เมียหวานของประธานเย็นชา - บทที่824 เกมตามหาของสำคัญ
บทที่824 เกมตามหาของสำคัญ
เวินเที๋ยนเที๋ยนหยิบลงมาอ่าน
“ใต้ต้นไม้มีคำใบ้ใหม่ซ่อนเอาไว้ ใช้พลั่วที่ผมให้คุณไว้ขุดออกมานะครับ”
กังวลว่าเวินเที๋ยนเที๋ยนจะหาไม่เจอ เขายังวาดลูกศรเอาไว้ตรงตำแหน่งที่ซ่อนไว้อีกด้วย
เวินเที๋ยนเที๋ยนย่อตัวนั่งลงอย่างขำๆ แล้วเอาพลั่วออกมาจากกระเป๋าปีนเขา
“คำใบ้” ฝังเอาไว้ไม่ลึกมาก และไม่นานเวินเที๋ยนเที๋ยนก็ขุดขึ้นมาได้
นั่นคือกล่องเล็กๆที่ดูโบราณกล่องหนึ่ง
อีกทั้งกระดาษโน้ตด้านในนั้น เลือกวัสดุใช้เป็นกระดาษเหนียวอีกด้วย!
เวินเที๋ยนเที๋ยนแกะเชือกที่กระดาษออก
หลังจากที่เปิดออกแล้วกลับเห็นด้านบนเขียนเอาไว้ว่า “เดินไปทางต้นที่รากหนาและแข็งแกร่งที่สุด อย่าหยุดนะครับ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนก้มหน้าลง อดที่จะยิ้มออกมาไม่ได้
บางทีก็เพื่อที่จะให้เธอมั่นใจว่าต้นไหนที่มีรากแข็งแรงได้เร็วขึ้น
จี้จิ่งเชินเอาดินมาคลุมรากต้นอื่นๆเอาไว้
นอกจากรากของต้นนั้นแล้ว รากต้นอื่นๆก็ถูกดินกลบเอาไว้หมด
ดูแล้วเหมือนกับเป็นการฝังต้นไทรอยู่ในกองดินอย่างไรอย่างนั้น
ชัดเจนแบบนี้ เธอจะไม่เข้าใจได้อย่างไรกัน?
เวินเที๋ยนเที๋ยนเดินไปทางต้นไม้นั้นอย่างอดที่จะกลั้นหัวเราะเอาไว้ไม่ได้ เดินไปประมาณสิบกว่านาที ในที่สุดเธอก็มาถึงทะเลสาบแห่งหนึ่ง
สายลมพัดมายังทะเลสาบทำให้ผิวน้ำนั้นเป็นประกาย ช่างดูสวยยิ่งนัก
เวินเที๋ยนเที๋ยนเดินไปด้วยความตื่นเต้นอย่างควบคุมไม่ได้
ได้มายืนอยู่ตรงหน้าทะเลสาบที่เงียบสงบแล้ว แม้แต่อารมณ์ความรู้สึกของเธอนั้นก็สงบลงตามไปด้วยเช่นกัน
ทันใดนั้นเองแขนที่ทรงพลังคู่หนึ่งก็โอบกอดเอวของเธอเอาไว้
“ในที่สุดคุณก็หาที่นี่เจอแล้ว”
เสียงของจี้จิ่งเชินดังขึ้นมา จากนั้นเวินเที๋ยนเที๋ยนก็พบว่าในมือของตัวเองนั้นเหมือนกับถูกยัดของอะไรบางอย่างเอาไว้
รอจนกระทั่งจี้จิ่งเชินกอดจนพอและปล่อยมือแล้วนั้น เธอถึงได้มีโอกาสเปิดออกดู
“ยินดีด้วยนะครับที่การผจญภัยครั้งนี้สำเร็จลงแล้ว และของรางวัลก็อยู่ตรงหน้าคุณแล้วครับ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนหันกลับมาถามเขา : “รางวัลที่พี่ว่าก็คือทะเลสาบแห่งนี้หรือคะ?”
“ทะเลสาบเป็นเพียงแค่ส่วนประกอบเท่านั้นเองครับ” จี้จิ่งเชินก้มลงมองเธอ
ส่วนประกอบ?
แต่ทั้งๆที่ในกระดาษโน้ตเขียนเอาไว้ “รางวัลอยู่ตรงหน้าคุณแล้ว”นี่นา?
เวินเที๋ยนเที๋ยนมองไปยังจี้จิ่งเชินด้วยแววตาที่รู้สึกสงสัย
“ไม่ใช่ทะเลสาบผืนนี้ แล้วยังเป็นอะไรได้อีกล่ะคะ?”
ได้ยินแล้ว จี้จิ่งเชินจึงหัวเราะออกมาเบาๆ
เขาชี้ไปที่ตัวเอง “นี่ต่างหากครับรางวัลของคุณ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนมองเขาอย่างงงๆ ใช่แล้ว ตรงหน้าเธอ นอกจากทะเลสาบผืนนี้แล้ว ก็ยังมีจี้จิ่งเชินอีก
เธอลืมตรงจุดนี้ไปได้อย่างไรกัน?
จี้จิ่งเชินก้มตัวลงมา แล้วอุ้มเวินเที๋ยนเที๋ยนขึ้นมา
ยังไม่ได้รอให้เธอมีปฏิกิริยาตอบรับ “รางวัล”นี้ เธอก็ถูกจี้จิ่งเชินอุ้มขึ้นมาแล้ว
เป็นการอุ้มเจ้าหญิงแบบมาตรฐาน
“วันนี้คุณดูดีมากจริงๆเลยนะครับ”
จี้จิ่งเชินกระซิบลงข้างหูขณะที่กำลังอุ้มเธออยู่
ลมหายใจอุ่นๆที่รดลงข้างหูเธอนั้น ทำให้เธอหน้าแดงขึ้นมา
“เสื้อผ้าพี่เองก็เป็นคนเลือก นี่พี่กำลังชมสายตาตัวเองอยู่ใช่ไหมคะ?”
เธอตีไหล่ของจี้จิ่งเชินไปทีหนึ่ง เป็นการส่งสัญญาณให้ปล่อยเธอลง
แต่กลับถูกเขาอุ้มแน่นยิ่งขึ้นไปกว่าเดิม
“คนดูดี จะใส่อะไรก็ดูดีหมดแหล่ะครับ”
จี้จิ่งเชินเอ่ยพูดประโยคนึงแล้ว ก็ก้าวเดินไปทางทะเลสาบ
และนี่เอง ที่ทำให้เวินเที๋ยนเที๋ยนเกือบจะส่งเสียงร้องออกมาด้วยความตกใจ
“พี่คงไม่ใช่จะอุ้มฉันลงทะเลสาบหรอกนะคะ…..”
เวินเที๋ยนเที๋ยนมองจี้จิ่งเชินอย่างตกตะลึง ส่วนเขานั้นราวกับไม่มีทีท่าว่าจะหยุดเลยแม้แต่นิดเดียว
เดินไปด้านหน้าอีก และกำลังจะลงไปในทะเลสาบจริงๆแล้ว!
เวินเที๋ยนเที๋ยนหลับตาลงอย่างหมดหวัง
ความรู้สึกที่ดูไร้น้ำหนักในความคิดนั้นไม่ได้ปรากฏขึ้น
เธอลืมตาขึ้นมาด้วยความสงสัย ก็เห็นว่าจี้จิ่งเชินกำลังมองเธออย่างกึ่งๆหัวเราะ
“ไม่ต้องกลัวนะครับ”
จี้จิ่งเชินเอ่ยพูดออกมา
เวินเที๋ยนเที๋ยนถึงได้พบว่า ร่างของพวกเขานั้นได้มาอยู่ในทะเลสาบเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ราวกับจี้จิ่งเชินกำลังเหยียบอยู่บนผิวทะเลสาบอย่างไรอย่างนั้น แล้วอุ้มเธอเดินอยู่บนผิวทะเลสาบ
“พี่ทำได้ยังไงคะ?”
แววตาของเธอนั้นปรากฏความประหลาดใจออกมา
จะเป็นไปได้อย่างไรที่คนจะมาเดินอยู่บนผิวน้ำได้แบบนี้?
รับรู้ได้ถึงความสงสัยของเวินเที๋ยนเที๋ยนแล้ว จี้จิ่งเชินจึงหัวเราะพลางอธิบายขึ้น : “ข้างล่างนี้ผมวางเสาเอาไว้ครับ เหยียบเสาไป ก็ไม่ได้แตกต่างกับที่เดินบนผิวน้ำเลย”
แบบนี้นี่เอง!
มินาล่ะจี้จิ่งเชินถึงได้เดินไปผิวน้ำได้ แท้ที่จริงแล้วเขาก็วางเสาเอาไว้ใต้น้ำนี่เอง
เวินเที๋ยนเที๋ยนปรากฎสีหน้าที่รู้สึกเข้าใจขึ้นมาในฉับพลัน “ลำบากขนาดนี้ก็เพื่อที่จะอุ้มฉันมาเดินบนนี้อย่างนั้นหรือคะ?”
“ขอเพียงแค่ทำให้คุณมีความสุข จะทำอะไรขนาดไหนผมก็ยอมทั้งนั้นแหล่ะครับ”
น้ำเสียงที่อ่อนโยนของจี้จิ่งเชินดังขึ้นข้างหูเวินเที๋ยนเที๋ยน
ความรู้สึกที่เหมือนถูกประคองด้วยมือแบบนี้ ทำให้เธอรู้สึกหวานชื่นเหมือนกับดื่มน้ำผึ้งเลยอย่างไรอย่างนั้น
จี้จิ่งเชินอุ้มเวินเที๋ยนเที๋ยนแล้วเดินมาตรงกลางทะเลสาบ
และนี่เวินเที๋ยนเที๋ยนถึงได้พบว่า ตรงกลางทะเลสาบนั้นมีผืนดินที่โผล่พ้นน้ำอยู่ส่วนหนึ่ง
จี้จิ่งเชินวางเธอลง
แล้วแวบแรกเธอก็ได้เห็นกล่องที่วางอยู่บนพื้น
“นี่คือ หีบสมบัติ?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนอดที่จะหยอกล้อไม่ได้
แต่คิดไม่ถึงว่าจี้จิ่งเชินจะพยักหน้าลง “เปิดดูสิครับ?”
เธอเปิดหีบสมบัติอย่างคล้อยตาม
เห็นเพียงแค่ต้นกล้าต้นเล็กๆหนึ่งต้น มีดแกะสลักและป้ายหินยาวประมาณหนึ่งเมตรอยู่หนึ่งแผ่น
“เอาพลั่วเล็กขึ้นมาสิครับ”
จี้จิ่งเชินชี้ไปยังกระเป๋าปีนเขาที่อยู่ทางด้านหลังของเธอ
และเธอถึงได้นึกขึ้นได้ ว่าตัวกระเป๋าปีเขานั้นเธอยังคงสะพายเอาไว้อยู่
“นี่ค่ะ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนยื่นพลั่วเล็กส่งให้กับจี้จิ่งเชิน “พี่จะเอาไปทำอะไรคะ?”
“ปลูกต้นไม้ครับ”
ได้ยินแล้ว เวินเที๋ยนเที๋ยนก็มองไปยังจี้จิ่งเชินอย่างสงสัย “ปลูกต้นไม้?”
เธอชี้ไปที่ต้นกล้าต้นๆเล็กๆในหีบสมบัติ “ต้นนี้หรือคะ?”
“อืม” จี้จิ่งเชินพยักหน้า “มันจะค่อยๆเติบโตขึ้น จะอยู่ในนี้ เป็นสักขีพยานความรักของพวกเราตลอดไป”
เวินเที๋ยนเที๋ยนได้ยินคำพูดของจี้จิ่งเชินแล้ว แววตาปรากฏความประทับใจออกมา
เป็นสักขีพยานความรักของพวกเขา
แม้ว่าหลังจากนี้อีกร้อยปี ต้นไม้ต้นนี้ก็จะสานต่อความรักของพวกเขาต่อไป
ชั่วนิรันดร์
เวินเที๋ยนเที๋ยนย่อตัวลงมา แล้วเอาต้นกล้าต้นเล็กๆต้นนั้นปลูกลงไปในดินด้วยกันกับจี้จิ่งเชิน
หลังจากเสร็จสิ้นแล้วนั้นก็สร้างป้ายหินขึ้นเอาไว้ข้างๆ แล้วสลักชื่อของพวกเขาเอาไว้
“นี่เป็นแรงบันดาลใจที่ผมได้มาจากเสาเป็ดแมนดาริน” จี้จิ่งเชินเอ่ยพูดขึ้นอย่างพอใจ “ไม่เลวเลยใช่ไหมล่ะครับ?”
“ดีมากเลยล่ะค่ะ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนพยักหน้าลงอย่างไว้หน้าอีกฝ่าย
จี้จิ่งเชินประคองเธอให้ลุกขึ้นยืน
“รับปากผมนะ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น คุณก็จะอยู่ข้างๆผม”
แววตาของเขามีความมุ่งมั่นเป็นอย่างมาก
ราวกับว่าต้องการจะจารึกเวินเที๋ยนเที๋ยนเอาไว้ในดวงตาคู่นั้นของเขาเลยอย่างไรอย่างนั้น
“ฉันรับปากพี่ค่ะ”
เธอไม่มีเหตุผลที่จะต้องไม่รับปากเขา
จี้จิ่งเชินยื่นแขนยาวออกมาแล้วกอดเวินเที๋ยนเที๋ยนเอาไว้ในอ้อมกอด
แสงจากดวงอาทิตย์ส่องมายังเงาของพวกเขาเอาไว้ด้วยกัน แนบชิดเสียจนแยกออกจากกันไม่ได้
ก็เหมือนกันกับพวกเขา ที่ชีวิตนี้ได้กำหนดให้ต้องอยู่ด้วยกันตลอดไป
ผูกมัดซึ่งกันและกันเอาไว้
ช่วงเวลาสิบกว่าวันหายวับไปเพียงชั่วแวบเดียว
ถึงแม้ว่าบนเกาะที่ไม่มีผู้คนนี้จะไม่มีข้อจำกัด เป็นอิสระ แต่จี้จิ่งเชินและเวินเที๋ยนเที๋ยนก็มีเรื่องมากมากให้ต้องจัดการเช่นกัน
สามารถใช้เวลาในการมาฮันนีมูนบนเกาะที่ไม่มีคนในช่วงเวลานี้ได้ ก็นับว่าเป็นขีดจำกัดแล้ว
และเป็นอย่างที่คิดเอาไว้ รอให้ถึงตอนที่กลับไปนั้น จะต้องมีงานมากมายกำลังรอพวกเขาอยู่อย่างแน่นอน
ขากลับพวกเขาขึ้นเรือสำราญ
หลังจากนั้นสองวัน รถยนต์คันสีดำที่มีลักษณะหัวมนท้ายแหลมคันหนึ่ง ก็มาจอดอยู่ตรงหน้าประตูคฤหาสน์
พ่อบ้านและแม่ครัวที่ได้รับข่าวมานั้นก็มารอกันอยู่ตรงหน้าประตูก่อนแล้ว
เมื่อเห็นรถของเวินเที๋ยนเที๋ยนและจี้จิ่งเชิน จึงรีบล้อมเข้ามา
“คุณผู้ชาย คุณหนู”
พ่อบ้านและแม่ครัวพุ่งตรงเข้ามาโค้งตัวให้กับพวกเขาพลางเอ่ยทักทาย
เวินเที๋ยนเที๋ยนเห็นพวกเขาแล้ว ถึงได้รู้สึกถึงการกลับมาแล้วจริงๆ
ทั้งสนิททั้งคุ้นเคย นี่สิถึงจะเป็นความรู้สึกของบ้านและครอบ