสั่งกับฉวีผิงเอาไว้ : “ฉันกังวลว่าหล่อนเจียนีกับหลิวเหม่ยหลันจะก่อเรื่องอะไรกันอีก ช่วยส่งคนคอยติดตามพวกเขาเอาไว้ให้หน่อยนะ ถ้ามีอะไรที่ผิดปกติ ให้รีบมาบอกฉันทันที”
“ทราบแล้วครับ คุณหนู”
เมื่อฉวีผิงไปแล้วนั้น ภายในห้องรับแขกจึงเหลือเพียงแค่เวินเที๋ยนเที๋ยนและจี้จิ่งเชินเพียงแค่สองคน
เวลานี้เวินเที๋ยนเที๋ยนก็ได้ถอนหายใจออกมายาวๆ
ใครๆก็คงไม่คาดคิด ว่าจู่ๆหล่อนเหลือยจะปรากฏตัวออกมาในวันนี้ แล้วแบกรับเรื่องของหล่อนเจียนีกับหลิวเหม่ยหลันเอาไว้เอง
จี้จิ่งเชินเดินมาข้างๆเวินเที๋ยนเที๋ยน แล้ววางมือเอาไว้บนไหล่ของเธอ
พลางเอ่ยปลอบใจเธอขึ้นมาเบาๆ : “อย่ากังวลไปเลยครับ ครั้งต่อไป หล่อนเหลือยก็ไม่สามารถจะปกป้องพวกเขาได้อีกแล้ว”
แต่เวินเที๋ยนเที๋ยนกลับเอ่ยขึ้นมาอย่างกังวล : “เรื่องพวกนั้น ถ้าหากเกิดขึ้นมาอีกจริงๆ ก็จะทำให้ฉันรู้สึกอกสั่นขวัญหายอีก ฉันไม่อยากที่จะรับรู้อีกเป็นครั้งที่สามแล้ว”
จี้จิ่งเชินไม่ได้เอ่ยพูดขึ้นอีก เขาก้มลงจูบลงบนหน้าผากของเวินเที๋ยนเที๋ยน แววตาอ่อนโยน
เพียงแต่ตอนที่สายตาหลุบต่ำลงนั้น แววตาที่มีความดุดันก็ปรากฏแวบขึ้นมา
จริงๆแล้ว เขาเองก็ไม่สามารถยอมรับให้หล่อนเจียนีกับหลิวเหม่ยหลันที่เป็นเหมือนระเบิดเวลามาคอยอยู่ข้างๆเธอแบบนี้ได้อยู่แล้ว
ตราบใดที่เป็นภัยคุกคามต่อความปลอดภัยของเวินเที๋ยนเที๋ยน จี้จิ่งเชินก็ไม่สามารถที่จะทนได้เช่นกัน
ในเมื่อไม่สามารถลงโทษได้อย่างเปิดเผยยุติธรรมนั้น เช่นนั้นแล้วจี้จิ่งเชินก็จะใช้วิธีของตัวเอง
แต่ตอนนี้หล่อนเหลือยกำลังดูอยู่ ถ้าหากไม่ระวัง เป็นไปได้ที่เขาอาจจะเอาความผิดนี้มาลงที่เวินเที๋ยนเที๋ยน
จี้จิ่งเชินหลุบสายตาลงเล็กน้อย และในเวลานั้นเอง ในใจก็มีความคิดหนึ่งขึ้นมา
“ไม่ต้องกังวลนะครับ” จี้จิ่งเชินเพียงเอ่ยพูดขึ้นมา : “ในเมื่อหล่อนเจียนีกับหลิวเหม่ยหลันต้องอยู่ที่นี่ต่อ ผมเองก็จะไม่ไปไหนเหมือนกัน”
จี้จิ่งเชินเอ่ยขึ้นมาอย่างมีเหตุผล
แต่ก่อนหน้านี้เวินเที๋ยนเที๋ยนได้คุยกับเขาเอาไว้เป็นอย่างดีแล้ว ว่าก่อนที่จะแต่งงานกันไม่กี่วันนั้นจี้จิ่งเชินควรจะกลับไปที่คฤหาสน์
ตอนนี้งานแต่งงานก็ใกล้เข้ามาแล้ว จี้จิ่งเชินจะอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?
เขาเอ่ยขึ้น : “ผมไม่วางใจ รอจนก่อนวันแต่งงานวันนึงก็ได้เหมือนกันนั่นแหล่ะครับ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนเอ่ยขึ้นมาอย่างลังเล : “แม่ครัวบอกว่าก่อนแต่งงานจะต้องแยกกันอยู่สองสามวัน แบบนี้ตอนที่เจอกันในวันแต่งงานถึงจะเซอร์ไพรส์นะคะ”
เธอปิดบังจี้จิ่งเชินเรื่องชุดแต่งงานที่สั่งทำเตรียมไว้ ก่อนที่จะแต่งงานนั้นจะไม่ให้เขาเห็น ก็เพื่อที่จะเซอร์ไพรส์เขา
จี้จิ่งเชินได้ยินแล้วจึงยิ้มขึ้นมา
“ถึงแม้ว่าเวินเที๋ยนเที๋ยนจะอยู่ด้วยกันกับผมตลอด ตอนที่คุณปรากฏตัวออกมาผมก็จะต้องตกตะลึงอยู่แล้วล่ะครับ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนเอ่ยขึ้นมาอย่างไม่พอใจ : “พี่พยายามทุกวิถีทางเพื่อจะอยู่ที่นี่ใช่ไหม? แต่อยู่ที่นี่ก็ดีเหมือนกัน ถ้าหากพี่กลับไป ฉันเองก็คงจะเป็นกังวล”
ลองนับเวลาดูแล้ว เคอเหยียนรุ่ยออกแบบชุดแต่งงานอีกสองวันนี้ก็คงใกล้จะเสร็จแล้วสินะ?
เวินเที๋ยนเที๋ยนคิดไปพลางหันมามองจี้จิ่งเชินด้วยแววตาที่มีรอยยิ้ม
“คุณจี้จิ่งเชินคะ คุณเตรียมตัวพร้อมหรือยังที่จะเป็นสามีของเวินเที๋ยนเที๋ยน?”
จี้จิ่งเชินก้มหน้าลงเล็กน้อย สายตามองอยู่บนใบหน้าของเธอ และแววตานั้นก็เต็มไปด้วยรอยยิ้ม อ่อนโยนอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
“เตรียมพร้อมอยู่ตลอดเวลาแล้วครับ สวรรค์รู้ว่าผมรอวันนั้นมาเป็นสิบกว่าปีแล้ว”
สิบกว่าปี?
เวินเที๋ยนเที๋ยนเอ่ยขึ้นด้วยความประหลาดใจ : “ตั้งแต่ตอนที่อยู่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้า ก็คิดแบบนี้แล้วหรือคะ?”
จี้จิ่งเชินพยักหน้าลง
“ตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็นคุณ ในใจของผมก็บอกตัวเองเอาไว้แล้ว ว่าต่อไปเด็กผู้หญิงคนนี้จะเป็นภรรยาของผม และจะต้องรักเธอให้ดีๆด้วย”
เวินเที๋ยนเที๋ยนได้ยินแล้วอดที่จะหน้าแดงขึ้นมาไม่ได้
และจี้จิ่งเชินกลับเอ่ยพูดขึ้นต่อ : “แล้วเที๋ยนเที๋ยนล่ะครับ? ไม่รู้ว่าตอนที่เที๋ยนเที๋ยนเห็นผม ปฏิกิริยาครั้งแรกเป็นเหมือนผมหรือเปล่า? ยอมรับในตัวผมเหมือนกัน?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนหน้าแดงมาก คิดไปคิดมาแล้วจึงจงใจส่ายหน้าออกมา
“ไม่ใช่ แล้วตอนนั้นคุณกำลังคิดอะไร?” จี้จิ่งเชินรู้สึกแปลกใจ
เวินเที๋ยนเที๋ยนเอ่ยขึ้น : “ตอนนั้นฉันกำลังคิดว่าผู้ชายคนนี้นิสัยแปลกประหลาดจัง ไม่พูดจา ไม่ยิ้ม แล้วก็ดุมากด้วย”
ได้ยินแล้วนั้น จี้จิ่งเชินจึงเลิกคิ้วขึ้น หลังจากนั้นใบหน้าก็แสดงอาการแห่งความผิดหวังออกมา
“แท้ที่จริงแล้วเวินเที๋ยนเที๋ยนเห็นผมแวบแรก ในใจก็คิดแบบนี้เองอย่างนั้นหรือ?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนเห็นสถานการณ์เช่นนี้แล้วจึงหัวเราะขึ้นมา
เธอยกมือขึ้นมาโอบคอจี้จิ่งเชิน แล้วเขย่งปลายเท้าขึ้นมาเล็กน้อย ใบหน้าของทั้งสองคนนั้นแทบจะชิดกัน ใกล้กันเป็นอย่างมาก
แก้มของเวินเที๋ยนเที๋ยนนั้นเป็นสีแดงระเรื่อ พลางพูดขึ้นเบาๆ : “แต่ว่า ไม่นานฉันก็ค้นพบว่า พี่จิ่งคนนี้ถึงแม้จะดูดุ แต่กลับเป็นคนที่เป็นห่วงและใส่ใจฉันมากที่สุด ถ้าหากต่อไปฉันสามารถอยู่กับเขาไปตลอดได้ก็คงจะดี”
มุมปากของจี้จิ่งเชินยกยิ้มขึ้นมา ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม มือทั้งสองข้างโอบเอวของเวินเที๋ยนเที๋ยนเอาไว้แน่น
“ยินดีด้วยนะครับ ความปรารถนาของคุณเป็นจริงแล้ว คุณนายจี้”
เวินเที๋ยนเที๋ยนยิ้มพลางเอ่ยขึ้น : “ความปรารถนาของเราสองคนเป็นจริงแล้วนะคะ”