เมียหวานของประธานเย็นชา - บทที่817 ขึ้นเรือโจร
บทที่817 ขึ้นเรือโจร
ได้ยินคำพูดของเวินเที๋ยนเที๋ยน ในใจของจี้จิ่งเชินนั้นก็รู้สึกทำตัวไม่ถูก นึกกลัวภายหลัง
“เวินเที๋ยนเที๋ยน เพราะฉะนั้น เพื่อผมแล้ว คุณเองก็จะเป็นอะไรไปไม่ได้เหมือนกันนะครับ รู้ไหม?”
จี้จิ่งเชินเอ่ยพูดด้วยน้ำเสียงที่มุ่งมั่น
คำพูดของเขา กลับทำให้ในใจของเวินเที๋ยนเที๋ยนหวั่นไหวขึ้นมาเล็กน้อย
แท้ที่จริงแล้ว นี่คือความคิดของเขา
จี้จิ่งเชินหวังว่าเวินเที๋ยนเที๋ยนจะสามารถปกป้องตัวเองได้ ตั้งแต่แรกจนถึงตอนนี้ ก็ล้วนแต่เป็นเช่นนี้
คิดมาถึงตรงนี้แล้ว เวินเที๋ยนเที๋ยนก็อดที่จะแสดงสีหน้าประทับใจออกมาไม่ได้
“จี้จิ่งเชิน เรื่องราวหลายๆอย่างพวกเราไม่สามารถคาดการณ์ได้ เหมือนกับประโยคนั้นที่ว่า เมฆฝนบนฟ้าไม่อาจคาดการณ์ได้ มนุษย์เราย่อมมีสุขมีภัยที่คาดไม่ถึงเหมือนกัน ถ้าหาก……”
“ไม่มีถ้าหาก!”
จี้จิ่งเชินขัดคำพูดของเวินเที๋ยนเที๋ยนขึ้นมาอย่างกะทันหัน ทำให้แววตาของเธอเกิดความประหลาดใจขึ้น
“เวินเที๋ยนเที๋ยน ผมไม่อนุญาตให้คุณคิดอะไรไปทั่วแบบนี้นะครับ คุณเป็นของผม ผมต้องการให้คุณอยู่ด้วยกันกับผม”
แววตาของจี้จิ่งเชินนั้นเปลี่ยนเป็นสงบลงในทันที
นัยน์ตานั้นมีความดื้อรั้นและมุ่งมั่นอย่างคิดไม่ตก
เวินเที๋ยนเที๋ยนสบตาเขาแบบนี้แล้ว จึงทำได้เพียงพยักหน้าลงอย่างว่าง่าย
“ฉันรู้แล้วค่ะ ดุจัง…..”
เธอเพียงแค่บอกว่าถ้าหาก ก็แค่กังวลเท่านั้นเอง
ถ้าหากเธอพบเจอกับอันตราย เธอหวังว่าจี้จิ่งเชินจะไม่เป็นเหมือนอาหง
เธออยากจะหาคนที่จะมาดูแลเขาแทนเธอ หลังจากนั้นก็ใช้ชีวิตได้ด้วยดีต่อไป
รู้สึกได้ถึงความไม่สบายใจของเวินเที๋ยนเที๋ยน จี้จิ่งเชินจึงหยุดลง
เวินเที๋ยนเที๋ยนหันมามองเขา ด้วยแววตาที่กังวล
“เวินเที๋ยนเที๋ยน ผมจะบอกคุณอีกเป็นครั้งสุดท้าย ผมจะไม่คิดสมมติว่าในอนาคตจะไม่มีคุณ”
“ความเจ็บปวดแบบนั้นผมเคยได้รับมันมาครั้งนึงแล้ว และไม่ก็ไม่อยากจะได้รับมันอีกเป็นครั้งที่สอง”
เขาจ้องมองเวินเที๋ยนเที๋ยน สายตาที่ซ่อนความคิดและคิ้วขมวดเช่นนั้น กำลังบอกเธอ
ว่าตอนนั้นที่เขาคิดว่าเขาสูญเสียเวินเที๋ยนเที๋ยนไปแล้ว เป็นทุกข์มากแค่ไหน
ประสบการณ์ที่ผ่านมาในช่วงนั้น เป็นฝันร้ายที่เขาจะไม่มีวันลืมไปตลอดชีวิต
“ขอโทษค่ะ……”
“คุณสามารถเปลี่ยนเป็นสามคำนั้นได้นะ”
“………” ใบหูของเวินเที๋ยนเที๋ยนร้อนผ่าว แต่กลับไม่ปฏิเสธคำพูดของเขา “ฉันรักพี่”
เรื่องอารมณ์ความรู้สึกของจี้จิ่งเชินนั้นถูกเธอจัดการได้อย่างง่ายดาย ทั้งยังแฝงไปด้วยความรักสามคำนั้น นับว่าเป็นการเยียวยาใหม่อีกครั้งแล้ว
เขาส่งสายตาขอโทษไปยังเวินเที๋ยนเที๋ยน “ขอโทษนะครับ ผมไม่ได้ตั้งใจจะดุคุณ”
“ไม่เลยค่ะ ฉันดีใจมากที่พี่บอกเรื่องพวกนี้กับฉัน”
เวินเที๋ยนเที๋ยนส่ายหน้า แล้วเอ่ยพูดขึ้นมาเบาๆตรงหน้าเขา
มิเช่นนั้นแล้ว เธอก็ไม่รู้ว่าช่วงเวลานั้น เป็นการทำร้ายจี้จิ่งเชินมากขนาดนี้
เธอคิดมาโดยตลอดว่าเรื่องราวผ่านไปแล้ว คนที่มีสติปัญญาอย่างจี้จิ่งเชิน จะไม่จมปลักอยู่กับอดีต และจะไม่มีวิธีถอนตัวออกมาได้
แต่เธอคิดไม่ถึงเลยว่า คนที่ยิ่งมีสติปัญญา ก็จะยิ่งง่ายที่จะจมอยู่กับความเจ็บปวดนี้
เนื่องจากว่าสติปัญญาเมื่อพังลง ก็จะเป็นความพินาศย่อยยับด้วยเช่นกัน
“ฉันจะดูแลตัวเองให้ดี เพื่อพี่ ฉันเองก็จะอยู่ให้ได้เหมือนกันค่ะ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนพาตัวเองเข้าไปอยู่ในอ้อมกอดของจี้จิ่งเชิน
แล้วเอาปลาที่เกินมานั้นปล่อยกลับลงทะเลไป
มองดูพวกมันจากไปกันอย่างเป็นกลุ่ม หัวใจของเวินเที๋ยนเที๋ยนก็รู้สึกเบิกบานขึ้นมาในทันที
มือทั้งสองข้างของเธอนั้นประสานกันอยู่ตรงหน้าอก แล้วหลับตาลง
จี้จิ่งเชินมองดูการกระทำของเธอแล้ว จึงเอ่ยขึ้นอย่างสงสัย : “เที๋ยนเที๋ยนทำอะไรครับ?”
“ขอพรค่ะ”
จี้จิ่งเชินได้ยินแล้ว ก็สงสัยขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว
“ขอพรกับทะเล?”
“ใจมุ่งมั่นสิ่งที่ปรารถนาก็จะบรรลุผล” เวินเที๋ยนเที๋ยนเอ่ยพูดขึ้นเบาๆ เธอขอพรเสร็จแล้วถึงได้เอามือลง
และเพิ่งจะหันมานั้น จี้จิ่งเชินกลับดึงตัวเธอเอาไว้
“ถ้าอย่างนั้น บอกผมหน่อยสิว่าคุณนายจี้ขอพรอะไรครับ?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนกระพริบตา แล้วเอ่ยขึ้นมาอย่างดื้อๆ : “ไม่ได้ค่ะ พูดออกมาก็ไม่เป็นจริงน่ะสิ”
พูดจบแล้ว ก็หาทิศทางที่จะเดินกลับไปยังคฤหาสน์
จี้จิ่งเชินมองดูเบื้องหลังของเวินเที๋ยนเที๋ยน แล้วหัวเราะออกมา แล้วกำลังเตรียมจะเดินตามไป
เดินไปสองก้าวแล้วนั้น ถึงได้หันกลับมา แล้วมองไปยังท้องทะเลอันกว้างใหญ่อีกครั้งหนึ่ง
“ถ้าหากเป็นจริงขึ้นมา ผมเองก็อยากจะขอพรหนึ่งข้อ ขอให้สิ่งที่เที๋ยนเที๋ยนขอพรเอาไว้เมื่อครู่นี้กลายเป็นจริง”
ว่าแล้ว เขาก็เดินตามเที๋ยนเที๋ยนไปด้านใน
เหลือเอาไว้เพียงแค่ปลาไม่กี่ตัวที่จะพอกินสำหรับคนสามคน บวกกับอาหารที่เตรียมเอาไว้แล้วในคฤหาสน์ อาหารค่ำคืนนี้ช่างอุดมสมบูรณ์ยิ่งนัก
ถ่านถูกวางเอาไว้บนหญ้าหน้าคฤหาสน์ สิ่งของทุกอย่างจัดวางเอาไว้เป็นแถว
เดิมทีเวินเที๋ยนเที๋ยนยังกังวลว่าจะไม่มีอุปกรณ์ถ่านย่างเสียอีก คิดไม่ถึงเลยว่าจี้จิ่งเชินจะจัดเตรียมเอาไว้ตั้งแต่แรกแล้ว
“เตรียมเอาไว้หมดแล้วหรือคะ? ก่อนหน้านี้พี่รู้แล้วว่าฉันจะใช้ถ่านย่าง?”
“เปล่าครับ เตรียมทุกอย่างเอาไว้แค่นั้นเอง”
จี้จิ่งเชินมีความคิดที่ละเอียดรอบคอบ เวินเที๋ยนเที๋ยนคิดแล้วนั้นจึงเอ่ยขึ้นมา : “ถ้าอย่างนั้นแล้วเต็นท์ล่ะคะ?”
“อยู่ห้องใต้ดินครับ”
“หม้อสุกี้?”
“ในตู้ห้องครัวครับ”
อะไรก็มีหมดเลยอย่างนั้นหรือ?
เวินเที๋ยนเที๋ยนเอ่ยถามขึ้นอีก : “ถ้าฉันอยากจะออกทะเลทำยังไงล่ะคะ?”
จี้จิ่งเชินหัวเราะออกมาเบาๆ
“ตรงชายฝั่งจอดมีเรือสปีดโบ๊ทจอดอยู่ลำนึง อุปกรณ์พร้อม”
ได้ยินเช่นนี้แล้ว เวินเที๋ยนเที๋ยนจึงไม่ได้ถามต่อแล้ว ไม่ว่าตัวเองอยากจะทำอะไร จี้จิ่งเชินก็จะเตรียมการทุกอย่างเอาไว้ก่อนแล้ว
คิดแล้วนั้น เวินเที๋ยนเที๋ยนก็เอ่ยพูดขึ้นด้วยความหวาดระแวง : “ทำไมฉันรู้สึกว่าฉันขึ้นเรือโจรมาเลยคะ?”
และยังลงไม่ได้แบบนั้นอีกด้วย
“ตอนนี้เพิ่งจะรู้ ก็สายไปแล้วล่ะครับ”
มุมปากของจี้จิ่งเชินยกขึ้นเล็กน้อย แล้วโอบตัวเธอให้นั่งลงบนหาดทราย “ผมก็คือเรือโจรลำนี้ ที่จะผูกคุณไว้ให้ใช้ชีวิตที่เหลืออยู่อยู่ที่นี่ไงครับ” เขาพูดขู่เธอ
แต่เวินเที๋ยนเที๋ยนกลับไม่ได้รู้สึกตกใจ แต่มองเขาด้วยแววตาที่อ่อนโยน
“ถึงแม้ว่าพี่จะไม่ผูกมัดฉันเอาไว้ ฉันเองก็อยู่ติดตามพี่แล้วแหล่ะ”
“ใครให้ฉันมาเป็นภรรยาของพี่ล่ะ?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนพิงอยู่ในอ้อมกอดของจี้จิ่งเชิน เธอหลับตาลงเพื่อรับสัมผัสจากลมทะเลแห่งนี้
และยังมีความอบอุ่นจากร่างของชายหนุ่มข้างๆเธออีก
จี้จิ่งเชินเองก็ไม่ได้พูดออกมา นั่งเงียบๆอยู่ข้างๆเวินเที๋ยนเที๋ยน
“เที๋ยนเที๋ยน ผมหิวแล้ว”
จี้จิ่งเชินมองเห็นแววตาของเวินเที๋ยนเที๋ยนด้วยความพอใจ แล้วกลับมาที่ตัวเองอีกครั้ง
“รอแป๊ปนึงนะคะ เดี๋ยวก็กินได้แล้ว”
เวินเที๋ยนเที๋ยนพูดไป แต่มือก็ไม่ได้หยุด เธอวางชิ้นเนื้อที่หมักเอาไว้ลงบนเตาปิ้งย่างอย่างรวดเร็ว
“ช่วยฉันตั้งโต๊ะหน่อยสิคะ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนชี้ไปยังโต๊ะพับตัวเล็กที่อยู่ข้างๆ
จี้จิ่งเชินพยักหน้าลง แล้วทำตามที่เธอบอก เอาโต๊ะตัวเล็กกางออก
เวินเที๋ยนเที๋ยนเอาปลาวางไว้บนโต๊ะ
ก่อนหน้านี้จี้จิ่งเชินทำความสะอาดเอาไว้แล้ว เขายื่นเครื่องปรุงส่งให้เธอ
“พี่อยากทานปลาอะไรคะ? ปลาเผา ปลาต้ม หรือว่าปลาน้ำแดง?”
พวกนี้เวินเที๋ยนเที๋ยนสามารถทำได้หมด
จี้จิ่งเชินได้ยินแล้วอดที่จะรู้สึกภูมิใจไม่ได้ “คุณนายจี้ของผมความสามารถรอบด้านจริงๆเลยนะครับ”
“ชมกันเกินไปแล้วค่ะ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนยกยิ้มขึ้น แล้วตั้งหม้อ “ทำปลาต้มก่อนแล้วกันนะคะ แล้วก็ยังมีข้าวต้มปลาของพี่อีก แล้วเดี๋ยวอีกซักพักค่อยเผาปลานะ”
จี้จิ่งเชินไม่ได้แย้งอะไร
บนตัวปลาหั่นเป็นช่องๆเอาไว้ ใส่เกลือกับเหล้าปรุง หลังจากนั้นก็เติมน้ำกับต้นหอมหั่น และกระเทียมใส่ไว้ในหม้อ
ช่วงเวลานี้เธอก็ไม่ได้อยู่เฉย เอาเตาย่างออกมากาง แล้วเลือกเอาปลาตัวเล็กที่จัดการเสร็จแล้วมาเรียงร้อยกัน แล้วย่างบนแผ่นฟอยล์
รอจนน้ำเกือบเดือดแล้วนั้น เวินเที๋ยนเที๋ยนจึงเอาปลาที่หมักเอาไว้ก่อนหน้านี้มาวางลงในกระทะแล้วทอดให้เหลืองทั้งสองด้าน
หลังจากที่เอาใส่ลงในน้ำแล้ว ก็เปิดไฟแรง
ไม่นาน ซุปปลาที่มีสีขาวข้นก็มีกลิ่นหอมโชยออกมา
สายตาของจี้จิ่งเชินนั้นมองไปยังด้านหน้าของซุปปลาหม้อนั้นของเวินเที๋ยนเที๋ยน
แน่นอนว่าเวินเที๋ยนเที๋ยนคงไม่พลาดกับท่าทางที่ดูอยากจนน้ำลายจะไหลอย่างเห็นได้ชัดของจี้จิ่งเชินไปได้
ถึงแม้เขาจะไม่ได้เอ่ยพูดออกมา แต่สายตาของเขา ได้แสดงความคิดของเขาออกมาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
“ต้องรออีกซักพักนะคะถึงจะเสร็จ พี่ไปเรียกอาหงเถอะค่ะ”