เมียหวานของประธานเย็นชา - บทที่891 จะเอาลูกออกไหม?
บทที่891 จะเอาลูกออกไหม?
คุณจี้รักคุณนายมากขนาดนั้น ส่วนคุณนายเองตอบแทนคุณจี้ด้วยความรักทั้งหมดด้วยเช่นกัน
ทั้งคฤหาสน์นี้ เป็นเพราะเวินเที๋ยนเที๋ยนถึงได้ไม่มืดมนน่ากลัวอีกต่อไป
ค่อยๆเต็มไปด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ
ถ้าหากเวินเที๋ยนเที๋ยนโชคร้ายจริงๆ……กลัวว่าทั้งชีวิตนี้คุณจี้ก็จะต้องเป็นทุกข์ตลอดไป
ถึงตอนนั้นแล้วในคฤหาสน์นี้ก็จะกลับไปมีบรรยากาศที่ดูไม่มีชีวิตชีวาเหมือนก่อนหน้านี้อีกครั้ง
“คุณจี้ครับ ถ้าหากถึงตรงจุดนั้นแล้ว คุณจะทำอย่างไรครับ?”
พ่อบ้านถอนหายใจออกมา แล้วเอ่ยถาม
จี้จิ่งเชินขมวดคิ้ว แล้วถามตัวเองอยู่ในใจเช่นกัน
เขาจะทำอย่างไร?
“ฉันไม่รู้”
เงียบอยู่นาน จี้จิ่งเชินก็มีแค่เพียงคำตอบเดียว
เขาไม่รู้ เขาไม่รู้จริงๆว่าตัวเองควรจะทำอย่างไร
ไม่คำนึงถึงว่าเวินเที๋ยนเที๋ยนจะยอมเอาลูกออกหรือเปล่า?
หรือว่าจะเชื่อคำพูดของเธอ เอาลูกไว้?
“ถ้าหากมาถึงจุดนั้นจริงๆ” จี้จิ่งเชินก้มหน้าลง เพื่อปกปิดความเจ็บปวดในแววตา แล้วมีความมุ่งมั่นขึ้นมา
ด้วยความเชื่อมั่นและการตัดสินใจที่เด็ดขาด
“ฉันยอมให้เที๋ยนเที๋ยนเกลียดฉันไปตลอดชีวิต แล้วก็ต้องการให้เธอมีชีวิตอยู่ต่อไปดีๆด้วยเหมือนกัน!”
พ่อบ้านอึ้งไป ความหมายนี้ ก็คือว่า……
เวินเที๋ยนเที๋ยนไม่รู้ว่าครั้งนี้ตัวเองหลับลึกไปนานแค่ไหน เธอรู้สึกเพียงแค่ว่าตัวเองกำลังจมอยู่ในความมืด หาแสงสว่างไม่เจอเลยแม้แต่นิดเดียว
จนกระทั่งเธอเห็นร่างของจี้จิ่งเชิน
ทันใดนั้นเอง โลกของเธอก็ดูเหมือนจะถูกเติมเต็มไปด้วยสีสัน
ความมืดที่เยือกเย็นเหล่านั้น ก็ดูเหมือนจะหายไปกับกระแสน้ำด้วยเช่นกัน
เธอจับยึดแสงสว่างเหล่านั้นเอาไว้ด้วยจิตใต้สำนึกของเธอ จากนั้น เธอก็ค่อยๆลืมตาขึ้นมา
เธอหันไปด้านข้าง ก็มองเห็นจี้จิ่งเชินที่นั่งหลับตาพักอยู่ตรงข้างเตียงของเธอ
โต๊ะข้างๆนั้นมีเอกสารวางเต็มไปหมด ดูแล้วเขาคงจะจัดการเรื่องงานอยู่ตรงนี้เป็นระยะเวลานึงแล้ว
เวินเที๋ยนเที๋ยนรู้ ว่าเพื่อตัวเองแล้วจี้จิ่งเชินดิ้นรนจนเหนื่อยมาโดยตลอด
ช่วงวันเวลาเหล่านี้ ร่างกายของเธอไม่ดี จี้จิ่งเชินก็ต้องแบกรับผิดชอบทุกสิ่ง ยุ่งตลอดในทุกๆวัน
เขาแทบจะทำเกินชีวิตของตัวเองอยู่แล้ว
แววตาของเวินเที๋ยนเที๋ยนปรากฎความเจ็บปวดออกมา เธอทำใจไม่ได้ที่จี้จิ่งเชินต้องมาเหนื่อยแล้วเธอก็ไม่สามารถช่วยอะไรได้เลยแม้แต่นิดเดียว
ทำให้เธอรู้สึกเจ็บปวดและเกลียดร่างกายตัวเองที่เป็นตัวถ่วงแบบนี้
เวินเที๋ยนเที๋ยนยกมือขึ้นเบาๆ แล้ววางไว้บนศีรษะของจี้จิ่งเชิน รับรู้ถึงสัมผัสความรู้สึกที่ไม่สบายใจที่ส่งผ่านมาทางมือ ดวงตาของเธอปรากฏความอ่อนโยนออกมา
เมื่อรับรู้ถึงสัมผัสของเวินเที๋ยนเที๋ยน จี้จิ่งเชินขยับ แล้วตื่นขึ้นมาจากอาการหลับสนิท
ความตื่นตระหนกเห็นได้อย่างชัดเจนในดวงตาของเขา จนกระทั่งเงยหน้าขึ้นมาเห็นเวินเที๋ยนเที๋ยนที่กำลังส่งยิ้มบางให้เขาอยู่นั้น ถึงได้รู้สึกโล่งใจ
ดีที่เป็นความฝัน!
หัวใจของจี้จิ่งเชินเต้นรัวเหมือนกลอง เขาฝันว่าเวินเที๋ยนเที๋ยนใกล้จะคลอด และกำลังถูกส่งตัวเข้าไปในห้องคลอด
เขากำลังรออยู่ข้างนอกด้วยความร้อนอกร้อนใจ จนในที่สุดหมอก็เดินออกมา แล้วบอกกับเขาอย่างเสียใจ ว่าพวกเขาพยายามอย่างสุดความสามารถแล้ว
จี้จิ่งเชินไม่สามารถบรรยายความรู้สึกในขณะนั้นออกมาได้เลย ความรู้สึกกลัวที่หนาแน่นราวกับกรงเล็บของปิศาจที่สามารถแทรกซึมเข้าไปได้ทุกที่ และคำรามขึ้นอย่างต้องการจะลากเขาลงไปในเหวลึกแห่งความสิ้นหวัง
แม้กระทั่งความปรารถนาที่จะดิ้นรนนั้นก็ไม่มีอีกด้วย
ทันทีที่ตื่นขึ้นมาแล้วเห็นเวินเที๋ยนเที๋ยนนอนอยู่บนเตียง เขารู้สึกถึงความโชคดีที่เหมือนกับรอดชีวิตมาได้
ยังดี ที่เวินเที๋ยนเที๋ยนยังอยู่
ไม่ได้จากเขาไปไหน
จี้จิ่งเชินจับมือเวินเที๋ยนเที๋ยนเอาไว้แน่น จ้องมองเธออย่างไม่ละสายตา ราวกับกลัวว่าเธอจะหนีไปไหน
เวินเที๋ยนเที๋ยนมองเขาอย่างขำๆ : “ฝันร้ายหรือคะ?”
เธออยากจะดึงมือออกมา แล้วจะเช็ดเหงื่อตรงหน้าผากให้กับเขา
แต่จี้จิ่งเชินกลับจับแน่นขึ้นกว่าเดิม เธอจึงทำไม่ได้
“พี่ฝันถึงอะไรคะ? ถึงดูเครียดขนาดนี้?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนมองเขาอย่างแปลกใจ น้อยมากที่เธอจะเห็นจี้จิ่งเชินตื่นตกใจจนทำอะไรไม่ถูกแบบนี้
ดูเหมือนกับว่าสูญเสียของสำคัญที่สุดไปอย่างไรอย่างนั้น
คิดเช่นนี้แล้ว เวินเที๋ยนเที๋ยนก็รับรู้ขึ้นมาในทันที คนหรือสิ่งที่จะทำให้จี้จิ่งเชินกลัวได้ขนาดนี้นั้นมีไม่มากนัก และเธอก็เป็นหนึ่งในนั้น
เธอเห็นจี้จิ่งเชินไม่ตอบ จึงเอ่ยถามขึ้นเบาๆ : “ฝันถึงฉันใช่ไหมคะ?”
แววตาของจี้จิ่งเชินชะงักขึ้นมาทันใด
เวินเที๋ยนเที๋ยนที่รู้นิสัยเขาดี ก็เข้าใจในความจริงนี้ได้ภายในทันทีแล้ว
ว่าเขาคงจะฝันถึงตัวเอง…….
มุมปากของเวินเที๋ยนเที๋ยนยกขึ้นเล็กน้อย พลางเอ่ยปลอบเขาขึ้นมาเบาๆ : “อย่ากังวลไปเลยนะคะ นี่ฉันเองก็ยังดีๆอยู่เลยไม่ใช่หรือ?”
คำพูดของเธอ กลับไม่ได้ทำให้จี้จิ่งเชินรู้สึกดีขึ้นมาซักเท่าไรนัก
“ผมแค่ฝันถึงเรื่องที่ไม่ดีน่ะครับ ไม่เกี่ยวกับคุณเลย”
เขาฝืนยิ้ม แต่รอยยิ้มนั้นกลับไม่ได้ปรากฏอยู่ในก้นบึ้งของแววตาเขาเลย
เวินเที๋ยนเที๋ยนขมวดคิ้วขึ้น เธอไม่ชอบเห็นท่าทางที่ฝืนยิ้มแบบนี้ของเขา
แต่เธอก็ไม่รู้ว่าควรจะทำให้จี้จิ่งเชินสบายใจขึ้นมาได้อย่างไร
เวินเที๋ยนเที๋ยนลองจะลุกขึ้น จี้จิ่งเชินเห็นแล้วนั้นจึงรีบเข้ามาประคองเธอ “เป็นอะไรครับ? หิวน้ำใช่ไหม?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนส่ายหน้า “เปล่าค่ะ ฉันแค่ไม่อยากนอนแล้ว”
เธอคิดว่าในความฝันของจี้จิ่งเชิน ตัวเองจะต้องกำลังนอนอยู่อย่างแน่นอน
ไม่อย่างนั้นเขาก็คงจะไม่กลัวขนาดนั้น
จี้จิ่งเชินไม่รู้ถึงสิ่งที่เวินเที๋ยนเที๋ยนคิดอยู่ในใจ เห็นแค่ว่าเธอคงจะนอนนานเกินไป จึงรู้สึกไม่สบาย
ถึงแม้ว่าเวินเที๋ยนเที๋ยนจะบอกว่าไม่หิวน้ำ แต่จี้จิ่งเชินก็ยังคงรินน้ำมาให้เธอหนึ่งแก้ว แล้วเอาวางไว้บนโต๊ะที่อยู่ข้างๆ
“คุยเป็นเพื่อนฉันหน่อยสิคะ” เวินเที๋ยนเที๋ยนไม่รู้ว่าจะปลอบใจเขาอย่างไร จึงเอ่ยพูดได้เพียงเท่านี้ “ใช่แล้ว ตอนนี้กี่โมงแล้วคะ? ฉันเข้ามาพักนานขนาดไหนแล้ว?”
จี้จิ่งเชินตอบไปตามความจริง : “บ่ายสามโมง หลังจากเมื่อวานที่คุณทานยาเข้าไปคุณก็หลับไปเลยครับ”
นั่นก็หมายความว่า ตั้งแต่เมื่อวานช่วงบ่ายจนถึงวันนี้บ่าย เธอสลบไปเป็นเวลาหนึ่งวันเต็มๆ
ใบหน้าของเวินเที๋ยนเที๋ยนยิ้ม แต่ในใจกลับเต็มไปด้วยความกังวล
เธอกลัวว่าจี้จิ่งเชินจะเห็นความกังวลนี้ของเธอ จึงรีบเปลี่ยนประเด็นไป “ใช่สิคะ เรื่องถังเหล้านั่น เมื่อวานพี่บอกว่าพี่จัดการแล้วหรือคะ?”
“อืม ส่งไปให้กับท่านจางเรียบร้อยแล้วครับ เขาจะทำงานซ่อมแซมแทนคุณต่อ คุณวางใจได้นะ”
จี้จิ่งเชินใช้สายตาพรรณนาถึงใบหน้าที่ซีดขาวของเวินเที๋ยนเที๋ยน “คุณวางใจนะ ทุกอย่างที่เกี่ยวกับคุณ ผมจะจัดการให้อย่างละเอียดรอบคอบ สิ่งที่คุณจะต้องทำก็คือพักผ่อน ส่วนเรื่องอื่นก็ให้ผมเป็นคนจัดการนะครับ”
มอบให้เขา……
นี่ไม่ได้เป็นครั้งแรกที่จี้จิ่งเชินพูดออกมาแบบนี้
เขาย้ำหลายครั้งแล้วว่าต้องการให้เธอเอาความรับผิดชอบทุกอย่างมอบให้เขาเป็นคนแบกรับภาระนี้เอาไว้ แต่เขาเคยคิดหรือเปล่า ว่าเขาจี้จิ่งเชินเองก็เป็นคน ไม่ใช่เทพ
เวินเที๋ยนเที๋ยนมองดวงตาสีดำของจี้จิ่งเชินอย่างเจ็บปวด
เขาเองก็เพลียได้ เหนื่อยเป็น แต่เพื่อเธอแล้ว เขากำลังประคับประคองด้วยความยากลำบากมาโดยตลอด
บางครั้งเธอก็สงสัย ว่าการอดทนของตัวเองนี้จะผิดหรือเปล่า?
เธอคิดอยากจะเอาลูกที่เกิดขึ้นระหว่างเธอกับจี้จิ่งเชินไว้ เป็นสิ่งที่ผิดไหม?
มีอยู่ครั้งหนึ่ง เธอแทบจะทนต่อไปไม่ได้จริงๆแล้ว แต่กลับรู้สึกถึงทารกที่อยู่ในครรภ์ขยับ
นั่นเป็นครั้งแรกที่เธอรู้สึกถึงการขยับตัวของทารกนี้
ชีวิตที่อ่อนแอแต่ดูเข้มแข็งนั้น เป็นสิ่งพิสูจน์การตั้งครรภ์ของเธอ!
เธอไม่สามารถโน้มน้าวตัวเองให้ทิ้งชีวิตนึงได้ เธอต้องการที่จะรักษาเขาเอาไว้ ใช้ทุกวิถีทางต้องการจะคลอดเขาออกมา
ความยากลำบากที่ผ่านมานี้ เธอล้วนแต่สามารถจะอดทนได้ แต่เพียงอย่างเดียวในตอนที่เห็นจี้จิ่งเชินเป็นทุกข์นั้น เธอกลับรู้สึกลังเล
“ถ้าหากฉันเอาลูกออก ก็จะสามารถฟื้นฟูคืนสภาพเดิมได้ใช่ไหมคะ?”
ทันใดนั้นเอง เวินเที๋ยนเที๋ยนก็เอ่ยถามประโยคนี้ขึ้นมา
ดวงตาของเธอมีน้ำตาคลอ
“ทุกคนก็จะไม่ต้องมาเป็นกังวลอีกใช่ไหม?”
จี้จิ่งเชินคิดไม่ถึงว่าเวินเที๋ยนเที๋ยนจะเอ่ยถามออกมาแบบนี้!
ต่อหน้าเธอ เขาหลีกเลี่ยงที่จะไม่เอ่ยพูดถึง ก็เพราะไม่อยากให้เธอได้สังเกตเห็น ว่าตัวเองก็ยังคงกอดความหวังของเด็กคนนี้เอาไว้จนถึงนาทีสุดท้าย ก็จำเป็นต้องละทิ้งความคิดนี้ของเขาไป
แต่ตอนนี้ จู่ๆเวินเที๋ยนเที๋ยนก็เอ่ยถามประโยคนี้ออกมา หรือว่าเธอคิดได้แล้วอย่างนั้นหรือ?