เมียหวานของประธานเย็นชา - บทที่894 ไม่ทำตามกฎเกณฑ์
บทที่894 ไม่ทำตามกฎเกณฑ์
หลังจากที่เวินเที๋ยนเที๋ยนทานเสร็จและหลับไปแล้วนั้น พ่อบ้านก็ลุกขึ้นแล้วกลับออกไป แล้วไปรายงานถึงสถานการณ์ในวันนี้ของเวินเที๋ยนเที๋ยนกับจี้จิ่งเชินที่อยู่ห้องข้างๆให้ฟังตั้งแต่ต้นจนจบ
แน่นอนว่าเขาไม่ลืมที่จะบอกจี้จิ่งเชินว่าเวินเที๋ยนเที๋ยนเอ่ยถามถึงสถานการณ์ของคุณจี้ถึงสองครั้ง
จี้จิ่งเชินยกมุมปากขึ้นอย่างหาคำตอบไม่ได้
“นายว่า วันนึงเจอหน้ากันแค่หนึ่งชั่วโมงจะน้อยเกินไปหรือเปล่า?”
จี้จิ่งเชินครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งแล้วจึงเอ่ยขึ้น “หรือบางทีฉันควรจะอยู่กับเธอให้นานอีกซักหน่อย”
พ่อบ้านอดที่จะกลั้นหัวเราะเอาไว้ไม่ได้กับท่าทางที่คิดเล็กคิดน้อยที่จะได้เจอหน้ากันแบบนี้
“คุณผู้ชายครับ อย่าลืมความปรารถนาเดิมของคุณสิครับ” พ่อบ้านเอ่ยเตือนขึ้น
จี้จิ่งเชินขมวดคิ้วขึ้นอย่างหงุดหงิด แล้วหันมามอง
“ท่าทางของฉันตอนนี้ ดูฟื้นคืนสภาพแล้วหรือยัง? สีหน้าเป็นอย่างไรบ้าง?”
พ่อบ้านมองพิจารณาอย่างละเอียด
ถึงแม้ว่าจะปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าเวินเที๋ยนเที๋ยนน้อยมาก บอกว่าต้องการจะดูแลสุขภาพร่างกาย แต่จี้จิ่งเชินก็ไม่สามารถที่จะวางใจได้เลย ก็ยังคงเป็นกังวลเช่นเดิม
ต่อให้ลดเวลาในการเจอหน้ากัน แต่สีหน้าก็ยังไม่ได้ดีขึ้นมาเลย
จี้จิ่งเชินก็เริ่มจะไม่ทำตามกฎเกณฑ์แล้ว
วิธีที่สามารถทำให้สีหน้าของเขานั้นดูดีขึ้นมาได้อย่างรวดเร็วที่สุด ไม่ว่าจะเป็นการกินยา การให้น้ำเกลือ ก็ลองมาทั้งหมดแล้ว
ถึงแม้ว่าวิธีจะดูสุดโต่งไป แต่กลับมีประสิทธิภาพอยู่จริงๆ
พ่อบ้านถอนหายใจออกมา แล้วพยักหน้าลง
สีหน้าของจี้จิ่งเชินดีใจขึ้นมา
“ผ่านไปอีกซักสองวัน เที๋ยนเที๋ยนก็คงมองไม่ออกแล้ว”
“แต่…….” พ่อบ้านคิดอยากจะเกลี้ยกล่อมเขา ว่าแบบนี้จะมีเพียงแต่จะทำให้ร่างกายของจี้จิ่งเชินแย่ลง
“เอาล่ะ นายกลับไปเถอะ ฉันรู้ที่จะบันยะบันยังหรอกน่า”
จี้จิ่งเชินโบกมือไล่
พ่อบ้านถอยออกไปอย่างคล้อยตาม ส่วนจี้จิ่งเชินนั้นกลับจ้องมองไปยังเอกสารที่อยู่บนโต๊ะ ในมือถือปากกาหมึกซึมเอาไว้ แต่กลับยังคงไม่เขียนลงไปเสียที
ถ้าหากมีคนยืนอยู่ตรงนี้ จะต้องเห็นอย่างแน่นอนว่า ประธานจี้ที่มีพลังอันยิ่งใหญ่ดูแลบริษัทเอ็มไอกรุ๊ป ดวงตาที่อ่านเอกสารอยู่คู่นั้นไม่ได้มีการโฟกัสเลยแบบนี้
เขากำลังเหม่อ
เขารู้จักแบ่งเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวได้มาโดยตลอด ตอนที่จัดการเรื่องงานนั้น ก็จะมีประสิทธิภาพสูงอยู่เสมอ
สถานการณ์แบบนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
แต่ตอนนี้จี้จิ่งเชินไม่มีสมาธิที่จะอ่านเอกสารเลยแม้แต่นิดเดียว เขาอยากจะไปดูเวินเที๋ยนเที๋ยนที่ห้องพักผู้ป่วยเสียจริงๆ
ไม่รู้ว่าเธอหลับไปแล้วหรือยัง
ถ้าหากเธอยังไม่หลับแล้วเขาเข้าไปนั้น หลังจากที่ถูกเวินเที๋ยนเที๋ยนเห็นเข้า เขาควรจะพูดอะไรที่กำจัดความสงสัยของเธอได้บ้างกัน?
ดังนั้นเลี่ยงจากเธอเสียหน่อยคงจะดีกว่า
คิดได้แล้วนั้น จี้จิ่งเชินก็ทุ่มเทความคิดนั้นให้กับงาน
รอจนซักพักหนึ่งแล้ว ในที่สุดเขาก็ลุกขึ้นอย่างทนไม่ไหว แล้วเดินไปที่หน้าประตูห้องพักผู้ป่วยของเวินเที๋ยนเที๋ยนอย่างเงียบๆ
พยาบาลที่อยู่เฝ้าในช่วงกลางคืนเห็นเขาแล้ว จึงลุกขึ้นยืนด้วยความประหลาดใจ
จี้จิ่งเชินรีบทำมือห้ามส่งเสียงให้กับเธออย่างรวดเร็ว แล้วค่อยๆเดินเข้าไป
โดยพื้นฐานนั้นเขาได้ตรวจเช็คโรงพยาบาลนี้หมดแล้ว เพื่อสามารถให้เวินเที๋ยนเที๋ยนได้รับการปฏิบัติดูแลอย่างดีที่สุด
เปิดประตูออก เวินเที๋ยนเที๋ยนที่กำลังหลับสนิทอยู่บนเตียงก็ปรากฏขึ้นในสายตา
หัวใจของจี้จิ่งเชินนั้นสงบลง เขานั่งลงบนเก้าอี้ที่อยู่ข้างๆเตียงอย่างระวัง
แสงจันทร์สาดส่องเข้ามายังเวินเที๋ยนเที๋ยนที่หลับอยู่เงียบๆ ทำให้เธอดูแล้วช่างงดงามยิ่งนัก
แสงสลัวปกปิดใบหน้าที่ซีดเซียวของเธอ
ถึงแม้ไม่ต้องปิดบัง แต่ในสายตาของจี้จิ่งเชินนั้น เวินเที๋ยนเที๋ยนก็เป็นผู้หญิงที่สวยที่สุดอยู่แล้ว
จี้จิ่งเชินยกมือขึ้นมาลูบใบหน้าของเวินเที๋ยนเที๋ยน
เขามองเวินเที๋ยนเที๋ยนด้วยความหลงใหล ใช้แววตาพรรณนาใบหน้าของเธอ
ราวกับว่าจะมองอย่างไรก็มองไม่พอ
ถึงแม้ว่าจี้จิ่งเชินจะไม่ได้พูดอะไร แต่ความรู้สึกร้อนรุ่มเหมือนกับอยู่บนกองไฟในดวงตาของเขา ก็เหนือกว่าคำพูดมากมายแล้ว
……….
เวินเที๋ยนเที๋ยนตื่นขึ้นมาจากความฝัน มุมปากยังคงมีรอยยิ้มบางๆปรากฏออกมา
เธอลืมตาขึ้น แล้วลูบใบหน้าด้านข้างของตัวเอง
ไม่รู้ทำไม เธอถึงรู้สึกว่าเมื่อคืนเหมือนกับมีคนมาลูบหน้าของเธออย่างไรอย่างนั้น
ความรู้สึกนั้น เหมือนกับเป็น……จี้จิ่งเชิน
เวินเที๋ยนเที๋ยนคิดอย่างไม่แน่ใจนัก
“คุณนาย ตื่นแล้ว ทานอะไรหน่อยนะคะ”
แม่ครัวทักทายเวินเที๋ยนเที๋ยนที่ตื่นขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม
ในมือของเธอนั้นถือชามข้าวต้มร้อนๆเอาไว้
หลังจากที่เวินเที๋ยนเที๋ยนเข้าโรงพยาบาลในวันที่สองนั้นก็สามารถทานอาหารได้เอง ไม่จำเป็นต้องพึ่งการให้อาหารทางเข็มฉีดยาแล้ว
เวินเที๋ยนเที๋ยนยิ้มแล้วรับข้าวต้มมา พลางเอ่ยขึ้นด้วยความสงสัย : “เมื่อคืนนี้จี้จิ่งเชินมาหรือเปล่าคะ?”
แม่ครัวส่ายหน้าด้วยความสงสัย
“ไม่แน่ใจเลยค่ะ”
หรือว่าเป็นภาพลวงตาของฉันเองอย่างนั้นหรือ?
เวินเที๋ยนเที๋ยนมองสิ่งที่อยู่ในมืออย่างสงสัย
ถ้าหากไม่จำเป็น พ่อบ้านและแม่ครัวจะไม่ก้าวก่ายชีวิตประจำวันของเวินเที๋ยนเที๋ยนมากเกินไปอยู่แล้ว อย่างเช่นกันล้างหน้าล้างตา กินข้าว ถ้าหากเวินเที๋ยนเที๋ยนอยากจะทำเอง พวกเขาก็จะไม่ฝืนให้เวินเที๋ยนเที๋ยนต้องมารับความช่วยเหลือของตัวเอง
อีกทั้งคุณจี้เองก็บอกแล้ว ว่าคุณหมอแนะนำให้เวินเที๋ยนเที๋ยนออกกำลังกายในระดับหนึ่ง มิเช่นนั้นการอยู่แต่บนเตียงเป็นเวลานานอาจจะทำให้กล้ามเนื้อลีบได้
เวินเที๋ยนเที๋ยนทานไปพลางมองออกไปยังนอกหน้าต่างไปพลาง
ห้องพักผู้ป่วยห้องนี้เป็นห้องที่ดีที่สุดของโรงพยาบาลนี้ จากที่นี่สามารถมองเห็นวิวในสวนของโรงพยาบาลได้
วันนี้อากาศดี ถึงแม้ว่าจะเห็นแค่เพียงมุมหนึ่งในสวนสาธารณะ แต่สีเขียวชอุ่มเต็มตาไปหมดนี้ทำให้เวินเที๋ยนเที๋ยนดูมีความตั้งใจอยู่บ้าง
แม่ครัวสังเกตการเคลื่อนไหวของเวินเที๋ยนเที๋ยน จึงรับรู้ได้อย่างละเอียดตรงจุดนี้
เธอเอ่ยถามขึ้นมาเบาๆ : “คุณนายอยากจะออกไปเดินข้างนอกหรือเปล่าคะ?”
“อืม อยู่แต่ในห้องมันอึดอัดน่ะค่ะ” เวินเที๋ยนเที๋ยนเอ่ยพูดขึ้นมาอย่างกลัดกลุ้ม “สองสามวันนี้ ฉันไม่ได้ออกไปจากห้องพักนี่เลย”
แน่นอนว่าก่อนหน้านี้ร่างกายของเธอคงจะไม่สามารถจริงๆ แต่หลังจากที่รักษาตัวมาได้สองวันแล้ว เธอรู้สึกมีชีวิตชีวาขึ้นมามาก
แม่ครัวรู้สึกลังเลขึ้นมาเล็กน้อย
“แบบนี้แล้วกันนะคะคุณนาย ฉันขอโทรหาคุณจี้ ถามความคิดเห็นของคุณเขาเสียหน่อย?”
แม่ครัวโกหก เธอเพียงแค่อยากจะเลี่ยงออกจากเวินเที๋ยนเที๋ยน แล้วไปถามความคิดเห็นของจี้จิ่งเชินที่อยู่ห้องข้างๆ
เพราะถึงอย่างไรเธอกับพ่อบ้านก็ไม่ได้จะรับผิดชอบ “เรื่องใหญ่” โดยพลการอยู่แล้ว
“ก็ดีเหมือนกันค่ะ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนพยักหน้าลงเล็กน้อย จากนั้นก็เอ่ยถามขึ้นอย่างแปลกใจ : “แต่ไม่ใช่ว่าถามคุณหมอจะยิ่งดีและยิ่งสะดวกกว่าหรอกหรือคะ?”
อาการป่วยของเธอนั้นหมอน่าจะมีความชัดเจนที่สุดสิถึงจะถูก
อีกทั้งเวลานี้ จี้จิ่งเชินยังต้องทำงานอยู่ รบกวนเขาแบบนี้คงจะไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก?
แม่ครัวจึงพยักหน้าลงอย่างคล้อยตาม “ได้ค่ะ ฉันไปถามคุณหมอก่อนนะคะ คุณรออยู่ที่นี่ซักครู่นะ”
แน่นอนว่า เธอไม่ลืมที่จะถามความเห็นของจี้จิ่งเชินก่อนอยู่แล้ว
“ค่ะ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนมองตามแม่ครัวออกไป
แม่ครัวไม่ได้ไปที่ออฟฟิศของแพทย์เจ้าของไข้ แต่กลับหันเข้าไปในห้องข้างๆแทน
เห็นจี้จิ่งเชินที่กำลังนั่งอยู่ตรงข้างหน้าต่างแล้ว เธอจึงหยุดยืนนิ่ง
“คุณผู้ชายคะ คุณนายบอกว่าอยากจะออกไปเดินเล่นข้างนอกค่ะ”
จี้จิ่งเชินเงยหน้าขึ้นมา ครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง แล้วจึงพยักหน้าลงในที่สุด
“ได้สิ ช่วงสองสามวันนี้เที๋ยนเที๋ยนเป็นอย่างไรบ้าง?”
แม่ครัวขมวดคิ้วครุ่นคิด แล้วเอ่ยขึ้น : “ดีกว่าเมื่อก่อนมากเลยค่ะ แต่ดูเหมือนจะยังมีปมอะไรในใจอยู่”
จี้จิ่งเชินเลิกคิ้วขึ้น
หลังจากนั้นพักหนึ่งจึงเอ่ยขึ้น : “รออีกซักไม่กี่นาทีค่อยพาเธอออกไป ฉันมีแผนอยู่”
แม่ครัวรู้สึกสงสัยอยู่บ้าง แต่ก็ยังคงพยักหน้าแล้วหันหลังกลับออกไป
จี้จิ่งเชินลุกขึ้นยืนจากเก้าอี้ แล้วเดินมาตรงหน้าต่าง ครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง แล้วกดโทรออกหาเบอร์ใครคนหนึ่ง
“ผมเอง”
เสียงของจี้จิ่งเชินดังขึ้นภายในห้อง
“ผมจำได้ว่าก่อนหน้านี้คุณบอกไว้ว่าเคยพบคนที่อายุมากคนหนึ่ง……..”