เมียหวานของประธานเย็นชา - บทที่826 ไม่สบาย
บทที่826 ไม่สบาย
เห็นท่าทางของเวินเที๋ยนเที๋ยนแล้ว จี้จิ่งเชินจึงรีบเดินมาข้างๆเธอ ตรวจสอบอาการของเธออย่างกังวล
“ไม่สบายหรือครับ?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนได้ยินแล้วส่ายหน้า อาการคลื่นไส้แปลกๆนั้นหายไปอีกแล้ว
“คงจะเป็นเพราะจู่ๆได้มาทานอาหารยุโรปที่บ้านแล้วก็เลยยังไม่ชินมั้งคะ”
ก่อนหน้านี้อาหารเช้าที่พวกเขากินกันตอนอยู่ที่เกาะนั้นส่วนมากก็จะเป็นอาหารที่รับประทานกันเป็นประจำ
จู่ๆกลับมากินอาหารเช้า อาจจะทำให้ยังไม่ชิน
จี้จิ่งเชินเองก็นึกถึงตรงจุดนี้เช่นกัน “ถ้าหากไม่สบาย ก็ให้คุณหมอมาดูดีกว่านะครับ ผมจะอยู่รอคุณหมอประจำตระกูลเป็นเพื่อนคุณเอง”
“แต่ว่าที่บริษัทไม่ใช่ว่ามีเรื่องให้พี่ต้องไปจัดการอีกตั้งเยอะเลยไม่ใช่หรือคะ?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนเอ่ยถามเขา
“เรื่องพวกนี้ไม่สำคัญไปกว่าคุณหรอกครับ”
แววตาของจี้จิ่งเชินปรากฏความกังวลออกมาอย่างเห็นได้ชัด เรื่องที่เขากลัวที่สุดไม่มีอะไรมากเกินกว่ากลัวเวินเที๋ยนเที๋ยนจะเกิดอะไรขึ้นอีกแล้ว
ส่วนเรื่องอื่นนั้น ไม่ได้สำคัญไปกว่าเวินเที๋ยนเที๋ยนเลย
เวินเที๋ยนเที๋ยนไม่ได้ละสายตาไปจากเขาเลย เธอหัวเราะออกมาเบาๆ พลางพูดปลอบ : “ฉันไม่เป็นไรจริงๆค่ะ”
ว่าแล้วเธอก็กินอาหารที่อยู่ในมือ หลังจากนั้นก็กระพริบตาให้กับจี้จิ่งเชิน
จี้จิ่งเชินจึงทำได้เพียงพยักหน้าลงอย่างจำยอม
“ไม่สบายตรงไหน จะต้องบอกผมนะครับ”
เขาสั่งเธออย่างจริงจัง “อย่าปิดบังผมนะ”
“วางใจเถอะค่ะ ฉันไม่เอาร่างกายตัวเองมาล้อเล่นหรอกน่า”
เวินเที๋ยนเที๋ยนสัญญาด้วยความจริงใจเพื่อเป็นการรับประกัน จี้จิ่งเชินเองก็จนปัญญากับเธอแล้วเช่นกัน ตอนที่กินข้าวนั้นจึงคอยจ้องมองเธออยู่ตลอด
กลัวว่าเธอจะไม่สบายตรงไหน
ในใจของเวินเที๋ยนเที๋ยนรู้สึกอบอุ่นขึ้นมาเล็กน้อย
ทั้งสองคนจัดการอาหารเช้าเสร็จแล้วนั้น คนขับรถจึงไปส่งพวกเขา
รถจอดลงตรงหน้าบริษัทตระกูลหล่อน
“มีเรื่องอะไรอย่าลืมโทรหาผมนะครับ ถ้าไม่สบายก็อย่าฝืน จะต้องบอกผมนะ”
จี้จิ่งเชินสั่งเธออย่างไม่วางใจ “ได้ยินไหมครับ?”
“ได้ยินแล้วค่ะ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนพยักหน้าลงอย่างเอาจริงเอาจัง “ถ้าอย่างนั้นฉันไปแล้วนะคะ!”
จี้จิ่งเชินอืมตอบรับกลับ แล้วชี้มายังใบหน้าด้านข้างของตัวเอง
นี่เป็นการขอจูบจากเธออย่างนั้นหรือ?
เวินเที๋ยนเที๋ยนมองไปทางคนขับรถอย่างไม่รู้ตัว แต่กลับเห็นเขาคว่ำหน้าลงไปกับพวงมาลัยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว มีท่าทางว่าฉันมองไม่เห็นแล้วอย่างไรอย่างนั้น
ตั้งใจทำงานกันดีจริงๆ
เวินเที๋ยนเที๋ยนอดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้ แล้วเอียงตัวไปประทับริมฝีปากลงบนใบหน้าของจี้จิ่งเชิน
“เดินทางปลอดภัยนะคะ”เธอปิดประตูรถ แล้วหันหลังเพื่อเดินเข้าไปยังบริษัทตระกูลหล่อน
จี้จิ่งเชินมองตามส่งเธอตอนที่เธอเดินออกมา
เวินเที๋ยนเที๋ยนราวกับรู้สึกถึงอะไรบางอย่าง จึงหันกลับไปมอง
เป็นอย่างที่คิดไว้ หน้าต่างรถเปิดอยู่ สายตาของจี้จิ่งเชินที่อยู่ด้านในนั้นกำลังมองมา
เธอโบกมือให้เขา
จี้จิ่งเชินเองก็พยักหน้าลงเล็กน้อยเป็นการตอบรับเธอ
รถค่อยๆขับออกไปไกลขึ้น เวินเที๋ยนเที๋ยนจึงละสายตาออกมา แล้วเดินเข้าประตูบริษัทตระกูลหล่อนไป
“ประธานเวินสวัสดีค่ะ”
พนักงานตรงเคาน์เตอร์ด้านหน้าเห็นเวินเที๋ยนเที๋ยนเข้ามาแล้ว จึงรีบยืนขึ้นแล้วกล่าวทักทายเธอ
เวินเที๋ยนเที๋ยนพยักหน้าให้ เป็นการตอบรับอย่างมีมารยาท
“ผู้จัดการหยางล่ะ?”
เธอเอ่ยถาม
“ผู้จัดการหยางกำลังสำรวจวิจัยอยู่ค่ะ คงจะกลับมาในอีกไม่นาน”
ในเมื่อผู้จัดการหยางกำลังสำรวจวิจัยอยู่ เวินเที๋ยนเที๋ยนจึงตัดสินใจที่จะไม่โทรไปหาเขาเป็นการชั่วคราวก่อน
“เขากลับมาแล้วให้เขาไปหาฉันที่ออฟฟิศทีนะ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนเอ่ยพูดด้วยรอยยิ้ม แล้วหันหลังเดินกลับออกไปจากเคาน์เตอร์ด้านหน้า
“พวกเธอเห็นกันไหมว่าประธานเวินดูเหมือนจะสวยขึ้นเยอะเลยใช่หรือเปล่า?”
เพื่อนร่วมงานตรงเคาน์เตอร์ด้านหน้าเอ่ยพูดขึ้น
พวกเธอต่างก็พากันส่งสายตาอิจฉาไปยังเวินเที๋ยนเที๋ยน
“ผู้หญิงที่แต่งงานแล้ว เป็นเหมือนกันหมดเลยสินะ ยิ่งไปกว่านั้นคนที่เธอแต่งงานด้วยคือจี้จิ่งเชิน เจ้าของตระกูลจี้เชียวนะ”
“เธอจะไปเข้าใจอะไร นี่เรียกว่าการรวมตัวกันของคนที่แข็งแกร่งเถอะ ตระกูลหล่อนมารวมกันกับตระกูลจี้ ต่อไปก็เป็นอำนาจของพวกเขาทั่วประเทศแล้วล่ะ!”
เวินเที๋ยนเที๋ยนกลับมายังออฟฟิศ เห็นงานที่กองสุมกันอยู่แล้ว ก็ถอนหายใจออกมาอย่างเลี่ยงไม่ได้
ถึงแม้จะคาดเดาได้ตั้งแต่แรกแล้ว แต่เมื่อได้มาเผชิญกับเอกสารมากขนาดนี้แล้ว เธอเองก็รู้สึกปวดหัวเช่นกัน
ไม่รู้ว่าเป็นความเข้าใจผิดของเธอหรือเปล่า อาการคลื่นไส้แบบนั้นมาอีกแล้ว
เธอขมวดคิ้ว แล้วนั่งพักลงตรงเก้าอีกอยู่พักหนึ่ง รอจนอาการคลื่นไส้นี้หายไปแล้ว เธอถึงได้เริ่มจัดการงาน
และก็ไม่รู้ว่าผ่านไปนานขนาดไหนแล้ว เวินเที๋ยนเที๋ยนก็ได้ยินเสียงเคาะประตูออฟฟิศของเธอดังขึ้น
“เชิญเข้ามาค่ะ”
เธอเอ่ยขึ้น ในขณะเดียวกันก็เงยหน้าขึ้นมองคนที่มาเยือน
เป็นผู้จัดการหยางนั่นเอง
“ประธานเวิน กลับมาแล้วหรือครับ!”
ผู้จัดการหยางมองเวินเที๋ยนเที๋ยน แววตาปรากฏความเซอร์ไพรส์ออกมา
บริษัทตระกูลหล่อนเป็นตระกูลใหญ่กิจการใหญ่ ช่วงนี้กำลังเตรียมการเข้ารายการกองกำลังทหารภายในประเทศ ไม่มีเธอคอยบัญชาการ ในใจเขานั้นไม่มั่นใจเลยเสียจริงๆ
“อืม ไม่เจอกันนานเลยนะคะ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนหัวเราะออกมาเบาๆ แล้ววกเข้าประเด็น : “ฉันไม่อยู่ช่วงไม่กี่วันนี้ ในบริษัทเกิดเรื่องอะไรขึ้นบ้างหรือเปล่าคะ?”
“การดำเนินงานของบริษัทเป็นไปอย่างปกติครับ ไม่เกิดเรื่องผิดปกติอะไรครับ”
ผู้จัดการหยางว่าแล้วหยิบเอกสารฉบับหนึ่งขึ้นมาจากกระเป๋าเอกสาร “นี่เป็นเอกสารที่ผมรวบรวมในช่วงที่คุณไม่อยู่ กรุณาตรวจดูด้วยครับ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนรับเอกสารมา นี่เป็นรายงานผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจของบริษัท สำหรับแผนงานที่พวกเขาทำกันไว้ก่อนหน้านี้ ได้ผลเบื้องต้นมาเป็นที่เรียบร้อย
เวลาเริ่มต้นและสิ้นสุดด้านบนนั้น เป็นช่วงเวลาที่เธอไปฮันนีมูนและกลับมาพอดี
เนื้อหารายละเอียดในเอกสาร เกี่ยวข้องกับทุกๆด้านของบริษัท
เวินเที๋ยนเที๋ยนเอ่ยชื่นชมขึ้น : “ผู้จัดการหยางนี่ตั้งใจมากเลยนะคะ”
“นี่เป็นสิ่งที่ผมควรทำอยู่แล้วครับ อีกทั้งประธานเวินเองนับวันก็ยิ่งชำนาญมากขึ้นแล้วด้วย”
เวินเที๋ยนเที๋ยนยิ้มพลางเอ่ยขึ้น : “ถ้าหากไม่มีคุณ ฉันก็คงจะไม่เริ่มต้นได้เร็วขนาดนี้หรอกค่ะ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนพลิกดูเอกสารไปพลางเอ่ยพูดขึ้นด้วย
ได้ยินแล้ว ผู้จัดการหยางก็อดที่จะรู้สึกมีความสุขด้วยไม่ได้
เขายืนอยู่ตรงที่เดิม เวินเที๋ยนเที๋ยนไม่ได้สั่งขั้นต่อไป เขาจึงไม่กล้าทำอะไรที่หุนหันพลันแล่น
“ไม่มีเรื่องอื่นแล้ว คุณลงไปก่อนก็ได้ค่ะ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนโบกมือให้เขาออกไปก่อน
เธอไม่ชินกับเวลาที่ตัวเองทำงานแล้วมีคนอื่นคอยมองอยู่ด้วยแบบนี้
ออกไปจากบริษัทมานานขนาดนี้ก็มีหลายเรื่องสะสมอยู่ในบริษัท เธอจะต้องค่อยๆดูทีละเรื่องไป
เมื่อยุ่งๆนั้น เวินเที๋ยนเที๋ยนก็ลืมเวลาไปเลย จนกระทั่งโทรศัพท์มือถือของเธอดังขึ้น
“ผมอยู่ข้างล่างตึกของบริษัทนะครับ”
เสียงทุ้มต่ำของจี้จิ่งเชินดังขึ้น
เวินเที๋ยนเที๋ยนวางโทรศัพท์มือถือลง แล้วยืนอยู่ตรงหน้าต่างพลางมองลงไป
เป็นอย่างที่คิดเธอเห็นเงาของจี้จิ่งเชินแล้ว
แปลกจัง ทำไมเขาไม่รออยู่ในรถกัน?
เวินเที๋ยนเที๋ยนรู้สึกสงสัย แล้วจึงรีบเก็บของออกไปจากออฟฟิศ
มาถึงด้านล่างตึกแล้ว เมื่อจี้จิ่งเชินเห็นเวินเที๋ยนเที๋ยน ก็เข้ามากอดเธอ
เวินเที๋ยนเที๋ยนกลัวว่าคนในบริษัทจะเห็นเข้า จึงรีบลากเขาเข้าไปในรถ
“ทำไมพี่มาเองล่ะคะ?”
เธอเอ่ยถามอย่างไม่ทราบสาเหตุ “ทางพี่เองก็น่าจะมีเรื่องที่จะต้องสะสางไม่น้อยเหมือนกันสิคะ ทำไมถึงมีเวลามาหาฉันได้ล่ะ?”
ได้ยินแล้ว จี้จิ่งเชินก็เอียงหน้ามองเธอ “ผมกลัวว่าคุณยุ่งเรื่องงานจนลืมทานข้าวน่ะครับ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนกำลังจะคัดค้าน แต่กลับถูกจี้จิ่งเชินยกมือขึ้นมาขัดเอาไว้
“ดูสิครับว่าตอนนี้กี่โมงแล้ว ถ้าหากผมไม่มาหาคุณ คุณก็ไม่คิดจะทานมื้อกลางวันใช่ไหม?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนหน้าแดงขึ้นมาทันที ตอนที่เธอรับสายเมื่อกี้นี้ถึงได้เหลือบมองดูเวลา
เที่ยงครึ่ง
ความจริงแล้วทานมื้อกลางวันเวลานี้ก็ยังไม่นับว่าช้าเกินไป แต่ถ้าหากจี้จิ่งเชินไม่โทรมา เธออาจจะลืมเรื่องนี้ไปแล้วจริงๆ
“ฉันคิดไว้ว่าเดี๋ยวอีกซักพักค่อยทาน……”
เวินเที๋ยนเที๋ยนอธิบายขึ้นมาประโยคหนึ่ง
แต่จะฟังอย่างไร ก็รู้สึกถึงน้ำเสียงที่ดูกินปูนร้อนท้องของเธออยู่ดี