เมียหวานของประธานเย็นชา - บทที่900 ฉันจะกลับไปบนสวรรค์ไหม?
บทที่900 ฉันจะกลับไปบนสวรรค์ไหม?
รอจนเวินเที๋ยนเที๋ยนเข้าไปใกล้ๆแล้วนั้น ในมือที่อยู่ข้างๆลำตัวของเด็กๆนั้นล้วนแต่ถือช่อดอกไม้เอาไว้
ถึงแม้บนใบหน้าของพวกเขาจะดูตื่นเต้นดีใจกันมาก การเคลื่อนไหวที่แขนที่ชูโบกไปมา แต่พวกเขาก็ยังรักษาดอกไม้ที่อยู่ในมืออีกข้างหนึ่งไว้ด้วยความระมัดระวัง
เหยาเย้นพยักหน้าให้เด็กๆเดินเข้ามา
พวกเด็กๆที่ปกติแล้วเป็นจอมก่อกวน กลับดูน่ารักน่าเอ็นดูอย่างไม่อยากจะเชื่อ
พวกเขายืนกันเป็นแถวตามยาว แล้วเข้าแถวเพื่อยื่นดอกไม้ให้กับเวินเที๋ยนเที๋ยนทีละคน
“ขอให้พี่เที๋ยนเที๋ยนร่างกายกลับมาแข็งแรงเหมือนปกติเร็วๆ!”
“พี่เที๋ยนเที๋ยน พวกเราคิดถึงพี่จัง!”
“พี่เที๋ยนเที๋ยน อาการป่วยของพี่เมื่อไหร่จะหายคะ พวกเรารอพี่อยู่ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้านะคะ”
“พวกเธอ……”
เวินเที๋ยนเที๋ยนมองเด็กๆที่น่ารักพวกนี้ แล้วสะอึกสะอื้นเสียจนพูดอะไรไม่ออก
จี้จิ่งเชินยืนอยู่ทางด้านหลังเธอ แล้วกอดเธอเบาๆ
“พวกเขาหวังจะให้คุณกลับมาแข็งแรงเหมือนเดิมนะครับ“
ในใจของเวินเที๋ยนเที๋ยนนั้นรู้สึกประทับใจ
จะไม่คิดถึงพวกเขาได้อย่างไร?
หลายครั้ง ที่เธอหลับใหลไปแล้วฝันถึงที่นี่ ฝันถึงภาพที่เธอเล่นเกมกับพวกเด็กๆ
นั่นเป็นแสงสว่างเดียวที่เธอหาเจอในความมืดที่ยาวนานนี้
เวินเที๋ยนเที๋ยนก้มหน้าลง ทางด้านหน้านั้นเป็นดอกคาร์เนชั่นจากเด็กๆมารวมเอาไว้ด้วยกันเป็นช่อดอกไม้
เธอนึกถึงความหมายของดอกคาร์เนชั่นนี้ขึ้นมาทันที
ความรักอมตะของแม่ ความมีเสน่ห์และความเคารพ
ทันใดนั้นเอง โต้วโต้วและหมิงเฮ่าก็เดินเข้ามา พวกเขาก็เหมือนกับเพื่อนคนอื่นๆ ที่ถือดอกคาร์เนชั่นเอาไว้หนึ่งดอก
“พี่เที๋ยนเที๋ยน พวกเรารักพี่นะ พี่รีบๆหายเร็วๆ!”
โต้วโต้วมัวไปด้วยน้ำตา น้ำตาคลออยู่ในดวงตาของเธอ
แต่เธอกลั้นเอาไว้ไม่ให้ร้องไห้ออกมา
คุณครูเหยาเย้นบอกเอาไว้แล้วว่า เด็กที่ร้องไห้ขี้มูกโป่ง ไม่สามารถจะมาพูดคุยตรงหน้าพี่เที๋ยนเที๋ยนได้
พี่เที๋ยนเที๋ยนป่วย ต้องการคำอวยพรจากทุกคนถึงจะดีขึ้น
ดังนั้นเธอจึงไม่ได้ร้องไห้ เธอต้องการจะส่งคำอวยพรของเธอให้กับพี่เที๋ยนเที๋ยน
เวินหมิงเฮ่าเองก็เช่นกัน เขาผ่านอะไรมามากกว่าโต้วโต้ว แล้วก็เข้มแข็งกว่าโต้วโต้วด้วยเช่นกัน
แต่ถึงแม้จะเป็นเช่นนี้ เขาเองก็มีท่าทางเหมือนจะร้องไห้ออกมาด้วย
เวินเที๋ยนเที๋ยนพูดปลอบใจพวกเขาเบาๆ : “พี่เที๋ยนเที๋ยนไม่เป็นอะไรหรอกนะ รอให้พี่หายดีแล้วพี่จะมาเล่นกับโต้วโต้วและหมิงเฮ่า ดีไหม?”
“พี่พูดแล้วนะ คุณครูบอกว่า คนไม่รักษาคำพูดจะเป็นเหมือนกับพินอคคิโอที่มีจมูกยาว!”
โต้วโต้วเอ่ยพูดกับเวินเที๋ยนเที๋ยนด้วยน้ำเสียงเด็กๆ
เวินเที๋ยนเที๋ยนยิ้มแล้วรับปากเธอ : “ได้สิ พี่ไม่โกหกเราหรอกนะ”
“ถ้าอย่างนั้นมาเกี่ยวก้อยกันค่ะ!”
โต้วโต้วยื่นนิ้วเล็กๆออกมา แล้วแกว่งไปมาอยู่ตรงหน้าของเวินเที๋ยนเที๋ยน
ดวงตาใสๆคู่นั้นของเธอจ้องมองไปยังเวินเที๋ยนเที๋ยน
ทำให้ไม่สามารถปฏิเสธได้เลย
“ได้สิ เกี่ยวก้อยกัน”
เวินเที๋ยนเที๋ยนเกี่ยวนิ้วเล็กๆของโต้วโต้วเอาไว้
“ยิ้มแล้วเกี่ยวก้อยกัน หนึ่งร้อยปีห้ามเปลี่ยนแปลง!”
เธอกับโต้วโต้วเอ่ยออกมาพร้อมกัน หลังจากนั้นนิ้วหัวแม่มือก็แตะประทับกันเอาไว้
พวกเด็กๆผลัดกันเอาดอกไม้มาให้กับเวินเที๋ยนเที๋ยน ใส่ไม่ได้แล้ว จี้จิ่งเชินเองก็ได้เตรียมตะกร้าดอกไม้เอาไว้ตั้งแต่แรกแล้ว เขาจึงเอาดอกไม้วางไว้ด้านใน
แน่นอนว่า เหยาเย้นไม่สามารถที่จะเรียกเด็กๆทั้งหมดในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้ามาอวยพรให้กับเวินเที๋ยนเที๋ยนได้
มิเช่นนั้นแล้ว เกรงว่าทั้งช่วงบ่ายนี้ก็คงจะไม่สิ้นสุด
เหยาเย้นให้หมิงเฮ่าพาพวกเด็กๆกลับไป เพราะถึงอย่างไรเด็กๆล้อมกันอยู่ตรงนี้ อาจจะส่งผลกระทบต่อร่างกายของเวินเที๋ยนเที๋ยนได้
พวกเด็กๆโบกมือลาเวินเที๋ยนเที๋ยนกันอย่างอาลัยอาวรณ์
เวินเที๋ยนเที๋ยนยิ้มออกมาอย่างอ่อนโยน โบกมือไปพลางมองส่งพวกเขากลับไปยังสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าด้วย
“เที๋ยนเที๋ยน ร่างกายของคุณ…..”
เหยาเย้นเอ่ยถามด้วยความกังวล เธอรู้ว่าสถานการณ์ของเวินเที๋ยนเที๋ยนไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก แต่กลับคิดไม่ถึงว่าร่างกายของเธอจะแย่จนถึงระดับนี้
สีหน้าเธอซีดขาว จนสามารถอธิบายได้ว่าดูแห้งเฉาซีดเซียวเลยก็ว่าได้
ดูไม่เหมือนคนที่กำลังตั้งครรภ์อยู่เลยแม้แต่นิดเดียว
ไม่เพียงแต่ไม่ได้ดูสมบูรณ์เพียงเท่านั้น แต่กลับยังซูบผอมลงไปมากอีกด้วย
เวินเที๋ยนเที๋ยนส่ายหน้า “ไม่เป็นไรค่ะ ฉันอยากจะเดินเล่นในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าได้ไหมคะ?”
“ได้แน่นอนอยู่แล้ว! ให้ฉัน…..”
“เดี๋ยวผมเองดีกว่าครับ” ทันใดนั้นเองจี้จิ่งเชินก็เอ่ยพูดขึ้นมาในเวลานี้
เหยาเย้นได้ยินแล้วจึงหันไปมองด้วยความประหลาดใจ นึกถึงช่วงเวลานี้ที่ในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าได้มีการสร้างสิ่งอำนวยความสะดวกใหม่ๆขึ้นมา ไม่รู้ว่าเขาจะรู้หรือเปล่า
แต่จี้จิ่งเชินกลับพยักหน้าลงอย่างมุ่งมั่น
“ผมพาเธอไปก็ได้ครับ”
เหยาเย้นชะงักไป แล้วถึงนึกขึ้นได้ว่า ดูเหมือนกับก่อนหน้านี้คุณครูคนอื่นๆเคยพูดว่า จี้จิ่งเชินเคยมาที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าครั้งนึงแล้ว เขามองพิจารณารอบๆ คงจะเพื่อการเตรียมตัวในวันนี้หรือเปล่า?
ในเมื่อเขาวางแผนเอาไว้ดีแล้ว เหยาเย้นจึงไม่ได้เอ่ยพูดถึงอีก เธอพยักหน้าลงแล้วหันหลังกลับออกไป
“เราไปกันเถอะครับ”
จี้จิ่งเชินพาเวินเที๋ยนเที๋ยนเดินไปด้านใน จับมือเธอเอาไว้แน่น
“วันนี้ ให้ผมมาเป็นไกด์ให้แล้วกันนะครับ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนหันมายิ้มให้เขาพลางเอ่ย : “ถ้าอย่างนั้นก็รบกวนไกด์จี้ด้วยนะคะ”
หรือบางทีจะเป็นเพราะได้ออกมาข้างนอก แล้วได้มาเห็นเด็กๆพวกนี้ ทำให้เธอดูมีชีวิตชีวาขึ้น
หัวใจของจี้จิ่งเชินสั่นไหวเล็กน้อย เขาโน้มเข้าไปด้านหน้าแล้วบรรจงจูบลงบนหน้าผากของเธอ
“นำทางให้คุณภรรยา เป็นหน้าที่ของผมอยู่แล้วครับ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนดึงมือของเขา แล้วสิบนิ้วประสานกันเอาไว้ จากนั้นก็ค่อยๆเดินไปยังด้านหน้า
จี้จิ่งเชินแนะนำทัศนียภาพแต่ละดีอย่างละเอียด
เดินได้รอบหนึ่งเวลาก็ผ่านไปเร็วมากแล้ว
กว่าเวินเที๋ยนเที๋ยนจะได้มานั้นก็ไม่ใช่เรื่องง่าย เด็กๆที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้านี้ก็คิดถึงพี่เที๋ยนเที๋ยนอยู่ตลอด คิดถึงเป็นอย่างมาก
เดิมทีเหยาเย้นยังคิดว่าเวินเที๋ยนเที๋ยนจะอยู่ดูอีกซักหน่อย แต่เห็นความกดดันที่อยู่รอบๆตัวจี้จิ่งเชินแล้ว จึงทำได้เพียงต้องยอมปล่อยไป
อีกทั้งสีหน้าของเวินเที๋ยนเที๋ยนนั้นก็ดูแย่จริงๆอีกด้วย
เธอกำลังคิดที่จะเอ่ยถึงเรื่องที่จะส่งเธอกลับไปนั้น แต่กลับได้ยินเสียงร้องไห้ของเด็กผู้หญิงดังขึ้น
พวกเธอหันไปมองตามเสียง เป็นโต้วโต้วและเด็กผู้หญิงคนอื่นๆที่กำลังร้องไห้กันอยู่ตรงมุมนั้น
เหยาเย้นกับเวินเที๋ยนเที๋ยนสบตากันแวบหนึ่ง ต่างก็มองเห็นความเจ็บปวดนี้ในสายตาของอีกฝ่าย
เวินเที๋ยนเที๋ยนเดินไม่ค่อยสะดวก เหยาเย้นจึงเอาตรงด้ามวีลแชร์ส่งให้กับจี้จิ่งเชิน แล้วตัวเองก็เดินไปถามโต้วโต้ว
“โต้วโต้ว ทำไมหนูมาหลบร้องไห้อยู่ตรงนี้ล่ะคะ?”
เหยาเย้นย่อตัวลง แล้วเช็ดน้ำตาให้กับโต้วโต้ว
โต้วโต้วเม้มปากไม่ได้เอ่ยพูดออกมา แต่เด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่อยู่ข้างๆเธอนั้นมองไปยังเวินเที๋ยนเที๋ยนด้วยความรู้สึกกลัว
“พวกเขาบอกว่า พี่เที๋ยนเที๋ยนเป็นป่วยหนักมาก คุณครูเหยาคะ พี่เที๋ยนเที๋ยนจะเหมือนพ่อแม่หนูไหม ที่ลอยไปอยู่บนฟ้าไหมคะ?”
ลอยไปอยู่บนฟ้า……
เวินเที๋ยนเที๋ยนและเหยาเย้นล้วนพากันอึ้งไป ในใจค่อยๆนึกขึ้นมาได้
เด็กเล็กๆคงยากที่จะเข้าใจความหมายของเรื่องความเป็นความตายที่แท้จริง
ในความคิดจินตนาการของพวกเขา คนหนึ่งคนหายไป นั่นจะต้องเป็นการเปลี่ยนไปเป็นทูตแห่งสวรรค์แล้วบินขึ้นไปบนฟ้า
เหยาเย้นอดที่จะรู้สึกขอบตาร้อนผ่าวขึ้นมาไม่ได้ เธอลูบศีรษะของเด็กผู้หญิง เธอจำได้ว่าพ่อแม่ของเด็กคนนี้ จากไปเพราะป่วยหนัก
เธอถึงได้มายังสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าเฉินซี
ส่วนพวกเธอที่หลบพากันร้องไห้อยู่ตรงนี้ คงจะเป็นเพราะกลัวว่าเวินเที๋ยนเที๋ยนจะเป็นเหมือนกับพ่อแม่ของเด็กผู้หญิง ไปแล้วไม่กลับมาเลย
โต้วโต้วเดินผ่านเหยาเย้นมา แล้วเดินมาตรงหน้าเวินเที๋ยนเที๋ยน
“พี่เที๋ยนเที๋ยน พี่จะกลายเป็นทูตแห่งสวรรค์ ลอยไปอยู่บนฟ้าไหมคะ?”
ดวงตาของเธอก็ยังคงมีประกายแห่งน้ำตาเช่นเดิม
เวินเที๋ยนเที๋ยนในเวลานั้นก็ไม่รู้ว่าควรจะตอบเธออย่างไรดีเช่นกัน
“ไม่หรอก”
แล้วจู่ๆน้ำเสียงของจี้จิ่งเชินกลับดังมาจากทางด้านหลังด้วยความมุ่งมั่นเด็ดเดี่ยวเป็นอย่างมาก
“ไม่มีทางเด็ดขาด”