เมียหวานของประธานเย็นชา - บทที่827 ความเป็นไปได้อีกอย่างหนึ่ง
บทที่827 ความเป็นไปได้อีกอย่างหนึ่ง
ถึงแม้ว่าจี้จิ่งเชินจะไม่ได้พูดออกมา แต่สีหน้าท่าทางของเขากลับแสดงออกว่าเขาไม่เชื่อ
เวินเที๋ยนเที๋ยนจึงทำได้เพียงต้องยอมรับผิดอย่างว่าง่าย “ครั้งต่อไปจะไม่เป็นอีกแล้วค่ะ”
“นี่สิถึงจะถูก” จี้จิ่งเชินจูบลงบนผมของเธอ “ทุกมื้อจะต้องทานให้ตรงเวลา แต่คุณไม่ต้องกังวลนะครับ เพราะต่อให้คุณลืม ยังมีผมอยู่อีกทั้งคน”
“ผมไม่ยอมให้คุณหิวอยู่แล้ว”
น้ำเสียงที่ดูจะต้องเป็นเช่นนั้น ราวกับกำลังบอกเวินเที๋ยนเที๋ยน ว่าตัวเธอนั้นมีความสำคัญขนาดไหน
เวินเที๋ยนเที๋ยนถูกเขาหยอกจนหัวเราะออกมา “ใช่ค่ะใช่ พี่เป็นงานที่มั่นคงของฉัน มีพี่อยู่ด้วย ฉันก็ไม่ต้องกังวลว่าจะหิวอีกตลอดไปแล้ว”
จี้จิ่งเชินชอบการเปรียบเทียบนี้ของเวินเที๋ยนเที๋ยน
มุมปากของเขายกขึ้นเล็กน้อย พลางเอ่ยด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ “คุณรู้ก็ดีแล้วครับ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนคิดไม่ถึงว่าคำพูดหยอกล้อของเธอประโยคเดียวนี้ จี้จิ่งเชินจะยอมรับเสียอย่างนั้น
เธอสำลักขึ้นมาทันที
ถูกเปลี่ยบเหมือนเป็นชามข้าวทองเป็นงานที่มั่นคงมีอะไรให้ดีใจกัน ทำไมจี้จิ่งเชินถึงยิ้มอยู่ตลอดแบบนี้?
รู้สึกได้ว่าเวินเที๋ยนเที๋ยนกำลังมองมาด้วยความสงสัย จี้จิ่งเชินจึงอธิบายขึ้นมาเบาๆ
“ถูกให้ตัวเองเป็นงานที่มั่นคงไม่ได้มีอะไรให้ต้องภูมิใจอยู่แล้ว แต่ถูกเที๋ยนเที๋ยนให้มาเป็นงานที่มั่นคงของตัวเองแบบนี้ ผมดีใจมากกว่า”
เขาไม่ปิดบังความรู้สึกจริงๆของตัวเองเลยแม้แต่นิดเดียว
เวินเที๋ยนเที๋ยนสบตากับดวงตาที่เปื้อนไปด้วยรอยยิ้มคู่นั้นของเขา แล้วอดที่จะยกยิ้มขึ้นมาไม่ได้เช่นกัน
“ทำ….ทำไมคะ?”
เธอรีบหันกลับมา แล้วแสร้งทำเป็นเอ่ยถามอย่างไม่ได้สนใจเท่าไรนัก
เงียบจนน่าประหลาดใจ : “ยังจะถามว่าทำไมอีกหรือครับ คำตอบยังไม่ชัดเจนอีกหรือ?”
“เพราะว่าผมรักคุณไงครับ ไม่รู้ว่าคำตอบนี้คุณนายจี้จะพอใจหรือเปล่า?”
ได้ยินจี้จิ่งเชินพูดจบแล้ว ใบหน้าของเวินเที๋ยนเที๋ยนก็รู้สึกร้อนผ่าวขึ้นมา
เธอพยักหน้าลงด้วยใบหน้าที่แดงก่ำ
แววตาของจี้จิ่งเชินปรากฏรอยยิ้มขึ้น แล้วโอบเวินเที๋ยนเที๋ยนเอาไว้ในอ้อมกอด
แต่กลับไม่ได้เอ่ยพูดอะไรออกมาอีก
ถึงแม้ว่าจะไม่ได้พูดออกมาแม้แต่ประโยคเดียว แต่บริเวณรอบๆนั้นกลับตลบอบอวลไปด้วยความอบอุ่นจางๆนี้
หัวใจที่เต้นเร็วของเวินเที๋ยนเที๋ยน ก็สงบลงเมื่ออยู่ในอ้อมกอดของจี้จิ่งเชินได้เช่นกัน
“จี้จิ่งเชิน”
จู่ๆเธอก็ร้องเรียกขึ้นมา แล้วเงยหน้าขึ้นมาจากอ้อมกอดของจี้จิ่งเชิน
“หืม?”
“ต่อไปตอนที่พี่มาหาฉัน รออยู่ในรถดีกว่านะคะ”
ตอนที่เธอออกมาจากบริษัทเมื่อครู่นี้ เห็นคนจำนวนไม่น้อยที่เห็นจี้จิ่งเชินแล้ว ก็มองเธอด้วยสายตาที่หยอกล้อ ทำให้เธออดที่จะหน้าแดงไม่ได้
“ทำไมครับ?”จี้จิ่งเชินกลับย้อนถาม
เวินเที๋ยนเที๋ยนหน้าแดงขึ้นมาเล็กน้อย
“พวกเขามองแต่พี่ อีกอย่างระหว่างบริษัทเอ็มไอกรุ้ปกับตระกูลหล่อนก็มีความสัมพันธ์ที่ต้องมาแข่งขันกันด้วยนี่คะ?”
จี้จิ่งเชินได้ยินแล้ว กลับเลิกคิ้วขึ้นสูง แล้วเอ่ยพูดออกมาได้อย่างเต็มที่ : “ก็ผมอยากจะให้คนที่บริษัทของพวกคุณได้เห็นว่าผมมารับคุณนี่ครับ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนประหลาดใจ อยากจะให้คนทั้งบริษัทเห็นว่าเขามารับเธอ…..
นี่……ไม่ดูโอ้อวดเกินไปหรือเปล่า?
จี้จิ่งเชินไม่พลาดกับสายตาที่ดูประหลาดใจนี้ของเวินเที๋ยนเที๋ยน เขาหัวเราะออกมาเบาๆ แล้วยกมือขึ้นมาบีบหน้าเธอ
“ผมอยากจะให้พนักงานของคุณรู้ ว่าคุณเป็นภรรยาของผมจี้จิ่งเชินแล้ว”
สีหน้าท่าทางของเขาดูมีความภูมิใจที่มีความเย่อหยิ่งเป็นอย่างยิ่ง
ราวกับว่าเป็นเรื่องที่ควรค่าแก่การเฉลิมฉลองอย่างไรอย่างนั้น
เวินเที๋ยนเที๋ยนมองเขาอย่างอึ้งๆ
ทำให้ทุกคนรู้ว่าเธอเป็นภรรยาของเขา มันสำคัญขนาดนั้นเลยหรือ?
“สำคัญสิครับ ผมอยากจะติดป้ายชื่อของผมเอาไว้ที่ตัวคุณ ให้คนอื่นที่มองคุณรู้ว่าคุณเป็นภรรยาของผมเลยเสียด้วยซ้ำ”
และเวินเที๋ยนเที๋ยนถึงได้มีปฏิกิริยาตอบสนองกลับ เมื่อตัวเองไม่ทันระวังเผลอพูดสิ่งที่อยู่ในใจออกไป
ส่วนคำพูดที่มุ่งมั่นของจี้จิ่งเชินเองนั้นก็บอกเธออย่างชัดเจน ว่าเขาแคร์เรื่องชีวิตการแต่งงานระหว่างพวกเขามากแค่ไหน
และแคร์เธอมากแค่ไหน
ถูกจี้จิ่งเชินจ้องมองแบบนี้ เวินเที๋ยนเที๋ยนจึงละสายตาไปอย่างอายๆ
แต่ในใจนั้นกลับรู้สึกเหมือนกับแช่อยู่ในโถน้ำผึ้งตลอดเลยอย่างไรอย่างนั้น
รถค่อยๆจอดลงตรงหน้าประตูร้านอาหารTHALIA
จี้จิ่งเชินเดินจูงเวินเที๋ยนเที๋ยนเข้าไปในร้านอาหาร พนักงานเมื่อเห็นพวกเขาแล้ว ก็รีบเข้ามาต้อนรับ
“คุณจี้ คุณเวิน เชิญทางนี้ครับ”
พนักงานโค้งตัวลงอย่างนอบน้อม
จี้จิ่งเชินกลับหยุดลง
“เป็นอะไรคะ?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนมองเขาอย่างสงสัย
พนักงานเองก็รู้สึกหวาดกลัว กลัวว่าตัวเองทำอะไรผิดกับลูกค้าวีไอพีทั้งสองคนนี้เข้า
จี้จิ่งเชินมองไปยังพนักงานคนนั้น สีหน้าท่าทางที่ไม่ได้โมโหแต่มีความน่าเกรงขามนี้ทำให้เขารู้สึกกลัวจนใจเต้นรัว
หลังจากนั้นเขาก็ได้ยินจี้จิ่งเชินเอ่ยพูดขึ้น : “ต่อไปเรียกเธอว่าคุณนายจี้ ได้ยินไหม?”
“ได้ยินครับ!”
พนักงานพยักหน้ารับ
“ไหนลองเรียกให้ฟังหน่อย”
“คุณ คุณนายจี้”
พนักงานยังคงรักษารอยยิ้มที่นอบน้อมเอาไว้ แล้วเอ่ยพูดกับเวินเที๋ยนเที๋ยน
จี้จิ่งเชินถึงได้แสดงอาการแห่งความพอใจออกมา มุมปากยกขึ้นเป็นส่วนโค้งเล็กๆ
เวินเที๋ยนเที๋ยนถึงกับพูดไม่ออกขึ้นมาทันที
เป็นเพียงแค่คำเรียกเท่านั้นเอง ผู้ชายคนนี้ทำไมถึงจะต้องจริงจังขนาดนี้ด้วย?
เธอยังคิดว่าจะเกิดอะไรขึ้นเสียอีก กังวลไปเปล่าๆเลย
พนักงานพาพวกเขามาที่ห้องอาหารชั้นดาดฟ้า แล้วยื่นเมนูส่งให้เวินเที๋ยนเที๋ยนและจี้จิ่งเชิน
และไม่นาน อาหารก็เสิร์ฟขึ้นโต๊ะ
จี้จิ่งเชินช่วยหั่นสเต๊กให้กับเวินเที๋ยนเที๋ยนอย่างเอาใจใส่
“ลองชิมนี่ดูสิครับ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนยิ้มแล้วพยักหน้าลง มองไปยังสเต๊กชิ้นนั้น
เดิมทีนี่เป็นอาหารที่รสชาติดี แต่เมื่อกลิ่นนั้นลอยไปแตะจมูกของเธอเพียงเท่านั้น เธอก็รู้สึกวูบๆอยู่ในกระเพาะ
“อ้วก…….”
เวินเที๋ยนเที๋ยนขมวดคิ้วขึ้นมาทันที ยังไม่ทันมีปฏิกิริยาตอบสนอง ก็ปิดปากอาเจียนออกมาอย่างควบคุมไม่ได้
จี้จิ่งเชินตกใจ แล้วรีบลุกขึ้นมาถาม “เป็นอะไรไปครับ? ยังไม่ดีขึ้นใช่ไหม?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนส่ายหน้า “นิดนึงค่ะ…..”
เธออดที่จะนึกถึงตอนกินอาหารเช้าเมื่อเช้านี้ไม่ได้ ก็มีอาการแบบนี้เหมือนกัน
เธอไม่สบายจริงๆอย่างนั้นหรือ?
เวินเที๋ยนเที๋ยนรู้สึกกังวลอยู่บ้าง แต่เธอกลับไม่ได้บอกความกังวลนี้กับจี้จิ่งเชิน
เธอไม่อยากให้จี้จิ่งเชินเป็นกังวลตามเธอไปด้วย
“อาจจะเป็นหวัดแล้วล่ะค่ะ ไม่เป็นไร เดี๋ยวกลับไปกินยาก็ได้”
อาการอยากจะอาเจียนนี้มาเร็วมาก แล้วก็หายไปเร็วด้วยเช่นกัน
ตอนที่เธอเงยหน้าขึ้นมาอีกครั้งนั้น ก็ไม่ได้มีอาการของคนที่อยากจะอาเจียนออกมาแล้ว
“ผมดูแล้วคุณไปหาหมอดีกว่านะครับ” คิ้วคมๆทั้งสองข้างของจี้จิ่งเชินขมวดขึ้น “ถ้าไม่อย่างนั้นผมไม่วางใจ”
“ไม่เป็นไรจริงๆค่ะ ทานข้าวกันก่อนดีกว่า ฉันหิวแล้ว”
เวินเที๋ยนเที๋ยนกระพริบตาอย่างน่าสงสาร
“ไม่เป็นอะไรจริงๆนะครับ?”
สีหน้าท่าทางของจี้จิ่งเชินนั้นดูลังเลอยู่บ้าง
เพราะถึงอย่างไรอาการที่แสดงออกมาว่าเหมือนจะไม่สบายของเวินเที๋ยนเที๋ยนนั้นไม่ใช่ว่าปรากฏออกมาเพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้น
เวินเที๋ยนเที๋ยนรีบพยักหน้า “ทานกันก่อนเถอะค่ะ เย็นแล้วเดี๋ยวจะไม่อร่อยนะ”
ว่าแล้ว เวินเที๋ยนเที๋ยนก็เอาสเต๊กที่อยู่ในจานเข้าปากไป
แล้วก็ไม่มีอาการอยากอาเจียนอีกแล้วด้วย
บางทีอาจจะเป็นเพียงแค่ไม่ชินกับอาหารการกินแค่นั้น
เวินเที๋ยนเที๋ยนลองกินอีกสองสามคำ ก็ไม่มีอาการอยากจะอาเจียนอีกจริงๆ เธอเองก็รู้สึกวางใจแล้วเช่นกัน
แต่คิดไม่ถึงว่า ตอนที่ทานไปได้ครึ่งนึงแล้วนั้น จู่ๆในกระเพาะก็รู้สึกเหมือนมีกรดไหลย้อน
“ฉันไปห้องน้ำก่อนนะคะ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนก้มหน้า พยายามปกปิดใบหน้าที่ซีดขาวของตัวเองเอาไว้
ถึงแม้ว่าจี้จิ่งเชินจะไม่เห็นสีหน้าของเวินเที๋ยนเที๋ยน แต่เขาก็ยังไม่วางใจ “ผมไปเป็นเพื่อนไหมครับ?”
“ไม่ต้องหรอกค่ะ ห้องน้ำผู้หญิงพี่เข้าไปไม่ได้หรอก”
เธอเอ่ยพูดแก้ต่างขึ้น “เดี๋ยวฉันกลับมานะคะ”
จี้จิ่งเชินจึงทำได้เพียงพยักหน้าลง “ผมรออยู่ที่นี่นะครับ”
“อืม”
เวินเที๋ยนเที๋ยนลุกขึ้น แล้วรีบเดินไปทางห้องน้ำ
เมื่อเข้ามาในห้องน้ำแล้ว เธอก็ลงกลอนประตู แล้วคว่ำหน้าอาเจียนลงกับอ่างล้างมือไม่หยุด
ทำไมอาการอาเจียนหนักขนาดนี้?
นี่คงจะไม่สามารถใช้เรื่องไม่ชินกับเรื่องอาหารการกินและสภาพดินฟ้าอากาศมาอธิบายได้ง่ายๆแล้วสิ
คิดเช่นนี้แล้วนั้น เวินเที๋ยนเที๋ยนก็รู้สึกประหลาดใจขึ้นมา จู่ๆก็นึกถึงความเป็นไปได้อีกอย่างหนึ่ง