เมียหวานของประธานเย็นชา - บทที่822เสาเป็ดแมนดาริน
บทที่822เสาเป็ดแมนดาริน
เวินเที๋ยนเที๋ยนมองดูเบื้องหลังที่วิ่งไกลออกไปของเธอ มุมปากจึงปรากฏรอยยิ้มออกมา
เป็นเด็กผู้หญิงที่ซื่อสัตย์และใสซื่อมากคนหนึ่งเลยจริงๆ
“เมื่อกี้ผมได้ยินมีคนบอกว่า อยู่กับผมแล้วมีความสุขมาก”
และทันใดนั้น น้ำเสียงทุ้มต่ำที่คุ้นเคยก็ดังขึ้นทางด้านหลังของเธอ ไม่ต้องเช็คให้แน่ใจเธอก็รู้แล้วว่าเจ้าของเสียงนี้คือใคร
เวินเที๋ยนเที๋ยนหน้าแดงขึ้นมา
“พี่แอบฟังเราคุยกันนี่!”
เธอหันมา ดวงตาสดใสคู่นั้นกำลังฟ้อง
จี้จิ่งเชินยังคงยิ้มบางๆเช่นเดิม เขาเดินมาอยู่ตรงหน้าเวินเที๋ยนเที๋ยน แขนยาวที่ยื่นออกมาก็โอบเธอเข้ามาอยู่ในอ้อมกอด
“ผมไม่ได้แอบฟังนะ ผมก็แค่เดินผ่านมาพอดี แล้วบังเอิญได้ยินก็แค่นั้นเอง”
คิดไม่ถึงว่าจะมาได้ยินบทสนทนาของเวินเที๋ยนเที๋ยนกับหงลี่ลี่เข้า
ได้ยินกับหูว่าเวินเที๋ยนเที๋ยนพูดออกมา ว่าอยู่กับเขาแล้วมีความสุขมาก
เวินเที๋ยนเที๋ยนมองเขาอย่างเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง : “จริงหรือคะ?”
“ผมเคยโกหกเมื่อไหร่กัน?”
จี้จิ่งเชินเข้าไปใกล้สายตาที่ระแวงของเวินเที๋ยนเที๋ยน มุมปากยกขึ้นเป็นเส้นโค้งบางๆ
เขาหอมลงบนปลายผมของเวินเที๋ยนเที๋ยนอย่างอ่อนโยน
ลมหายใจอุ่นๆสาดรดลงมาตรงด้านหลังใบหูของเธอ ให้ความรู้สึกจั๊กจี้ขึ้นมา
“ฉันเชื่อพี่แล้วก็ได้ค่ะ!”
เวินเที๋ยนเที๋ยนเอียงตัวไปทางด้านข้าง เลี่ยงจากการสัมผัสของเขา
แต่กลับถูกเขากระชับกอดแน่นขึ้นกว่าเดิม
“ผมไม่รู้เลยนะครับว่าเที๋ยนเที๋ยนของผมจะชอบผมมากขนาดนี้”
น้ำเสียงทุ้มๆที่เซ็กซี่ของเขาดังขึ้นอยู่ข้างๆหูเธอ ราวกับเป็นเสียงกระซิบเบาๆระหว่างคนรักกัน
และนั่นยิ่งทำให้ใบหูของเธอนั้นแดงยิ่งขึ้นไปอีก
“ยังจะบอกว่าไม่ได้แอบฟังอีก พี่ได้ยินหมดแล้วนี่! ไม่สนใจพี่แล้ว……”
เวินเที๋ยนเที๋ยนรู้สึกอายมาก เธอผลักจี้จิ่งเชินออก
จี้จิ่งเชินมองเธออย่างคนที่ไม่ได้มีความผิด พลางเอ่ยปลอบเธอขึ้น : “อย่าโกรธสิครับ ในเมื่อเป็นแบบนี้แล้ว ผมเองก็แชร์ความลับอะไรอย่างหนึ่งให้คุณหน่อยดีไหม?”
ความลับของจี้จิ่งเชิน?
เวินเที๋ยนเที๋ยนรู้สึกเฝ้ารอขึ้นมา
สายตาที่สงสัยของเธอนั้นมองไปใบหน้าที่เรียบเฉยของจี้จิ่งเชิน “ถ้าอย่างนั้นพี่ก็รีบบอกฉันสิคะ”
จี้จิ่งเชินเห็นท่าทางที่ร้อนรนของเธอแล้วจึงอดที่จะหัวเราะออกมาเบาๆไม่ได้
“ความลับของผมก็คือ เพียงแค่ได้อยู่ด้วยกันกับเที๋ยนเที๋ยน ผมก็จะรู้สึกว่าผมเป็นคนที่มีความสุขที่สุดในโลกนี้แล้วล่ะครับ”
สายตาที่ไม่สะทกสะท้านของเขามองสบตากับเวินเที๋ยนเที๋ยน
เธอเห็นเพียงแค่ความจริงใจที่ไม่ได้มีการปกปิดแต่อย่างในแววตาของเขา
เรือลำใหญ่จอดเทียบท่าที่เกาะใกล้เคียงอย่างช้าๆ
เสียงหวูดแตรค่อยๆหยุดลง ใบหน้าแดงก่ำของเวินเที๋ยนเที๋ยนเองนั้นก็ค่อยๆหายลงไปด้วย
จริงๆเลยสินะ จี้จิ่งเชินนี่มักจะพูดคำพูดพวกนี้ที่ทำให้คนอื่นหน้าแดงอยู่เรื่อยเลย
แต่ทุกๆครั้ง เธอเองก็อดที่จะเก็บมาครุ่นคิดในใจด้วยไม่ได้เช่นกัน
“เราถึงกันแล้ว”
จี้จิ่งเชินจับมือของเวินเที๋ยนเที๋ยน แล้วกุมมือของเธอเอาไว้ในฝ่ามืออันอบอุ่นของตัวเอง หลังจากนั้นสิบนิ้วก็ประสานกันเอาไว้
บอร์ดี้การ์ดที่รอบคอบนั้นได้ออกแบบบันไดสำหรับสองคนเอาไว้เดินลงมาจากเรือ
เวินเที๋ยนเที๋ยนสังเกตเห็นว่านอกจากพวกเขาแล้ว ที่ท่าเรือนั้นยังมีเรือประมงจอดอยู่อีกเป็นจำนวนไม่น้อยอีกด้วย
คิดดูแล้วในเมืองนี้คงจะเป็นสิ่งที่คนอื่นๆก็มีเหมือนกันทั้งหมด
“พวกคุณทั้งสองคนครับ ที่ที่พวกเราพักอยู่ไม่ไกลจากที่นี่นัก ผมจะพาพวกคุณทั้งสองคนไปนะครับ”
ลงหงก้มลงให้เล็กน้อย แล้วปรากฏรอยยิ้มเอาใจขึ้นมา
ทุกครั้งที่ติดตามผู้มีบุญคุณทั้งสองคนนี้ พวกเขามักจะสร้างความสั่นสะเทือนที่ไม่เหมือนกันเลยซักครั้ง
ครั้งแรกก็เรือสำราญที่กินน้ำเป็นหมื่นๆตันลำนี้ ส่วนตอนนี้ ก็บอร์ดี้การ์ดที่ไม่สามารถสัมผัสเงาได้นี่อีก
พวกเขาเป็นใครกันแน่?
ลงหงไม่กล้าที่จะเพิกเฉย จึงรีบพาเวินเที๋ยนเที๋ยนกับจี้จิ่งเชินมาที่เมืองเล็กๆนี้
ตลอดทางดอกไม้บานสะพรั่งและต้นไม้เรียงรายตลอดทั้งสองข้างทาง
พืชพันธุ์ที่เติบโตขึ้นมาเองบนเกาะที่ไม่มีคนอยู่นั้นเป็นสองขั้วโดยสิ้นเชิง
เวินเที๋ยนเที๋ยนเดินตามลงหงไป แล้วค่อยๆเห็นสภาพทั่วๆไปของเมืองเล็กๆแห่งนี้
สถานที่แห่งนี้ไม่ใหญ่มากนัก อย่างมากๆก็นับว่าเป็นเพียงหมู่บ้านประมงแห่งหนึ่งเพียงเท่านั้น
แหอวนที่ตากอยู่นั้นพบเห็นได้อยู่ทุกที่
คนในเมืองเห็นว่าลงหงกลับมาแล้ว ต่างก็พากันเดินเข้ามาด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความประหลาดใจและไม่อยากจะเชื่อ
ลงหงยังไม่มีเวลามาทักทายกับพวกเพื่อนเก่า เขาจะต้องพาเวินเที๋ยนเที๋ยนและจี้จิ่งเชินกลับไปก่อนถึงจะถูก
ทั้งสองคนเป็นแขกคนสำคัญ จะต้อนรับไม่ดีแบบนี้ไม่ได้!
เวินเที๋ยนเที๋ยนคิดว่าลงหงปฏิเสธความหวังดีของทุกๆคนแล้ว ทุกคนก็จะกลับไป
แต่กลับคิดไม่ถึงว่า พวกเขาจะตามมาที่บ้านของชาวประมงเก่านี้
เธอรู้เสียที่ไหนกัน ว่าในเมืองเล็กๆ มีแขกสองคนที่มาจากข้างนอกแบบนี้ นับว่าเป็นเรื่องที่ไม่เห็นกันได้บ่อยๆ
ประกอบกับมนุษยสัมพันธ์ของลงหงนับว่าไม่เลว ทำให้ในบ้านของชาวประมงนี้มีผู้คนอยู่เป็นจำนวนมาก
ภายใต้ความจำใจของลงหงนี้ จึงทำได้เพียงให้ลูกสาวพาเวินเที๋ยนเที๋ยนและจี้จิ่งเชินออกไปเดินเล่นข้างนอก ส่วนตัวเองนั้นก็อยู่ต้อนรับพวกเพื่อนๆแทน
หงลี่ลี่ดึงแขนของเวินเที๋ยนเที๋ยน “พี่คะ ฉันพาพี่ไปที่ที่สวยที่สุดของที่นี่นะคะ!”
“ที่ไหนหรือ?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนถูกเธอกระตุ้นความสงสัยนี้
หงลี่ลี่ยิ้มออกมาอย่างลึกลับ “เดี๋ยวไปถึงก็รู้แล้วล่ะค่ะ!”
และไม่นานเวินเที๋ยนเที๋ยนก็ได้รู้ว่า “สถานที่ที่สวยที่สุด” ที่หงลี่ลี่พูดถึงนั้นคือที่ไหน
นั่นก็คือถ้ำธรรมชาติแห่งหนึ่ง ที่มีหินย้อยแต่ละแบบออกมาจากผนังถ้ำ
มองไปแล้ว สวยเกินคำบรรยายยิ่งนัก
“สวยจัง!”
เวินเที๋ยนเที๋ยนอุทานขึ้นมาเบาๆ
“ยังมีที่สวยกว่านี้อีกนะคะ ตามฉันมาค่ะ!”
หงลี่ลี่โบกมือเป็นสัญญาณให้พวกเขาสองคนตามมา
เดินไปไม่นาน พวกเขาก็เห็นหินย้อยที่เชื่อมกันด้านบนและด้านล่าง
“นี่คือหินที่สวยที่สุดของที่ถ้ำแห่งนี้ค่ะ พวกเราเรียกว่า เสาเป็ดแมนดาริน”
เสาเป็ดแมนดาริน?
สายตาของเวินเที๋ยนเที๋ยนมองไปยังหินย้อยที่เชื่อมอยู่ด้วยกัน
ส่วนครึ่งบนของหินย้อยและครึ่งร่างปรากฏสีที่ไม่เหมือนกันออกมาให้เห็น มีทั้งสีแดงและสีน้ำตาล ซึ่งพอดีกับเหมือนสีหลักของเป็ดแมนดารินเข้าพอดี
และประกอบกับไม่รู้ว่ามันก่อตัวขึ้นมาได้อย่างไร ได้มาผสมผสานรวมตัวกันอย่างเป็นธรรมชาติ
เหมือนกับเป็ดแมนดารินที่เกี่ยวคอกันอยู่ ผสมผสานเข้ากันได้เป็นอย่างดี และได้ถูกเรียกว่าเป็นเสาเป็ดแมนดาริน ซึ่งคู่ควรกับชื่อนี้ด้วยเช่นกัน
หงลี่ลี่มองดูเวินเที๋ยนเที๋ยนและจี้จิ่งเชินที่อุทานขึ้นด้วยความตกตะลึงอย่างพอใจ
เธอเอ่ยพูดขึ้นอย่างรู้สึกเป็นเกียรติและโชคดี : “ที่ฉันพามาที่นี่ เพราะที่นี่กล่าวขานกันว่าคู่รักที่มาสลักชื่อเอาไว้ที่นี่ก็จะรักกันตลอดไป”
เธอแบมือออก แล้วมีดแกะสลักเล่มหนึ่งก็อยู่ในมือของเธอ
เวินเที๋ยนเที๋ยนมองจี้จิ่งเชินแวบหนึ่ง แล้วจี้จิ่งเชินก็พยักหน้าให้เธอ
เธอรับมีดแกะสลักมา แล้วสลักชื่อของตัวเองลงบนส่วนหินย้อยสีแดง
หลังจากนั้นก็หันมาส่งมีดสลักให้กับจี้จิ่งเชิน
เขารับมาอย่างคล้อยตาม แล้วสลักชื่อของตัวเองลงบนส่วนครึ่งบน
จี้จิ่งเชิน เวินเที๋ยนเที๋ยน
ทั้งสองชื่อนี้สลักอยู่บนเสาเป็ดแมนดาริน ดูแล้วช่างกลมกลืนยิ่งนัก
เหมือนกับจะอยู่คู่กับหินก้อนนี้ตลอดไป
เวินเที๋ยนเที๋ยนหันมามองสายตาที่นิ่งเฉยของจี้จิ่งเชิน
ถึงแม้จะไม่ได้พูดอะไรออกมา แต่พวกเขาก็ยังสามารถเข้าใจจิตใจของอีกฝ่ายหนึ่งได้
“ความสัมพันธ์ของพวกพี่นี่ดีจริงๆเลยนะคะ!”
หงลี่ลี่เอ่ยขึ้นอย่างอิจฉา
เวินเที๋ยนเที๋ยนสบตากับจี้จิ่งเชินแล้วยิ้มออกมา และในเวลานั้นเองในถ้ำก็เต็มไปด้วยความอบอุ่น
หงลี่ลี่ยิ่งรู้สึกว่าตัวเองเป็นเหมือนก้างขวางคอมากขึ้นไปอีก
“พ่อฉันคงจะคุยกับพวกเพื่อนใกล้เสร็จแล้วล่ะค่ะ ฉันกลับไปก่อนดีกว่า พวกพี่ค่อยๆเที่ยวดูแล้วกันนะคะ!”
เธอรีบไปดีกว่า อย่าอยู่ที่นี่ขวางหูขวางตาเลย
หงลี่ลี่คิดแล้วก็ไม่รอให้เวินเที๋ยนเที๋ยนได้รั้งเอาไว้ ก็รีบวิ่งหนีไปแล้ว
“ไม่ได้สิ จะไปแบบนี้เลยรึไง?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนมองเบื้องหลังของหญิงสาวอย่างงงๆ
เธอพาพวกเขามาที่นี่ แต่ตัวเองกลับหนีไปก่อนเสียอย่างนั้น?
แล้วพวกเขาจะกลับไปอย่างไร?