เมียหวานของประธานเย็นชา - บทที่947 ขี่ช้างจับตั๊กแตน?
จี้จิ่งเชินกอดเธอเบาๆ
“อย่าฝืนตัวเอง ต้องใส่ใจสุขภาพด้วย ถ้าต้องการอะไร บอกผมได้ตลอดเวลา”
“อืม”
เวินเที๋ยนเที๋ยนเอ่ย “คุณวางใจได้แล้ว แต่ฉันคิดว่าเรื่องพวกนี้ฉันน่าจะจัดการเองได้ ตอนนี้คุณดูแลสองบริษัทก็ยุ่งมากพอแล้ว”
จี้จิ่งเชินกอดเอวเธอไว้ หลับตาลง จมูกได้กลิ่นจางๆ จากตัวเวินเที๋ยนเที๋ยนที่ลอยมาปะทะ
เห็นจี้จิ่งเชินพูดว่า “ผมปรึกษากับคุณแม่แล้ว เริ่มรวมบริษัทเอ็มไอกรุ้ปกับบริษัทตระกูลหล่อนเข้าด้วยกัน ถึงตอนนั้นก็สามารถลดภาระลงได้ ผมอยากให้คุณไล่ตามความฝันโดยไม่ต้องกังวลอะไร ไม่ว่าคุณจะไปที่ไหน ผมก็จะคอยอยู่ข้างๆ คุณ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนเงยหน้าขึ้น จ้องเข้าไปในตาของจี้จิ่งเชิน
นัยน์ตาสีดำสนิทคู่นั้น สะท้อนภาพของตัวเอง ราวกับว่าตัวเองกำลังหลงใหลอยู่ในนั้น
ไม่ว่าจะมองกี่ครั้ง เวินเที๋ยนเที๋ยนก็สั่นสะเทือนกับความรักในสายตาของจี้จิ่งเชินทุกครั้ง
กำลังจะพูดขึ้น จี้หยู๋ชิงที่นั่งอยู่ข้างๆ ที่ไม่ยอมทนเหงาอยู่คนเดียว ทันใดนั้นก็ส่งเสียงอ้อแอ้ขึ้นมา
เวินเที๋ยนเที๋ยนยิ้มออกมาบางเบา อุ้มเขาขึ้นมา
“หยู๋ชิงก็อยากอยู่กับพวกเราเหรอ?”
“ยีย้า!”
จี้จิ่งเชินเห็นเขาต้องการเข้ามาแทรกให้ได้ ก็ยิ้มอย่างจนใจ
เขากางแขนสองข้างออก รวบทั้งสองเข้าตรงหน้าเข้ามาในอ้อมกอดของตัวเอง
“ในเมื่อเป็นแบบนี้ ก็ต้องบังคับหนูมาด้วยแล้ว”
เมื่อบังคับไม่ได้ จึงได้แต่ใช้น้ำเสียงประนีประนอมที่นำมาซึ่งความไม่พอใจของจี้หยู๋ชิง
เวินเที๋ยนเที๋ยนมองท่าทางของทั้งสองคน ก็เกิดคลื่นความรู้สึกหวานชื่นขึ้นในใจ
“ถึงตอนนั้นพวกเราเริ่มต้นด้วยกันเป็นอย่างไร?”
“ได้ ภรรยาที่รัก”
“ยีย้า!”
ทั้งสองคนตอบอย่างพร้อมเพรียง
เวินเที๋ยนเที๋ยนมองท่าทางของพวกเขาแล้วยิ้มออกมา
วันที่สองที่ได้รับมอบหมายจากอาจารย์ฉู่ เวินเที๋ยนเที๋ยนก็เริ่มทำงานไม่หยุดหย่อน
เพราะนานแล้วที่เธอไม่ได้สัมผัสกับงานบูรณะ จึงขาดในด้านนี้ไปจริงๆ
แม้ว่าช่วงนี้เธอจะฝึกปรือฝีมืออยู่บ่อยครั้ง กลับไม่ได้เห็นผลเด่นชัดนัก
ต้องฝึกเน้นเป็นพิเศษ ให้ชินโดยเร็วถึงจะดี
เวินเที๋ยนเที๋ยนแอบตัดสินใจเงียบๆ วันต่อมาก็มาถึงสำนักงานที่พิพิธภัณฑ์พระราชวังแห่งชาติ
ในมือถือถ้วยใบนั้นที่ได้เลือกมาจากในมือของอาจารย์ฉู่
รอยแยกบนถ้วยใบนี้ ง่ายต่อการบูรณะมาก
แต่เวินเที๋ยนเที๋ยนยังอยากศึกษาค้นคว้าอีกหน่อย ทำอย่างไรถึงจะสมบูรณ์แบบที่สุด
เนื่องจากที่จี้หยู๋ชิงฟ้องเมื่อวาน คราวนี้เธอเลยทำเยอะเป็นพิเศษ ตอนเช้าตอนแบ่งขนมพวกนั้น พ่อลูกคู่นั้นก็เกือบจะทะเลาะกันขึ้นมาอีกครั้ง
แม้ว่าเสี่ยวหยู๋ชิงจะพูดไม่ได้ แต่เมื่อทะเลาะกันขึ้นมาก็ไม่แพ้ให้กับจี้จิ่งเชินเลยแม้แต่น้อย แผ่รังสีออกมาเหมือนกันไม่มีผิดเพี้ยน
เวินเที๋ยนเที๋ยนไม่มีทางอื่น ได้แต่แบ่งครึ่งเป็นสองส่วน ครึ่งแรกเหลือไว้ที่บ้านให้จี้หยู๋ชิงทานเอง แล้วอีกครึ่งส่งไปที่บริษัท
ในที่สุดถึงจะหยุดการทะเลาะกันระหว่างพ่อลูกได้ แล้วจึงวางใจมาศึกษาค้นคว้าที่วังอย่าง
เวินเที๋ยนเที๋ยนศึกษาถ้วยในมืออย่างละเอียด พลิกอ่านข้อมูลไม่หยุดหย่อน
ในสำนักงานที่มีคนมาๆ ไป เห็นเวินเที๋ยนเที๋ยนกำลังศึกษาค้นคว้าอยู่ก็เดินเข้ามาดู
เหลือเพียงอาจารย์หลายคนนั่งอยู่ข้างๆ โดยไม่ยื่นมือเข้ามาแทรกแซงการแข่งขัน
จนกระทั่งเป็นเวลาสายๆ ในที่สุดเซียวหยี่อันก็เดินเข้ามา
เมื่อเห็นว่าเวินเที๋ยนเที๋ยนเริ่มทำงานแล้ว ก็ไม่อยากมองมากไปกว่านั้น แค่นหัวเราะอย่างไม่พอใจแล้วเดินไปที่ที่นั่งของตัวเอง
คนที่อยู่ข้างๆ รีบเข้าไปสอบถาม “เซียวหยี่อัน เธอศึกษาเป็นอย่างไรบ้าง? เจอวิธีแล้วหรือยัง?”
เซียวหยี่อันเอ่ยอย่างพึงใจ “เมื่อวานฉันอดนอน บูรณะเสร็จแล้ว”
เธอพูดพลางหยิบถ้วยใบนั้นออกมา
เวลาสั้นๆ เพียงหนึ่งคืน เธอก็บูรณะไปแล้วเกินครึ่ง รวดเร็วคนน่าตกใจ
“ยอดเยี่ยมมาก!”
“เมื่อวานฉันยังเป็นห่วงเธอว่าจะทำได้ไหม ดูท่าแล้ว ฝีมือการบูรณะของเธอพัฒนาขึ้นแล้ว”
ได้ยินประโยคนี้แล้ว เซียวหยี่อันก็ยิ่งได้ใจ สายตามองข่มเวินเที๋ยนเที๋ยน
เวินเที๋ยนเที๋ยนยิ้มบางให้เธอ และประหลาดใจเช่นเดียวกัน
คิดไม่ถึงว่ายังไม่ถึงหนึ่งคืน เธอก็เสร็จไปเยอะขนาดนั้น เป็นดังที่อาจารย์ฉู่พูดไว้จริงๆ ทักษะในการบูรณะยอดเยี่ยม
ความรู้สึกลึกๆ ในใจของเวินล็อกนเที๋ยน เรียกกำลังใจกลับมาอีกครั้งแล้วก้มหน้าค้นคว้าต่อ
หาอยู่ตลอดทั้งวัน ในที่สุดเธอก็พบกับทางเส้นใหม่ แล้วจึงเริ่มบูรณะอย่างฮึกเหิม
ผ่านไปสองวัน ถึงในที่สุดก็เห็นผลลัพธ์เบื้องต้น
ถ้วยที่ถูกเธอใช้ทดลองหลายใบวางอยู่บนโต๊ะ ช่องว่างของรอยแยกได้รับการบูรณะจนไม่เห็นรอยแตก แม้กระทั่งลวดลายเล็กๆ น้อยๆ ก็ถูกแก้ไขจนสมบูรณ์
แม้กระทั่งนักเรียนหลายคนเดินผ่านมา ล้วนไม่ได้สังเกตเห็นว่าถ้วยสองใบนี้เคยแตกเสียหายมาก่อน เอ่ยอย่างตกใจ “เวินเที๋ยนเที๋ยน คุณวางถ้วยสองใบไว้ตรงนี้ทำไม?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนได้ยินดังนั้นก็เอ่ยถามยิ้มๆ “คุณดูไม่ออกใช่ไหมว่าถ้วยสองใบนี้มีอะไรไม่เหมือนกัน”
คนนั้นเข้ามาดูใกล้ๆ อย่าละเอียด แล้วส่ายศีรษะ
“มีอะไรไม่เหมือนกัน? ก็แค่ถ้วยไว้ดื่มน้ำเหรอไม่ใช่เหรอ?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนเอ่ย “นี่คือถ้วยที่แตกก่อนหน้านี้ที่ฉันบูรณะมา”
“นี่คือผ่านการบูรณะมา?”
คนนั้นตกใจจนเบิกตาโพลง
เวินเที๋ยนเที๋ยนพยักหน้า ส่งถ้วยใบหนึ่งให้กับเธอ
“เป็นอย่างไร? อยากลองดูไหม?”
คนนั้นรับไปอย่างประหลาดใจ
“ลองอย่างไร? คุณคงไม่ได้ให้ฉันใช้ถ้วยนี้ดื่มน้ำหรอกใช่ไหม?”
“ถ้วยก็ต้องเอามาใส่น้ำดื่มได้แน่นอนอยู่แล้ว คุณลองดูสิ”
ได้ยินดังนั้น อีกหลายคนก็เดินเข้ามามองเขาอย่างตกใจ
กลางถ้วยก่อนหน้านี้พบว่ามีรอยแตกมาก่อน แม้กระทั่งบูรณะแล้ว แต่รอยร้าวก็จะปรากฏอยู่เสมอ
ถ้าหากใช้ใส่ของแข็งก็ยังพอเป็นไปได้ แต่ถ้าเปลี่ยนเป็นน้ำแล้วละก็บางทีก็อาจจะรั่วได้
ยิ่งไปกว่านั้น วัตถุโบราณที่พวกเขาได้บูรณะไปทั้งหมด ใครจะใช้วัตถุโบราณที่กว่าจะหามาได้กัน ยิ่งไปกว่านั้นยังจ่ายราคาสูงเพื่อให้คนบูรณะ กลับเอามาใส่น้ำ?
นี่ไม่ใช่ขี่ช้างจับตั๊กแตนหรอกเหรอ?
หลายคนมองถ้วยในมืออย่างประหลาดใจ
“ยังสามารถใส่น้ำได้?”
“ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงๆ ก็ถือว่าเป็นการพัฒนาก้าวใหญ่ในประวัติการบูรณะเลย!”
คนนั้นรับไปอย่างสงสัย เทลงในถ้วย แล้วคอยสังเกตอย่างละเอียด
เห็นเพียงแค่ถ้วยที่บรรจุน้ำไว้ หยดหนึ่งก็ไม่รั่ว ทั้งยังมองไม่เห็นร่องรอยของรอยร้าวใดๆ
ว่ากันตามเหตุผลเมื่อมีรอยแตกร้าวแล้ว น้ำจะซึมไปตามรอยแตกแล้วน่าจะทิ้งร่องรอยเอาไว้ แน่ในนี้กลับไม่มีเลย!
“สุดยอดเกินไปแล้ว” เขาเอ่ยอย่างตกใจ
เวินเที๋ยนเที๋ยนยิ้มบางเอ่ย “ที่จริงก่อนหน้านี้ฉันก็คิดไว้แล้ว แต่ไม่สามารถทำให้เป็นจริงได้ โชคดีที่ได้ลูกชายของฉัน ในที่สุดก็นึกวิธีดีๆ นี้ออก”
ถ้าไม่ใช่เพราะสองวันก่อน จี้หยู๋ชิงไม่ระวังทำถ้วยแตก เวินเที๋ยนเที๋ยนก็คิดไม่ถึงวิธีนี้
ทุกคนเอ่ยอย่างประหลาดใจ “ลูกของคุณ? ลูกของคุณกับประธานจี้เหรอ?”
“ดีจริงๆ มีสามีที่รักตัวเอง แม้กระทั่งฝีมือการบูรณะก็สมบูรณ์แบบ”
หลายคนเอ่ยแสดงความยินดี “วิธีดีๆ ขนาดนี้ ต้องให้อาจารย์จางมาดูด้วยตัวเอง เขาต้องประหลาดใจมากแน่ๆ”