เมียหวานของประธานเย็นชา - บทที่912 อยากใช้เวลากับคุณ
บทที่912 อยากใช้เวลากับคุณ
“ลูกพึ่งอายุเท่าไหร่เอง คุณหึงเขาหรอ?เร็วไปไหมคะ?”
ถึงจะพูดแบบนี้ หรือว่าเธอให้ความสนใจจิ่งจี้เชินน้อยไปจริงๆนะ?
พอคิดถึงตรงนี้เวินเที๋ยนเที๋ยนก็เริ่มหันกลับมาพิจารณาตัวเอง
ดูเหมือนว่าตั้งแต่ที่เธอตื่นขึ้นมา เธอก็เอาแต่คิดถึงลูก แทบไม่ได้ทักทายจี้จิ่งเชิน ฉะนั้นยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องสนใจเขาเลย
เวินเที๋ยนเที๋ยนมองจี้จิ่งเชินอย่างรู้สึกผิด เขากำลังนั่งปอกแอปเปิลให้เธออยู่ข้างๆ
สายตาที่กำลังตั้งใจอยู่นั้นเหมือนกับสายตาตอนที่เขาจัดการงานเอกสารเลยราวกับว่าในสายตาเขาการปอกแอปเปิ้ลให้เธอกับการจัดการงานเอกสารมุลค่านับร้อยล้านไม่ต่างอะไรกัน
เธอมองจ้องไปที่ใบหน้าของจี้จิ่งเชินอย่างอดไม่ได้
หลายวันมานี้ไม่ได้มีแค่เธอเท่านั้นที่เจ็บปวดทรมาน จี้จิ่งเชินก็ทนอดหลับอดนอนเฝ้าเธอด้วยเช่นกัน
ใต้ตาเขาดำคล้ำอย่างชัดเจน ที่คางก็มีหนวดเส้นเล็กๆขึ้น เห็นได้ชัดเลยว่าเขาไม่ได้ดูแลตัวเองมาหลายวันแล้ว
ถ้าเป็นก่อนหน้านี้เรื่องแบบนี้จะไม่เกิดขึ้นแน่
เวินเที๋ยนเที๋ยนรู้สึกเจ็บใจแปลบๆ
ผู้ชายคนนี้ทุ่มเทกับเธอมาก เธอไม่ควรเมินเฉยความรู้สึกของเขา
“จี้จิ่งเชิน”
สุดท้ายเธอก็เอ่ยเรียกเขา
จี้จิ่งเชินปอกแอปเปิ้ลเสร็จแล้วกำลังจะส่งให้เธอพอดี “มีอะไรหรอ?”
“ฉันยังไม่ได้พูดขอบคุณคุณเลย”
เวินเที๋ยนเที๋ยนทำหน้าเหยเกพร้อมกับรับแอปเปิ้ลมา “ขอบคุณที่ยังอยู่กับฉันแม้ฉันจะเอาแต่ใจนะ ถ้าไม่มีคุณล่ะก็ ฉันคงทนไม่ได้ไปนานแล้ว”
ยัยบื้อนี่ คนที่ควรจะขอบคุณคือเขาต่างหาก
สายตาของจี้จิ่งเชินอ่อนโยนลงทันที เขาวางมีดปอกผลไม้ลงข้างๆ แล้วเอาผ้าเช็ดน้ำผลไม้ที่เปื้อนมือออก
จากนั้นก็หันกลับมาแล้วจ้องไปที่เวินเที๋ยนเที๋ยน “ไม่ใช่แค่คำขอบคุณประโยคเดียวนะคุณติดหนี้ผม”
ไม่ใช่แค่คำขอบคุณงั้นเหรอ?
ถ้างั้นเขาอยากได้อะไรล่ะ……
เวินเที๋ยนเที๋ยนมองเขาอย่างไม่เข้าใจ พวกเขาเป็นสามีภรรยากัน และไม่มีความลับใดๆต่อกัน
ผ่านร้อนผ่านหนาว ผ่านทุกข์ผ่านสุขมาด้วยกัน ชีวิตของพวกเขาผูกติดกันอย่างแน่นแฟ้น ไม่มีทางแยกออกจากกัน
เธอคิดไม่ออกเลยว่า เธอยังมีอะไรที่ไม่ได้ให้จี้จิ่งเชิน
เวินเที๋ยนเที๋ยนมองไปที่จี้จิ่งเชินด้วยความสงสัย เขาจึงตอบกลับเธอด้วยท่าทีนิ่งสงบ “ผมต้องการให้คุณรับปากว่าจากนี้ไปไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นห้ามหนีผมไปอีก”
“เรื่องหนีออกจากบ้านพรรคนั้น ทำครั้งเดียวก็พอแล้วนะ”
จี้จิ่งเชินพูดเสียงขรึม เห็นได้ชัดเลยว่าเรื่องวันนั้นยังคงติดค้างอยู่ในใจเขา
เวินเที๋ยนเที๋ยนอึ้งไปครู่หนึ่ง “นี่คุณยังติดใจเรื่องนั้นอยู่อีกหรอ……แต่ว่า แต่ว่ามันผ่านมานานมากแล้วนะ……”
ไม่นึกเลยว่าจี้จิ่งเชินจะยกเรื่องเก่ามาพูดอีก!
ทันใดนั้นเธอก็เข้าใจเรื่องทุกอย่างทันที ตอนแรกที่เขาไม่ได้ตามถามเรื่องนี้เป็นเพราะร่างกายของเธอนั้นไม่เอื้ออำนวย เขากลัวว่าจะทำให้เธอทุกข์ใจ
แต่ว่าตอนนี้เธอดีขึ้นมากแล้ว จี้จิ่งเชิงจึงอยากให้เธอสัญญาว่าจะไม่หนีออกจากบ้านไปอีก
พอคิดถึงตรงนี้ เวินเที๋ยนเที๋ยนก็ยิ้มมุมปากขึ้นมาอย่างอดไม่ได้ เธอไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะหนีไป จีจิ่งเชินดีกับเธอขนาดนี้ ถ้ามันไม่เกี่ยวกับลูก เธอก็ไม่มีทางหนีไปจากเขาหรอก
ฉะนั้นจี้จิ่งเชินไม่จำเป็นต้องกังวลไป
แต่ในเมื่อเขาพูดออกมาแล้ว เธอก็ควรจะพูดอะไรสักหน่อย
“ฉันสัญญา” เวินเที๋ยนเที๋ยนพูดพลางยิ้มร่า “จากนี้ไปไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ฉันจะไม่หนีออกจากบ้านไปไหน และถ้ามีเรื่องอะไรที่สำคัญฉันก็จะมาปรึกษากับคุณก่อนจากนั้นค่อยตัดสินใจ”
พูดจบ เธอก็กระพริบตาปริบๆให้จี้จิ่งเชิน “พอใจรึยังคะคุณจี้? ”
“ก็พอได้……”
จี้จิ่งเชินตอบแบบไม่เต็มใจมากนัก
นี่เป็นเพียงความพอใจที่ไม่เต็มใจเท่านั้น?
เวินเที๋ยนเที๋ยนมองเขาด้วยความประหลาดใจ จากนั้นก็นึกสนุกขึ้นมา เธอเดินตรงไปข้างหน้าจี้จิ่งเชินแล้วจุ๊บลงที่แก้มของเขา
“ตอนนี้ล่ะ?”
“……พอใจแล้ว”
พอได้เห็นกับตาแล้วว่าลูกไม่ได้มีปัญหาอะไรมาก ความกังวลในใจของเวินเที๋ยนเที๋ยนก็หายไป
วันรุ่งขึ้นเธอเดินเหินได้อย่างอิสระ คุณหมอก็เลยอนุญาตให้เธอทานอาหารเหลวบางอย่างได้ เพื่อจะได้ไม่ต้องรับการฉีดสารอาหาร
แน่นอนว่าจี้จิ่งเชินจะขอรับหน้าที่ป้อนโจ๊กให้เวินเที๋ยนเที๋ยนจี้ไว้เอง เขาปฏิเสธพวกพยาบาลไป
เวินเที๋ยนเที๋ยนกินโจ๊กหมดอย่างว่านอนสอนง่าย เธอมองเขาที่กำลังเช็ดปากให้เธอด้วยท่าทีระมัดระวัง จากนั้นเธอก็หัวเราะออกมาอย่างอดไม่ได้ “ที่จริงคุณให้พยาบาลทำให้ก็ได้นะ คุณไม่จำเป็นต้องทำเรื่องพวกนี้ก็ได้นี่นา?”
จี้จิ่งเชินยังมีงานสำคัญอีกเยอะที่ต้องจัดการ แค่เขาอยู่กับเธอหนึ่งวันก็มีสายเรียกเข้าโทรศัพท์เป็นสิบสายแล้ว
ฉะนั้นยิ่งไม่ต้องพูดถึงจงหลีเลย รายนั้นไม่รู้ว่าวิ่งกลับไปกลับมากี่รอบแล้ว
เวินเที๋ยนเที๋ยนรู้ดีว่าจี้จิ่งเชินเป็นห่วงเธอ เขาเลยดูแลเธอไม่ห่างอยู่อย่างนี้
แต่ตอนนี้เธอไม่เป็นไรแล้ว ขนาดคุณหมอยังชมเลยว่าอาการของเธอฟื้นฟูดีมาก ไม่จำเป็นต้องให้เขามาคอยดูแลทำทุกอย่างให้อย่างนี้หรอก
จี้จิ่งเชินเห็นแววตาของเวินเที๋ยนเที๋ยนที่บ่งบอกว่าไม่เห็นด้วย เขาเม้มปากลงแล้วแสร้งทำเป็นว่าไม่ได้ยิน จากนั้นก็เก็บถ้วยชามไป
เขายื่นของพวกนี้ให้กับคนดูแลที่เขาเรียกมา
“เรื่องอื่นผมยกให้คนอื่นทำได้นะ แต่เรื่องป้อนข้าวคุณ พยุงคุณไปไหนมาไหน แล้วก็ช่วยกายภาพให้คุณ เรื่องพวกนี้นอกจากผมคนอื่นก็ไม่มีสิทธิ์”
จี้จิ่งเชินพูดเสียงขรึม เรื่องพวกนี้จำเป็นต้องมีการสัมผัสอย่างใกล้ชิดกับเวินเที๋ยนเที๋ยน เขาเลยไม่อาจวางใจให้คนอื่นมาทำแทนได้
พอเห็นจี้จิ่งเชินยืนกรานอย่างแน่วแน่ เวินเที๋ยนเที๋ยนเลยไม่รู้จะพูดอะไรดี
เธอก็แค่คิดว่าถ้าเขาไปๆมาๆแบบนี้มันจะเหนื่อยเกินไปรึเปล่า
“ส่วนเรื่องที่บริษัทคุณไม่ต้องกังวลหรอก ที่บริษัทมีคนเยอะแยะมากมายขนาดนั้น ถ้าเรื่องเล็กน้อยแค่นี้จัดการกันไม่ได้ ผมคงไล่ออกไปตั้งแต่แรกแล้วล่ะ?”
เหมือนกับว่าจี้จิ่งเชินจะรู้สึกได้ว่าเวินเที๋ยนเที๋ยนกำลังกังวลเรื่องอะไรอยู่ เขาเลยใช้วิธีของเขาปลอบเธอ
ไล่ออก?
เวินเที๋ยนหรี่ตามองเขา ถ้าเขาทำอย่างที่พูด พนักงานของบริษัทเอ็มไอกรุ๊ปไม่หายไปหมดเลยหรอ?
“ใช่แล้ว คุณบอกว่าก่อนหน้านี้พ่อกับแม่มาใช่ไหม?แล้วทำไมฉันถึงไม่เห็นพวกเขาเลยล่ะ?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนเปลี่ยนเรื่องพูด
แต่ว่านี่ก็เป็นสิ่งเธออยากจะถามจี้จิ่งเชินจริงๆ
“พวกเขากลัวว่าจะรบกวนเวลาพักผ่อนของคุณน่ะก็เลยฝากให้ผมดูแลแทน”
เมื่อจี้จิ่งเชินได้ยินเธอถามปลายนิ้วมือของเขาก็ชะงักไปเล็กน้อย เขาหยิบเอกสารที่อยู่ข้างๆขึ้นมาแล้วตั้งหน้าตั้งตาอ่าน
เวินเที๋ยนเที๋ยนไม่รู้หรอกว่าหล่อนหลีกับเวินหงหยู้ และหลวนจื่อกับหมินอันเกอ พวกเขาล้วนเคยมาเยี่ยมเธอทั้งนั้น
แต่กลับถูกจี้จิ่งเชินห้ามไม่ให้เข้ามา เนื่องจากเขาบอกกับพวกนั้นไปว่าเวินเที๋ยนเที๋ยนกำลังนอนพักผ่อนอยู่
แต่ที่จริงมันก็เพราะหล่อนหลีเสนอให้ผลัดกันดูแลเวินเที๋ยนเที๋ยน
ทว่าเรื่องดูแลเวินเที๋ยนเที๋ยนมีแค่เขาคนเดียวก็พอแล้ว เขาไม่เชื่อใจพวกหล่อนหลีหรอก ถ้าเทียบกับคนอื่นแน่นอนว่าเขาเชื่อใจตัวเองมากที่สุด
เรื่องทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับเวินเที๋ยนเที๋ยน เขาไม่วางใจให้ใครดูแลทั้งนั้น
เวินเที๋ยนเที๋ยนมองไปที่จี้จิ่งเชินอย่างเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง เธอรู้สึกว่าจี้จิ่งเชินไม่ได้พูดความจริงกับเธอ
ยังไงเธอก็ฟื้นมาได้หนึ่งวันแล้ว ถ้าพ่อกับแม่ไม่มาเยี่ยมเธอมันเลยดูแปลกๆยังไงไม่รู้
เธอกำลังจะถามอะไรเพิ่ม ทว่าจี้จิ่งเชินก็จำใจปิดเอกสารลง แล้วมองตรงมาที่เธอ “ก็ได้ ผมยอมรับ ผมปิดบังพวกเขาเกี่ยวกับเรื่องที่คุณฟื้นแล้ว”
เวินเที๋ยนเที๋ยนนิ่งไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็ถามขึ้น “ทำไมล่ะ?”
“ผมอยากใช้เวลากับคุณให้มากกว่านี้” จี้จิ่งเชินจ้องไปที่เธอ “ตั้งแต่เราไปฮันนีมูนกันมา เรื่องแย่ๆมันก็เกิดขึ้นติดต่อกันมาเรื่อยๆ เหมือนกับมีมือที่มองไม่เห็นกำลังผลักพวกเราให้เดินต่อ