เมียหวานของประธานเย็นชา - บทที่899 สถานที่หนึ่งที่คุณต้องคิดถึง
บทที่899 สถานที่หนึ่งที่คุณต้องคิดถึง
เวินเที๋ยนเที๋ยนมองจี้จิ่งเชินด้วยความสงสารจับใจ
แต่ไม่รู้เลยว่าจี้จิ่งเชินนั้นสงสารเธอมากยิ่งกว่า
“คุณหมอบอกว่าคุณไม่ได้มีปัญหาอะไรมาก พักผ่อนให้เพียงพอนะครับ” จี้จิ่งเชินลูบผมเธอ “รอให้คุณหายดีกว่านี้หน่อย แล้วผมจะพาคุณไปที่ที่หนึ่ง”
เวินเที๋ยนเอ่ยถามขึ้นด้วยความสงสัย : “ที่ไหนคะ?”
“บอกคุณก่อนตอนนี้ไม่ได้นะครับ”
จี้จิ่งเชินส่งยิ้มให้เธออย่างลึกลับ “คุณต้องรักษาสุขภาพร่างกายของตัวเองให้ดีนะ ผมถึงจะสามารถพาคุณไปได้”
“เผยออกมานิดเดียวก็ไม่ได้หรือคะ?”
เธอยื่นนิ้วหัวแม่มือและนิ้วชี้ออกมาทำท่าทางอยากรู้เพียงแค่นิดเดียว “นิดเดียวก็ได้ค่ะ ให้ฉันได้เฝ้ารอซักนิดนึงก็ได้นะคะ?”
จี้จิ่งเชินครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง แล้วจึงรับปากเธอ
“ผมบอกคุณได้แค่เพียงว่า สถานที่นี้ คุณจะต้องคิดถึงมากอย่างแน่นอนครับ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนยังอยากจะถามอีก แต่จี้จิ่งเชินกลับไม่ยอมพูดอะไรไปมากกว่านี้อีก
เวินเที๋ยนเที๋ยนจึงทำได้เพียงต้องหยุดทะเลาะแล้วไม่ได้เอ่ยถามต่อไปอีก กลัวว่าจี้จิ่งเชินจะเปลี่ยนใจ
เขายอมพาตัวเองออกไปเดินเล่นก็นับว่าไม่เลวแล้ว
ถึงอย่างไรก็ตาม “สถานที่ที่คิดถึง” อย่างที่เขาบอกนั้น คงจะไม่ใช่โรงพยาบาลแน่นอนอยู่แล้ว
ส่วนจะเป็นที่ไหน นี่ไม่ใช่เรื่องสำคัญ ที่สำคัญก็คือเธอสามารถออกไปจากโรงพยาบาลนี้ได้เป็นการชั่วคราวนั่นเอง
และนี่ก็ทำให้เธอดีใจมากเสียจนปกปิดอาการเอาไว้ได้ยากแล้ว
บางทีความดีใจนี้ก็จะช่วยประคับประคองเธอได้ หลังจากที่เธอหมดสติไปหลายชั่วโมงหรือแม้กระทั่งทั้งวันอย่างเป็นครั้งเป็นคราวนั้น เธอก็ฟื้นฟูคืนสภาพขึ้นมาได้อย่างน่าอัศจรรย์
แม้แต่คุณหมอเองก็รู้สึกประหลาดใจกับสถานการณ์นี้ด้วยเช่นกัน
“คงจะเป็นการนอนหลับสนิทที่ทำให้ภายในร่างกายของเธอนั้นเกิดการต่อต้านสารพิษขึ้นมา หรือที่พวกเราเรียกกันว่าภูมิคุ้มกันน่ะครับ”
แพทย์เจ้าของไข้บอกจี้จิ่งเชินกับสิ่งที่ตัวเองวิเคราะห์ออกมา
จี้จิ่งเชินรีบเอ่ยถาม : “แล้วร่างกายของเธอจะดีขึ้นด้วยไหมครับ?”
“ดีขึ้นหรือครับ? ไม่ครับ นี่เป็นความต้องการที่มากเกินไปแล้ว” คุณหมอเอ่ยพูดขึ้นอย่างเลี่ยงไม่ได้ “เพียงแค่สามารถช่วยชะลออาการอ่อนเพลียของร่างกายเธอได้เป็นการชั่วคราวเพียงเท่านั้น”
จี้จิ่งเชินพยักหน้าลงด้วยความผิดหวัง
คุณหมอพูดปลอบใจ : “นี่เป็นสถานการณ์ที่ดีมากเลยนะครับ อย่างน้อยๆร่างกายของคุณเวินก็ไม่ได้แย่ลงอย่างต่อเนื่องอีก”
“ผมเข้าใจครับ” จี้จิ่งเชินเงียบไปพักหนึ่ง “ผมวางแผนเอาไว้ว่าจะพาเธอออกไปข้างนอกเสียหน่อย”
แพทย์เจ้าของไข้มองเขาด้วยความประหลาดใจ “คุณบ้าไปแล้วใช่ไหม? เวลาแบบนี้พาเธอออกไปข้างนอก ถ้าหากเธอหมดสติไประหว่างทางจะทำอย่างไร? คุณคิดถึงผลที่จะตามมาหรือเปล่า?”
จี้จิ่งเชินรู้ว่าร่างกายของเวินเที๋ยนเที๋ยนนั้นไม่เหมาะที่จะออกไปเดินข้างนอกโรงพยาบาล
แต่เขามีเหตุผลที่จะต้องพาเธอไป
“ผลที่ตามมาทั้งหมด ผมรับผิดชอบเอง” เขาเอ่ยพูดกับคุณหมออย่างนิ่งๆ “ผมกลัวว่าจะสูญเสียเธอไปยิ่งกว่าคุณเสียอีก แต่นี่เป็นสิ่งที่ผมรับปากกับเธอเอาไว้ ร่างกายของเธอจะต้องดีขึ้น รับปากเรื่องนี้เอาไว้ก็ต้องรับผิดชอบสิ”
คุณหมอคิดพิจารณาอยู่พักหนึ่ง ก็ยอมให้จี้จิ่งเชินพาเวินเที๋ยนเที๋ยนออกไป
ก่อนจะไปนั้น เขาให้วิธีการปฐมพยาบาลกับจี้จิ่งเชินเอาไว้หลายวิธี อีกทั้งยังให้เขาเอากระเป๋าปฐมพยาบาลไปด้วย เพื่อป้องกันเอาไว้
จี้จิ่งเชินรับเอาไว้ทั้งหมด
กลับมาถึงห้องพักผู้ป่วยของเวินเที๋ยนเที๋ยนแล้ว จี้จิ่งเชินมองแววตาที่กำลังรอคอยของเวินเที๋ยนเที๋ยน เขายกริมฝีปากขึ้น “ผมได้รับความยินยอมจากคุณหมอแล้วนะครับ พรุ่งนี้จะพาคุณออกไปนะ”
“ดีจังเลยค่ะ!”
ดวงตาทั้งสองข้างของเวินเที๋ยนเที๋ยนเป็นประกายออกมา ถึงแม้ว่าจะได้รับการดูแลอย่างพิถีพิถันตอนอยู่ที่โรงพยาบาลนี้ แต่เธอก็ยังคงโหยหาอากาศที่อิสระและช่องว่างที่กว้างมากกว่านี้
แน่นอนว่าเธอยังรอคอยสถานที่ที่เธอจะคิดถึงที่จี้จิ่งเชินพูดถึงเอาไว้ด้วย
วันรุ่งขึ้น จี้จิ่งเชินพาเวินเที๋ยนเที๋ยนนั่งรถวีลแชร์แล้วเข็นออกจากโรงพยาบาลไป
คนขับรถที่รออยู่ตรงหน้าประตูตั้งแต่แรกนั้นก็เดินมารับพวกเขาไปถึงที่จอดรถ แล้วเอาวีลแชร์วางลงในท้ายรถ
จี้จิ่งเชินอุ้มเวินเที๋ยนเที๋ยนขึ้นมาแล้วเข้าไปนั่งยังเบาะหลัง “ไม่สบายตรงไหนจะต้องบอกผมนะครับ อย่าทนเก็บเอาไว้นะ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนพยักหน้าอย่างขำๆ “รู้แล้วค่ะ พี่พูดมาไม่ต่ำกว่าสิบรอบแล้วนะ”
“ถ้าหากคุณไม่รำคาญ ผมก็ไม่ถือนะจะให้พูดอีกครั้งก็ได้”
จี้จิ่งเชินมองเธออย่างอ่อนโยน “เพราะผมรู้สึกว่า คุณจะอดทนกับความไม่สบายนี้เอาไว้ไม่ยอมบอกผมเพราะเพื่อที่จะได้ออกมาเดินเล่นข้างนอกแบบนี้”
เวินเที๋ยนเที๋ยนมีสีหน้าตกตะลึง
เธอไม่น่าไว้ใจขนาดนั้นเลยหรือ?
ขณะที่พูดกันอยู่นั้น คนขับรถได้นั่งลงตรงที่คนขับเรียบร้อยแล้ว จากนั้นจากการเคลื่อนไหวของเขา รถก็ค่อยๆสตาร์ทขึ้นมา
เวินเที๋ยนเที๋ยนมองวิวที่อยู่นอกหน้าต่างด้วยความตื่นเต้น
“สวยขนาดนั้นเลยหรือครับ?” จี้จิ่งเชินเอ่ยถามออกมาอย่างขำๆ “อย่าไปเข้าใกล้หน้าต่างรถนักสิครับ ร่างกายของคุณยังไม่หายดี โดนลมไม่ได้นะ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนถอนออกมาอย่างว่าง่าย แต่ดวงตาคู่นั้นก็ยังคงจ้องมองไปทางนอกหน้าต่างอยู่เช่นเดิม
“อยู่ในโรงพยาบาล รู้สึกว่าทุกอย่างหยุดนิ่งไปหมด หลังจากที่ได้ออกมาแล้ว ถึงได้รับรู้และสัมผัสถึงความสุขของการเคลื่อนไหว”
เวินเที๋ยนเที๋ยนถอนหายใจออกมาอย่างหมดอาลัยตายอยาก ไม่เพียงเช่นนี้ ที่โรงพยาบาลถึงแม้จะเงียบสงบ แต่กลับมีความรู้สึกของบรรยากาศที่อึมครึมอยู่แบบหนึ่งด้วย
แน่นอนว่าเธอรู้ว่าสถานที่แบบโรงพยาบาลนี้ ควรจะเงียบสงบ มิเช่นนั้นแล้วก็จะส่งผลกระทบต่อการรักษาอาการป่วยของคนไข้
แต่เธอยังคงเฝ้ารอภาพที่มีชีวิตชีวามากกว่า
จี้จิ่งเชินสัมผัสได้ถึงความสุขที่บริสุทธิ์นี้ของเวินเที๋ยนเที๋ยน เธอยิ้มออกมา แม้แต่ความกังวลและความกลัวที่มีนั้นก็หายไปหมดด้วยเช่นกัน
“ใช่แล้ว พี่บอกว่าจะพาฉันไปที่นึง สรุปแล้วมันคือที่ไหนกันแน่คะ?”
เธอรู้สึกแปลกใจมากจริง
จี้จิ่งเชินมองเธออย่างขำๆ “ก็ขึ้นมานั่งบนรถแล้ว อีกสิบกว่านาทีเองก็ทนรอไม่ได้เลยหรือครับ?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนส่ายหน้าขึ้นทันที
“พี่บอกกับฉันมาเถอะค่ะ ถึงยังไงก็ขึ้นมานั่งบนรถแล้ว ยังบอกฉันไม่ได้อีกหรือ?”
“รอให้ถึงแล้วเดี๋ยวคุณก็รู้เอง”
เห็นจี้จิ่งเชินใจแข็งและท่าทางที่ดูลึกลับแล้ว เวินเที๋ยนเที๋ยนจึงต้องยอม
เธอไม่ได้รู้สึกกังวล เพราะถึงอย่างไรจี้จิ่งเชินก็พาเธอออกมาแล้ว ก็คงจะไม่พาเปลี่ยนทิศทางกลับไปอีก
รถขับไปอย่างช้าๆ คนขับรถกลัวว่าจะกระทบกระเทือนต่อเวินเที๋ยนเที๋ยน จึงควบคุมความเร็วของรถให้อยู่ในช่วงที่คงที่
เวลาที่ถึงจุดมุ่งหมายนั้นเลื่อนออกไปอยู่บ้าง
แต่นี่ก็ไม่เป็นอุปสรรคต่อความดีใจนี้ของเวินเที๋ยนเที๋ยนเลย
“สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าเฉินซี!”
แววตาของเวินเที๋ยนเที๋ยนเปล่งประกายไปด้วยความสุข “ที่แท้พี่ก็จะพาฉันมาที่นี่เอง!”
ในที่สุดเธอก็เข้าใจที่จี้จิ่งเชินพูดแล้ว สถานที่ที่เธอจะต้องคิดถึง
ที่นี่เป็นที่ที่พวกเขาได้เจอกัน แล้วก็ทำให้พวกเขาได้ผูกพันกัน
หลังจากที่ป่วยนั้น แม้แต่คฤหาสน์เธอเองก็ไปที่นั่นน้อยครั้งมาก ยิ่งไม่ต้องพูดถึงที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าเฉินซีที่นี่เลย
จะว่าไปแล้วเหยาเย้นและพวกเด็กๆก็เคยไปเยี่ยมเธอที่คฤหาสน์ แต่ตอนนั้นเธอกำลังหลับสนิท จี้จิ่งเชินจึงบอกปัดพวกเขาไป
และนี่ก็ทำให้เธอรู้สึกเสียใจเป็นอย่างมาก
ต่อมาเข้าโรงพยาบาลแล้ว คิดอยากจะเจอเด็กๆที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าอีกนั้นเป็นเรื่องที่ยากลำบากมากกว่าเดิมเสียอีก
คิดไม่ถึงว่าจี้จิ่งเชินจะพาเธอมาที่นี่!
“มาครับ ค่อยๆนะ”
จี้จิ่งเชินให้คนขับรถเข็นวีลแชร์ออกมา แล้วตัวเองก็เอาเวินเที๋ยนเที๋ยนลงมาจากรถและประคองเธอนั่งลงบนวีลแชร์
เวินเที๋ยนเที๋ยนถึงได้สังเกตเห็นว่าตรงหน้าประตูสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าเฉินซีนั้นมีเด็กๆยืนกันอยู่เต็มไปหมดแล้ว
เหยาเย้นยืนอยู่ตรงด้านหน้าของเด็กๆ แล้วโบกมาให้กับพวกเขา
จากนั้นดูเหมือนเธอจะก้มลงพูดอะไรกับพวกเด็กๆ แล้วพวกเด็กๆก็พากันโบกมือมาทางนี้
แขนเสื้อสีสันสดใสโบกไปมาราวกับธงผืนเล็กๆที่โบกสะบัดอยู่ท่ามกลางสายลม ต้อนรับเธออย่างเต็มไปด้วยพลังที่มีชีวิตชีวา
“ไปทางนั้นกันเถอะครับ”
ราวกับว่าจี้จิ่งเชินจะคาดเดาเอาไว้แล้วถึงฉากนี้ จึงจูงมือเวินเที๋ยนเที๋ยนแล้วเดินเข้าไป